การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 261
บทที่ 261 – ต้นเหตุ
หลังจากที่ทสึรุเข้ามาห้ามไว้อันน่าก็ยังคงสับสนและหวนนึกถึงสีหน้าเจ็บปวดของเลทิเซีย จนชาร์ล็อตต้องกลายเป็นคนควบคุมร่างกาย
ชาร์ล็อตที่มองผ่านด้านในตัวของอันน่าเธอก็รู้สึก ‘กลัว’ เลทิเซียขึ้นมาครั้งแรก ดังนั้นสายตาที่เธอจ้องมายังเลทิเซียจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พร้อมกับจากไปทั้งแบบนั้น.. ไม่ว่าจะเป็นเลทิเซียหรืออันน่า แม้แต่ชาร์ล็อตเองก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร
หลังจากนั้นอันน่าก็จมดิ่งลงไปยังความคิด เธอที่สับสนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แถมยังรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง
ไม่ว่าชาร์ล็อตจะเรียกเธอยังไง เธอก็ไม่ตอบกลับคำพูดออกไป… เธอไม่มีหน้าไปคุยกับชาร์ล็อตหรือเลทิเซีย
สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงอยู่เงียบๆ …
“ข้าชอบเลทิเซียสินะ…”
“ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไป”
อันน่าพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอแม้แต่ชาร์ล็อต
“ทำไมกันล่ะ”
“ก็ข้าน่ะมัน.. ข้าน่ะมันด้านลบ”
“เป็นสิ่งโสมมของชาร์ล็อตเท่านั้น”
“เป็นสิ่งที่ควรแต่จะมีด้านลบ ความรุนแรง… ไม่ใช่หรือไง”
อันน่าพึมพำ.. หวนนึกถึงภาพที่เธอขึ้นคร่อมเลทิเซียพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเลทิเซียที่นอนหลับ..
ตอนเธอหลับ.. เธอหลับเหมือนกับลูกแมวน้อยไม่มีผิด แม้จะพยายามระมัดระวังแค่ไหนแต่ก็มีแค่ตอนนอนนี่แหละที่ดูเป็นเด็กสมวัย
โดยไม่รู้ตัวก็มีรอยยิ้มขึ้นมาบนปากของอันน่า… และตอนนั้นเองดวงตาเลทิเซียก็เปิดขึ้นจ้องมองมาที่เธอ
ดวงตานั้นเผยความระวัง และเหมือนจะมีความดุดัน แต่เหมือนเลทิเซียจะไม่ได้ตอบโต้เธอถามอันน่าเงียบๆ
.. ใช่… เธอชอบเห็นการตอบโต้แบบนั้นของเลทิเซีย ดวงตาที่จ้องมองมาที่เธอแต่ก็ยังเสแสร้งว่าไม่คิดอะไรมากเลือกที่จะถาม
หรือไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มตอนหลับนอนของเธอ หรือแม้แต่เส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ.. หรือตอนทานอาหารจะเช็กอาหารแล้วเช็กอีก
พอเช็คเสร็จก็จะกินข้าวจนหมดจานไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด.. เรื่องเหล่านั้นเธอเองก็ชอบ
หรือจะเป็นตอนอาจารย์ซิลเวียมาขอข้าวทานตอนกลางดึก ถึงปากบอกจะว่าน่ารำคาญ แต่ก็เอาให้เธอตลอดบางวันถึงขั้นสั่งอาหารตอนกลางวันเก็บไว้
ตรงนั้นเธอเองก็ชอบ
เรื่องเรียนเองก็จะเป็นคนที่ตั้งใจฟังที่สุดเสมอ.. เรื่องนั้นเธอเองก็ชอบ..
“อ่า.. นี่..ข้าชอบเธอคนนั้นถึงขนาดนี้เชียว..”
ในตอนนั้นเองดวงตาของเธอที่หลับอยู่ภายในร่างของอันน่าก็เปิดออก.. แหงนมองขึ้นไปบนฟากฟ้า..
ดวงดาวยามราตรีนับไม่ถ้วนทอแสงลงมาบนยังใบหน้าที่ข้าวสะอาดของเธอ สาดลงบนแก้มแดงน้อยๆ ของเธอ..
มองดูราวกับ…
ราวกับเป็นชาร์ล็อตอีกคน..
“เรื่องที่เจ้าขี้กลัวก็ชอบ”
“เรื่องที่เจ้าชอบระแวงข้ายู่เสมอแต่ไม่เคยตอบโต้ก็ชอบ”
“เรื่องที่เจ้าระแวงแต่ข้าจนลืมระแวงชาร์ล็อตก็ชอบ”
“ทุกๆ อย่าง… เกี่ยวกับเจ้า.. ทำไมข้าถึง…”
“ได้ชอบขนาดนี้กันนะ?”
อันน่าพึมพำ รอยยิ้มอันอ่อนโยนไหลบ่าเข้ามาในอกของเธอ ในตอนนั้นเองเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
“ข้าได้กลิ่นของความรักที่ไม่สมหวังล่ะ”
เสียงนั้นดึงเอาสติอันน่ากลับคืนมา เธอจ้องมองลงไปยังต้นเสียงตอนนี้มีชายคนหนึ่งยืนจ้องมองเธออยู่
ชายคนนี้มีผมสีเหลืองทอง ดวงตาสดใสบริสุทธิ์ ราวกับเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งความโลภทุกอย่าง กลับกันยังดูสูงส่งอย่างยากจะบรรยาย
ใช่แล้ว.. ชายคนนี้คือฮิสครอม.. อันน่าที่ไม่ได้สนใจอะไรเลยทำให้เธอไม่รู้จักชายคนนี้ผ่านดวงตาของชาร์ล็อตเลย
“มนุษย์เหรอ แกเป็นใคร!!”
