การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 241
บทที่ 241 – อนาคตที่แน่นอน
ข้ามีชื่อว่า โคลเอ้.. ข้าน่ะเป็นขุนนางธรรมดาในอาณาจักรอาเดฟ และแน่นอนว่าข้าคือนักดาบ..
นักดาบทุกคนนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์อยู่ มันคล้ายคลึงกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ทักษะ’ ที่ทุกคนสามารถมีได้
อันที่จริงพรสวรรค์เหล่านี้คนทุกคนที่เป็นผู้ฝึกวิชาดาบศาสตราอาวุธต่างๆ ล้วนมีกันทุกคนอยู่แล้ว
ที่บอกว่ามันคล้ายคลึงเพราะมันไม่ใช่สิ่งเกี่ยวข้องกัน ทักษะ คือสิ่งที่มนุษย์ต้องได้รับการยอมรับเป็นหมากในกระดานของเหล่าเทพที่อยู่บนแดนมนุษย์เสียก่อน
เมื่อได้รับการยอมรับแล้ว เทพจะเป็นคนบอกถึงทักษะที่ว่านั่น คนทุกคนสามารถมีทักษะได้เพียงหนึ่งเดียว
ใช่ พรสวรรค์ ของข้าเองก็เหมือนแนวคิดของ ทักษะ เลยแหละ เพียงแต่ว่าพรสวรรค์ของนั้นไม่จำเป็นต้องมีเทพมายินยอมแต่อย่างใด
หรือก็คือทุกคนสามารถใช้พรสวรรค์ได้ทันที หากครอบครองมันนั่นเอง
และด้วยความที่ว่าพรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ออกแบบมาให้เหล่านักรบใช้โดยเฉพาะดังนั้นพรสวรรค์ต่างจึงมีแต่มาในรูปแบบของการช่วยเสริมวิชาอาวุธ
เช่นพรสวรรค์เรื่องการใช้ดาบ เมื่อเป็นเช่นนั้นหากคนที่มีพรสวรรค์นี้ก็จะสามารถฝึกดาบได้รวดเร็วกว่าคนอื่น
หรืออาจจะไม่ได้มาเป็นนามธรรมแบบนี้ อาจจะเป็นรูปธรรมยิ่งกว่าเช่นว่า พรสวรรค์ตัดอากาศ อาจจะทำให้เขาฝึกจนสามารถตัดอากาศจนขาดสะบั้นได้
ที่ข้ายกตัวอย่างมามันเป็นแค่รูปแบบที่ข้าเข้าใจเท่านั้น รู้สึกว่าพรสวรรค์สุดเก่งสุดโกงที่เทียบเทียมกับพลังของผู้กล้าหรือจอมมารยังมีเลย
อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นแค่เรื่องเล่าในตำนานปรัมปราเท่านั้น
แต่ทว่า.. สำหรับข้า พรสวรรค์ของข้านั้นไม่ได้เหมาะสำหรับการต่อสู้เลยสักนิด ข้าคิดแบบนั้น มันไม่เคยช่วยอะไรข้าในการฝึกเลย
ไม่สิ อย่าว่าแต่ช่วยในการฝึกเลย ขนาดควบคุมมันข้ายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บางทีมันก็ทำงานเองโดยไม่รู้ตัวไม่อาจควบคุมได้เอง
ความสามารถของข้าคือการมองเห็นโลกคู่ขนานที่แตกต่าง… ใช่ ข้าสามารถรับรู้ถึงโลกอื่นได้หากพลังมันทำงาน
อันที่จริงจะบอกว่าโลกอื่นก็ไม่เชิง เพราะโลกคู่ขนานไม่ใช่โลกที่แตกต่างออกไปจริงๆ แต่เป็นโลกที่ขนานอยู่กับโลกปัจจุบัน
แน่นอนว่าโลกที่ขนานกันทั้งหมดนั้นไม่ได้มีแค่ปัจจุบัน แต่รวมถึงมีอดีตและอนาคตด้วย.. หรือก็คือข้าสามารถมองเห็นอนาคตได้
เอาจริงๆ คงเรียกว่ามองเห็นไม่ได้ เพราะข้าควบคุมมันไม่ได้คงเรียกว่าการพยากรณ์แทนนั่นแหละ
และก่อนหน้านี้หลังจากที่ท่านเลทิเซียกลับมาจากมิติชิ้นส่วนเวหาได้.. ตอนนั้นพลังของข้ามันก็ทำงานเองอีกครั้ง..
