การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 237
บทที่ 237 – บาปที่ไม่ได้มีไว้ชำระ, แต่มีเพื่อแบกรับมันเอาไว้
ความรู้สึกภายในอกของฉันมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย.. แต่ในตอนนั้นคำพูดของสเตลก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ทำไมกันล่ะ.. ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่ข้า ทำไมถึงต้องเป็นสเตฟานี่ เธอน่ะ.. เธอยังเติบโตอีกได้ไม่ใช่หรือยังไง”
น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุดก่อนที่จะหันมาหาฉัน ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในอกฉันมันเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
“ข้าน่ะมันสมควรตายเสียยิ่งกว่าเธอเสียอีก”
และในตอนนั้นเองฝ่ามือของฉันก็ลอยไปโดนหน้าของสเตลอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงตบที่ดังกึกก้องในป่าที่เงียบสงบ
แม้แต่ตัวฉันยังตกใจกับการกระทำของตัวเอง.. ตบหน้าคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรกเนี่ย.. ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ
แต่ทว่าฉันก็มั่นใจแล้ว.. ใช่ สิ่งที่อยู่ในอกฉันคือแบบนี้.. ปากของฉันเปิดออกแล้วก็พูดขึ้น
“อย่าพุดแบบนั้นสิ.. ไม่มีใครควรตายแทนใครทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นนายหรือสเตฟานี่ ก็ไม่มีใครควรตายทั้งนั้น”
ฉันเข้าใจแล้วล่ะ สเตฟานี่.. ไม่ว่าใครก็ไม่ควรตายหรือคนอีกนับล้านที่ตายเพราะฉันน่ะ
“แต่ว่า!!..”
“นายอย่าเอาความเสียใจของตัวเองมายัดเยียดให้คนที่ตายไปสิว่าต้องมีชีวิตอยู่แทนตัวเอง แบบนั้นไม่ใช่เพราะว่านายยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือไง แค่ขี้ขลาดเองไม่ใช่หรือยังไง”
“…..”
“นายเอาอะไรมาตัดสินว่าสเตฟานี่น่ะไม่มีความสุข ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความสุขเลย นายรู้ได้ยังไงล่ะ”
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้หรอก ไม่มีใครรู้หรอก แต่ว่านะ… แต่ว่าชีวิตของเธอน่ะมีแต่ความลำบากอย่าว่าแต่มีความสุขเลยขนาดเวลาว่างของตัวเองยังแทบไม่มี เจ้าจะไปรู้อะไร”
“ฉันรู้สิ… ฉันรู้ดีเลย.. ทำไมเธอจะไม่มีความสุขล่ะ นายเคยรู้ไหมว่าน้องสาวของนายน่ะมีเพื่อนเธอน่ะชื่อเซเรส เธอน่ะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของสเตฟานี่เลย ทุกครั้งที่พวกเธออยุ่ด้วยกันจะมีแค่เพียงรอยยิ้มเท่านั้น แบบนั้นนายจะบอกว่าเธอไม่มีความสุขอีกอย่างนั้นเหรอ”
“…..”
“ไม่ใช่แค่นั้น ตอนที่อยู่กับนาย ตอนที่อยู่กับพ่อแม่ มันคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เธอน่ะดีใจ ดีใจที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เธอไม่เคยนึกเสียใจเลยสักครั้งนอกจากตอนที่เสียนายและพ่อแม่ไป”
“…ข้า…”
ฉันที่ตะโกนพูดจากคำด่าก็กลายเป็นเหมือนคำบอกเล่าสุดท้ายก็กลายเป็นเหมือนกับว่า ‘นาย’ ที่หมายถึงไม่ใช่สเตล
แต่เป็นฉันเอง เหมือนกับว่าฉันกำลังบอกกับตัวเองอยู่เกี่ยวกับการตายของสเตฟานี่
“แล้ว.. นายรู้ไหม.. ตอนที่เธอหายไปน่ะเธอทำหน้ายังไง.. เธอกำลังยิ้มยังไงล่ะ ยิ้มที่ไม่ได้ลงมือแก้แค้นให้พ่อแม่ ยิ้มที่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ยิ้มที่ได้จากลา..”
น้ำตาของฉันไหลออกมาจากดวงตาอย่างช้าๆ
“เพราะงั้น…อย่าพูดว่า..ตายแทนสเตฟานี่จะได้ไหม.. เธอเองก็คงไม่ต้องการให้นายรู้สึกแบบนั้นหรอก”
ใช่.. เพราะความทรงจำของสเตฟานี่ที่อยู่ภายในตัวของฉันมันกำลังกรีดร้องและเสียใจ.. กับคำพูดของเขา
และใช่.. สิ่งที่ฉันพูดออกไปมันเหมือนไม่ใช่ตัวฉันเลย.. แต่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกจริงๆ ในตอนนี้.. เหมือนกับว่าฉันสามารถที่จะพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมาได้แล้ว
สเตฟานี่.. น่ะแข็งแกร่ง..