ต่อให้เธอจะชื่นชอบหรือหลงรักเลทิเซีย แต่ทว่าไม่ได้หมายความว่าเธอจะเชื่อใจคนอื่นนอกจากตัวเธอเอง
“ใจเย็นๆ ก่อน ข้าไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเจ้า.. ข้าแค่ได้กลิ่นความไม่สมหวังจากตัวของเจ้า.. อีกทั้งยังได้รับกลิ่นความโลภอีกด้วย”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มพลางหรี่ตาจ้องไปที่อันน่า จนเธอต้องถอยหลังไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ ราวกับกลัวโดยสัญชาตญาณ
แต่แน่นอนว่าอันน่าไม่ใช่คนขี้ขลาด หากแสดงความด้อยกว่าออกมาให้เห็นละก็ อาจจะโดนอีกฝ่ายกดไว้ก็ได้
“แกต้องการอะไร”
“แหมๆ ไม่ต้องระวังกันขนาดนั้นก็ได้นะครับ ข้าเพียงอยากยื่นข้อเสนอบางอย่างเพียงเท่านั้น”
เขากล่าวพลางก้าวขาเข้าใกล้อันน่า เพียงแต่ว่าทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้าใกล้ อันน่าก็ถอยหลังพร้อมกับพูด
“อย่าเข้ามาใกล้กว่านั้นเด็ดขาด แล้วก็ข้าไม่สนใจข้อเสนอของแก”
เธอพูดขึ้นโดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของอีกฝ่าย แน่นอนว่าอันน่าจำไม่เคยลืมเรื่องที่ตัวเองโดนคนอื่นทำอะไรใส่บ้าง
แถมคนอื่นที่ว่ายังเป็นมนุษย์เหมือนกับคนตรงหน้า ดังนั้นเธอไม่มีทางไว้ใจคนตรงหน้าอย่างแน่นอน
“ไม่ฟังกันเลยเหรอ.. ก็ได้ๆ”
“งั้นก็รีบไสหัวไปจากหัวของฉัน ฉันไม่รู้หรอกว่าแกเข้ามาในตัวของชาร์ล็อตได้ไง”
อันน่าพูดขึ้น แต่ทว่าฮิสครอมก็ทำสีหน้าประหลาดใจ พร้อมกับจ้องมองอันน่าก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“อะไรกัน.. นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ?”
“….แกพูดอะไ—”
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบคำพูดเมื่อกี้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเธอ ก่อนที่เธอจะกวาดสายตาไปรอบด้าน เธอพบกับบ้านเมืองที่เป็นเมืองที่อยู่หน้าโรงเรียนลิเบอร์
ตัวเธอกำลังเธอกระเป๋าเดินทางอยู่หนึ่งใบ.. นี่..ไม่ใช่ภายในตัวของชาร์ล็อต.. แต่เธอกำลังควบคุมร่าง..
โดยปกติแล้วการที่เธอจะควบคุมร่างเธอต้องยอมรับและรับรู้เสียก่อนว่าตนเองจะควบคุมร่าง..
แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับมาควบคุมร่างโดยไม่รู้ตัว.. หมายความว่าชาร์ล็อตทำอะไรบางอย่าง..
“ชาร์ล็อต! ชาร์ล็อต!! ชาร์ล็อต!!!”
อันน่าร้องเรียกชาร์ล็อตจนตะโกนเป็นเสียงออกมา.. ทำให้ฮิสครอมที่ดูอยู่พูดออกมาอย่างมีลับลมคมในว่า
“เรียกไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ”
เสียงของเขาดังขึ้น.. ทำให้อันน่าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาโกรธเคือง
ถ้าหากชายคนนี้ยืนตรงนี้ตั้งแต่แรก.. หมายความว่าคนคนนี้ทำอะไรบางอย่างกับชาร์ล็อต.. แถมเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่ชาร์ล็อต
“แกเป็นใครกันแน่ แกทำอะไรกับชาร์ล็อต”
“หือ..? อะไรล่ะนั่น ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ?”
“อย่ามาเล่นลิ้น ข้าถามว่าแกทำอะไรกับชาร์ล็อต”
อันน่าหยิบมีดใต้กระโปรงขึ้นมา ฮิสครอมที่เห็นมีดทำครัวนับสิบเล่มเขาก็ทำท่าทางเหมือนหวาดกลัว
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ.. เจ้าบอกเองว่าให้ข้าไสหัวไปนี่น่า”
“พูดมา”
“เป็นคนที่เอาแต่ใจเสียจริงนะครับ”
ฮิสครอมกล่าวอย่างไร้หนทางพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนที่เขขาจะฉีกยิ้มแล้วจ้องไปที่อันน่า
“คนที่ทำให้เด็กคนนั้นหายไป.. คือเจ้าต่างหาก”
………………
[อยากรู้ไหมครับว่า ทำไมเลทิเซียถึงมีกลุ่มคนบูชาความงดงามของเลทิเซียในโรงเรียน คำตอบอยู่ด้านล่างครับ – ผู้เขียน]
.
.
.
.
.