ข้าได้รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นทุกอย่างนับตั้งแต่วินาทีนั้น.. ใช่.. ข้ารู้ว่าเลทิเซียเป็นจอมมารคนที่สิบสามจากคำพูดของจอมมารเอลร่าในอดีตเมื่อสิบกว่าปีก่อน
และได้รับรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน.. ตอนแรกข้ายังกลัวเธอ เพราะหากเธอเป็นจอมมาร เธอคงสามารถฆ่าข้าได้ง่ายๆ
ข้าไม่มีความกล้าแม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ.. แต่ทว่าสำหรับข้าเธอคือเพื่อนคนแรกของข้า.. คอยฝึกอยู่กับข้า คุยกับข้า
สำหรับข้าแล้วเธอเป็นมากกว่าเพื่อน.. เธอเป็นคนสำคัญของข้า.. และเมื่อข้านึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้าจึงได้ตัดสินใจรวบรวมความกล้าไปคุยกับเธอ
พอได้คุยกันจริงๆ ข้ากลับพึ่งมารู้สึกตัวว่าเธอนั้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากเดิมเป็นมิตรกับทุกคน.. มีแค่ข้าคิดเองเออเองไปคนเดียว
เธอมอบดาบให้กับข้าอีกด้วย.. ใช่แล้ว.. ข้าจึงตัดสินใจได้ว่า.. ข้าจะต้องทำอะไรสักอย่าง.. แม้ในอนาคตที่มีความเป็นไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดมันจะมีสิ่งที่ข้าหวาดกลัวอยู่เยอะ
แต่ไม่ว่ายังไง.. ข้าจะต้องเปลี่ยนแปลงมันให้ได้.. ในอนาคตต่อจากนี้อีกห้าถึงหกปี.. ท่านเลทิเซีย..
จะถูกฆ่าโดยใครสักคน!!
ใช่ ในความเป้นไปได้ที่ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้น.. ไม่มีความเป็นไปได้ไหนที่ท่านเลทิเซียจะรอดจากชะตากรรมนั้นได้เลย..
ก่อนหน้านี้ที่ท่านเลทิเซียไปในชิ้นส่วนเวหา ข้าก้พอเห็นอนาคตว่าท่านเลทิเซียอาจจะตาย.. แต่ทว่าความเป็นไปได้ที่ท่านเลทิเซียจะรอดนั้นกลับยังมี..
แต่ในอีกห้าหกปีข้างหน้า.. ท่านเลทิเซียจะถูกลบออกจากโลกนี้.. ออกจากความเป็นจริงนี้ในทุกๆ ความเป็นไปได้และหายไปตลอดกาล
เธอจะตาย!
ซึ่งสาเหตุทั้งหมดมันมาจากตอนที่เธอสังหารหมู่ในอาณาจักรไหนสักแห่ง.. แม้จะไม่รู้ต้นตอที่ชัดเจนแต่ก็พอเดาได้ว่า มีคนรู้ถึงความน่ากลัวของท่านเลทิเซีย
พวกมันจึงอยากจะกำจัดเธอก่อนใครเพื่อนเพราะหวาดกลัวในสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง หากสู้ซึ่งๆ หน้าไม่ได้ พวกมันก็จะใช้อุบายในการฆ่า
ดังนั้นข้าจึงพยายามหยุดยั้งเธอโดยการเปลี่ยนแปลงอดีต.. ห้ามไม่ให้เธอฆ่าคนจำนวนมาก.. แต่ทว่ามันกลับทำไม่ได้
ราวกับว่าอนาคตทั้งหมดนั้นไม่อาจถูกบิดเบือนได้แล้ว.. เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้ว.. แต่ว่ามีหรือข้าจะยอม..
หากเป็นชีวิตของคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่ท่านเลทิเซียน่ะเป็นทั้งคนที่สอนข้าและเพื่อนข้า.. ข้าไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปก่อนอย่างแน่นอน
ใช่แล้ว.. ในเมื่อเป็นแบบนั้นข้าก็แค่.. ไปฆ่าคนที่จะมาฆ่าท่านเลทิเซียก่อนก็พอ ถ้าข้าสู้ไม่ไหวก็แค่รอบฆ่าตอนหลับก็ยังได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้.. ข้าแค่ต้องฆ่าพวกมันก่อนให้หมดก็เท่านั้นเอง.. พอตัดสินใจแบบนั้นข้าก็เลยมุ่งหน้าไปทันที ไปหาคนที่จะฆ่าท่านเลทิเซียในอนาคต
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง.. สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้ของข้าก็ปรากฏขึ้น.. มีคนลอบโจมตีข้า..
“เจ้า…”
ข้ามองเห็นคนตรงหน้าก็ตกใจ.. คนคนนี้น่ะคือ… เธอน่ะคือ.. ข้ากัดฟันด้วยความสับสนแต่ว่าเหมือนเธอไม่ได้คิดจะเจรจาแต่อย่างใด
เธอโจมตีใส่ข้าจนไม่แม้แต่เวลาคิด..