ดวงตาของสเตลจ้องมาที่ฉันใบหน้าเขาแดงด้วยรอยฝ่ามือของฉัน น้ำตาของเขาไหลพาดผ่านแก้มอีกครั้ง..
“อ่ะ .. อ้า.. นี่ฉันตบแรงไปเหรอ ขอโทษนะ”
ฉันรีบพูดออกไปถึงฉันจะไม่ได้มีแรงเยอะอะไรก็เถอะ แต่หลังจากที่เขาพึ่งน้ำตาหยุดไหลพอโดนฉันตบไปทีหนึ่งน้ำตาก็กลับมาไหลเนี่ย
เหตุผลก็คงเป็นเพราะฉันแน่เลย ตบพี่ชายสุดที่รักของสเตฟานี่ซะได้ อ่า… ทำไงดีล่ะ แต่ในตอนนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมา
“เปล่าหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าเหมือนกับสเตฟานี่แค่นั้นเอง”
พอเขาพูดแบบนั้นฉันก็ส่ายหน้า
“ไม่มีทาง.. สเตฟานี่น่ะเธอพร้อมที่จะให้อภัยคนอื่นเสมอ.. กลับกันฉันในตอนนี้กลับยังไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ฉันไม่มีทางเหมือนกับคนดีอย่างสเตฟานี่แน่”
ฉันพูดแบบนั้นก็ก้มหัวลงเล็กน้อย สเตลมองมาที่ฉันก่อนที่จะหันกลับไปมองหลุมศพของสเตฟานี่
พวกเราไม่ได้พูดอะไรไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะถามฉัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.. เมื่อสองเดือนก่อน”
ไม่ได้เหนือความคาดหมายฉันสักเท่าไหร่สำหรับคำถามนี้ ฉันนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง.. เขามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง
ฉันจึงเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเลย.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกฆ่าโดยเพื่อนของสเตฟานี่ที่ได้รับคำสั่งมาจากครอบครัว
และสเตฟานี่ก็ถูกฆ่าเพราะเธอได้แชร์ความรู้สึกกับฉันไปชั่วขณะ.. ก่อนที่ฉันจะโกรธแค้นและไล่ฆ่าผู้กล้าจนพลอยทำให้คนนับล้านตายไป
พอเล่าถึงตรงนี้มือสองข้างฉันสั่นเล็กน้อย.. พอฉันเล่าทุกอย่างจบสเตลก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สิ่งที่เขาพูดมีเพียงคำเดียว
คำสั้นๆ ..
“งั้นสินะ…”
“นี่นายไม่โกรธฉันบ้างหรือไง.. เป็นเพราะฉันสเตฟานี่ถึงต้องตาย และเซเรสก็เป็นคนฆ่าพ่อและแม่ของนายนะ… ไม่คิดจะโกรธพวกเราหน่อยเหรอ”
ฉันกัดริมฝีปากแล้วพูดออกไป สเตลส่ายหน้าแล้วก็พูด
“เป็นแบบที่เจ้าว่าจริงๆ นั่นแหละ.. ในตอนที่เธอจากไปน่ะ เธอเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ.. จะมีอะไรให้ข้าต้องโกรธแค้นเจ้าด้วยล่ะ”
“แต่ว่า”
ก่อนที่ฉันจะทันได้พูด เขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
“กลับกัน… ข้ายังรู้สึกขอบคุณเจ้าที่ช่วยหยุดไม่ให้เธอฆ่าเพื่อนของตัวเอง.. ขอบคุณที่เจ้าบอกทุกอย่างกับข้าและ..”
เขานิ่งเงียบลงไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น
“ขอบคุณที่ทำให้สเตฟานี่.. น้องสาวข้าได้มีความรัก”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี.. ฉันจึงได้เพียงแต่นิ่งเงียบกับคำพูดของเขา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า
“อีกทั้งเจ้ายังโกรธเพื่อเธอ เกลียดเพื่อเธอ.. ข้าจะไปโกรธเจ้าได้อย่างไร”
“แต่เพราะแบบนั้น ฉันเลยฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องไปมากมายเกินกว่าจะนับได้”
ฉันไม่รู้จะตอบโต้ยังไง แต่ว่า.. แบบนั้นมันขี้โกงไม่ใช่หรือไง ฉันน่ะฆ่าคนไปมากมายด้วยมือคู่นี้.. ฉันมันมีสิทธิ์ที่จะได้รับคำขอบคุณจากใครสักคนจริงๆ เหรอ
“ต่อให้เป็นแบบนั้น… ต่อให้เป็นแบบนั้นก็ตามเรื่องที่ข้าควรขอบคุณเจ้ามันก็ไม่เปลี่ยนแปลง อันที่จริงเพราะเจ้าคนที่ข้าติดหนี้มันเลยตายไปด้วยนะ ฮ่าๆ”
“….”
ฉันนิ่งเงียบ เขาก็หยุดหัวเราะก่อนที่จะจับไหล่ฉัน..
“ฟังนะ.. ข้าไม่ได้จำบอกให้เจ้าลืมในสิ่งที่เจ้าทำ ไม่ได้จะบอกให้เจ้าชินชากับเรื่องที่เคยเกิด.. แต่จงจำมันไว้และแบกมันไว้ข้างหลังพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าคอยเตือนตัวเองว่า.. เจ้าน่ะเคยทำพลาด เจ้าน่ะเคยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้และไม่ทำมันอีกครั้ง.. นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ชีวิต”
“ไม่ว่าเจ้าจะเจออะไร พบกับสิ่งไหนก็อย่าได้ลืมบาปที่ตัวเองเคยก่อ.. บาปไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องชำระมันแต่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องแบกรับมันและโอบกอดมันเอาไว้”
“ข้าเชื่อว่า หากสเตฟานี่ยังอยู่ข้างๆ เจ้าในตอนนี้ เธอเองก็คงพูดแบบเดียวกับข้า เพราะงั้นอย่าได้ลืมเป็นอันขาด”
เขาพูดแบบนั้นกับฉัน.. ช่องโหว่ในจิตใจของฉันที่เหมือนจะถูกเปิดออกเพราะความรู้สึกผิด ความรู้สึกโกรธและเกลียดตัวเองนั้น..
มันก็เหมือนจะเบาบางลง.. ฉันต้องอยู่ต่อไป มีชีวิตต่อไปเพื่อแบกรับบาปที่ตัวเองเคยก่ออย่างนั้นเหรอ..
ฉันก้มหน้าลง.. เสียงกรีดร้อง เสียด่าทอ เสียงเกลียดชังยังคงดังอยู่ข้างๆ หูของฉัน.. ใช่แล้ว.. ฉันน่ะควรจดจำมันเอาไว้
ฉันเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็พูดกับสเตล..
“ขอบคุณนะ”
“ตอบแทนจากฝ่ามือของเจ้าเมื่อกี้ยังไงล่ะ”
“อะแฮะๆ นั่นฉันต้องขอโทษจริงๆ นะ”
ฉันหัวเราะแห้งๆ ออกมา อ้ะ..จำว่าไปทำไมฉันถึงไม่รู้สึกหรือนึกระแวงผู้ชายตรงหน้าเลยนะ ด้วยความสงสัยฉันจึงเอียงคอ
“มีอะไรเหรอ?”
“เปล่านะ..”
“ถึงเจ้าจะบอกว่าเปล่าก็เถอะ แต่เจ้าขยับเข้ามาใกล้ข้าเกินไปแล้วนะ ถึงจะรู้ว่าเคยเป็นชายมาชาติก่อนก็เถอะ แต่มันก็…”
เขาพูดแบบนั้นพลางเกาแก้ม แต่น่าแปลกที่ฉันเข้าใกล้คนแปลกหน้าได้โดยไม่กลัวผู้คน.. อาการกลัวคนมันหายไปไหนแล้ว?
ถึงจะบอกว่าเพราะรู้จักอีกฝ่ายผ่านความทรงจำสเตฟานี่มาแล้วก็เถอะ แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นใช่ว่าฉันจะปล่อยให้คนเข้ามาใกล้ตัวเองได้ง่ายๆ นี่น่า
“จะว่าไปก่อนหน้านี้นายกอดฉันด้วยสินะ?”
“อะ เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
อืม… แปลกแฮะ.. ไว้ค่อยตรวจสอบดูละกัน.. ฉันเอาดอกไม้วางไว้หน้าหลุมศพของสเตฟานี่
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกันไหม”
“อะ..อา..”
ฉันโบกมือลากับสเตลแต่ท่าทางของเขาดูแปลกไปหลังจากที่ฉันพูดว่าเจอกันใหม่ .. เขาคงไม่คิดจะฆ่าตัวตายหรอกใช่ไหม?
ไม่หรอกน่า.. ก็อีกฝ่ายเป็นคนบอกให้ฉันมีชีวิตต่อไปเพื่อแบกรับบาปที่ตัวเองก่อ ถ้าเขาชิงตายไปแบบนั้นมันก็หมายความว่าคำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักน่ะสิ
….
หลังจากที่เลทิเซียจากไปสเตลก็หัวเราะออกมา.. เสียงหัวเราะนั้นไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้
“งั้นเองเหรอ.. สเตฟานี่… เธอมีความสุขแล้วสินะ.. งั้นข้าก็คง….”
เขากล่าวแบบนั้นพร้อมกับยิ้มออกมาก่อนที่จะหันหลังและจากไปเงียบๆ เขาไม่ได้ไปทางที่ตั้งของเมืองหลวง แต่กลับไปทางบ้านของเขาและสเตฟานี่
ในมือถือเชือกเส้นหนึ่งอยู่…
……..
[……….. – ใครสักคน]