“ไม่สิ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”
ข้าตะโกนออกมา แต่ก็วัตถุทรงกลมขนาดเล็กพุ่งมาไม่หยุด วัตถุเหล่านี้พอแตกออกก็จะมอบผลลัพธ์ที่แตกต่างออกมา
บ้างก็มีเข็มนับพันพุ่งออกมา บ้างก็มีเถาวัลย์ บ้างก็มีดาบเวท บ้างก็พิษ ทุกอย่างมันโหมกระหน่ำใส่ข้าจนไม่อาจจะหลบพ้น
“ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ สิ่งที่เจ้าต้องการคืออะไร”
“ข้าก็บอกไปแล้วนะว่า.. เจ้าน่ะรู้มากเกินไปแล้ว ก็แค่นั้นนั่นแหละ”
ในจังหวะที่เธอพูดก็มีคลื่นช็อกเวฟพุ่งตรงมาใส่หน้าของข้า ก่อนที่คมดาบในมือของข้าจะตวัดใส่คลื่นนั้นจนมันถูกทำลายไปในทันที
แต่คลื่นกระแทกก็ยังผลักข้าจนไปกระแทกกับจ้นไม้ด้านหลัง จนต้องกระอักเลือดออกมา.. เธอคนนี้แข็งแกร่งเกินไป..
นี่มันไม่ใช่ระดับที่นักเรียนธรรมดาจะทำได้แล้ว เธอเป็นใครกันแน่.. ไม่ว่าจะเป็นวิชาแปลกๆ ของเธอหรือความแข็งแกร่งของเธอข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด
ข้ากระอักเลือดออกมา
“รู้อะไร.. เจ้าหมายถึงเรื่องบ้าอะไร”
“เจ้าจะรู้เรื่องอะไรอีกล่ะ นอกจากเรื่องของเศษชีวิตของนังปีศาจนั่น”
พอเธอคนนี้พูดอะไรแปลกๆ ยิ่งทำให้ข้าสับสน
“อ่า ข้าหมายถึงไอ้คนที่ชื่อเลทิเซียนั่นไง”
พอเธอพูดทุกอย่างก็ถูกไขกระจ่างทันที ไม่ใช่ว่าข้าเดาไม่ออก.. แต่ข้าไม่คิดว่า.. คนคนนี้จะเป็นศัตรูกับท่านเลทิเซีย..
“..หมายความว่าเจ้าเองก็รู้สิ่งที่จะเกิดในอนาคตอย่างนั้นเหรอ!?”
“ก็แค่เห็นอนาคต เจ้าจะตกใจอะไรขนาดนั้น?”
เธอพูดแบบนั้น นี่ยัยคนตรงหน้านี้นี่มันพูดอะไรของมันเห็นอนาคตขนาดผู้กล้าหรือจอมมารยังเห็นไม่ได้เลยนะ
แม้แต่เทพก่อนที่จะโดนผนึกพลังก็ยังเห็นอนาคตที่ชัดเจนไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่พยากรณ์อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม.. ถ้าผู้หญิงคนนี้เห็นอนาคต..
“ทุกอย่างเป็นแผนของเธอคนเดียวงั้นสินะ คนที่วางแผนให้เลทิเซียตายน่ะ.. เป็นเธอสินะ.. ทำไมกัน ทำไมถึงพยายามจะฆ่าเลทิเซียกัน”
“เฮ้ๆ จะบอกว่าข้าเป็นคนวางแผนมันก็แปลกๆ นะ เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะยัยนั่นเองนี่น่า”
“หุบปาก.. เธอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วด้วยงั้นสินะ”
ข้ากัดฟัน.. ดวงตาของข้าจ้องไปที่เธอคนนี้.. ข้าต้องฆ่าเธอให้ได้ ไม่งั้นละก็ทุกอย่างอาจจะจบไม่สวย
“นี่เธอเล่นมุกอะไร ถ้าจะบอกว่าเป้นแผนของข้าเพราะข้ารู้เรื่องนี้แต่แรกแล้ว.. อืม.. มีอีกสามคน.. ไม่สิ สองคนรู้เรื่องนี้เหมือนกัน แถมหนึ่งในนั้นยังใช้ประโยชน์จากเด็กนั่นซะเต็มที่เลยด้วยนะ แบบนั้นก็หมายความว่าพวกนั้นเองก็เป็นผู้ร้ายด้วยสินะ”
“…..”
นี่มันเรื่องบ้าอะไร.. มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่..