การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 233
บทที่ 233 – การประชุมระดับชาติ
แน่นอนว่าเจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเวโรเน่ เวโรเน่ที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมด
แต่ทว่าสองพี่น้องสายเลือดมังกรที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้สนใจเวโรเน่เลย แต่หันไปสนใจผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง
“จะ.. เจ้า..”
พวกเธอทั้งสองต่างพากันตกใจถอยหลังไปหลายก้าว ท่าทางสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดแต่เพราะร่างกายของเวโรเน่บดบังคนด้านหลังอยู่คนด้านล่างจึงไม่รู้ว่าใคร
แต่ท่าทางของคนที่เหมือนจะมีพลังเทียบเคียงกับเทพธิดาอย่างเทพมังกรทั้งสองนั้นกลับสั่นกลัวคนที่อยู่ด้านหลังอย่างชัดเจน
แถมพวกเขายังตั้งท่าแม้แต่เฟรย์ย่าที่มีท่าทางง่วงนอนจนถึงตอนนี้ยังตาสว่างโร่ ราวกับเจอศัตรูที่น่ากลัว
อันที่จริงสิ่งแรกที่พวกเธอคิดไม่ใช่เตรียมตัวต่อสู้ แต่คือการหนีไปจากที่นี่ให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แน่นอนว่าหากว่ากันตามระดับแล้วเวโรเน่ไม่อาจเทียบได้กับเทพธิดาอย่างเลเวียได้ ดังนั้นสำหรับผู้หญิงสองคนที่ไม่กลัวเทพนั้น
ก็ต้องไม่กลัวเวโรเน่อยู่แล้ว แต่คนที่อยู่ด้านหลังนั่นคือใครเพราะถูกร่างของเวโรเน่บดบังไว้จดหมดแต่ร่างกายเวโรเน่ไม่ได้ใหญ่อะไรเลย
จะบดบังคนคนหนึ่งได้อย่างไร หากไม่ใช่ว่าคนคนนั้นตัวเล็กแล้วละก็ เวโรเน่พูดขึ้นเบาๆ
“ฝากท่านจัดการด้วย นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในสัญญาของพวกเรา”
“ให้ตายสิ..”
เสียงเล้กๆ ที่อยุ่ด้านหลังดังขึ้น เวโรเน่หลบออกมาด้านข้าง เธอดิ่งตัวลงไปยังพื้นทางฝั่งที่เลทิเซียอยู่และในตอนนั้นเองคนที่อยู่ด้านหลังของเวโรเน่ก็ปรากฏขึ้น
เธอมีผมสีทองยาวร่างกายเล็กไม่ได้เติบโตเท่าไหร่นัก ไม่มีกลิ่นอายพิเศษอะไรเลยนอกจากความสุขุมและเฉยชา
ในมือกำลังปิดหนังสือที่อ่านอยู่ลงช้าๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่รู้จัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่แสดงสีหน้าสงสัยกันออกมา
“เวโรเน่เด็กนั่นคือ..?”
ในนี้คนที่รู้จักเวโรเน่คงจะมีแค่ลูเซียโน่ ดังนั้นคนที่ถามคำถามแน่นอนว่าไม่ใช่ใครนอกจากเขา เวโรเน่มองหน้าลูเซียโน่
ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อกัน ก่อนที่สายตาของเวโรเน่จะหันไปตรวจสอบจอมมารเอลร่า
“เธอมีชื่อว่า โรส โอเรียนน่า เป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับลูกสาวพวกเธอนั่นแหละ”
“ห๊า? นี่เจ้าเล่นมุกตลกอะไรเนี่ย”
ลูเซียโน่ไม่คิดว่านั่นเป็นความจริงเพราะว่าคนที่ทำให้ผู้หญิงสองคนนั้นกลัวได้นี่.. ขนาดภรรยาของเขายังทำให้พวกนั้นกลัวไม่ได้เลยนะ
“ข้าพูดเรื่องจริง.. แต่ว่า.. เธอคนนั้นน่ะ.. อายุเยอะกว่าข้าแล้วกัน”
“….”
ลูเซียโน่ที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะหันไปถามเวโรเน่ด้วยความสงสัย
“อย่าบอกนะว่า…”
“อืม”
เวโรเน่ไม่ได้ให้ลูเซียโน่พูดแต่เธอก็ตอบกลับไปทันที แต่ทว่าเอลร่ากับเลเวียไม่ได้เข้าใจด้วย อีกทั้งมันยังทำให้เลเวียหงุดหงิดด้วย
ที่ลูเซียโน่ไม่ยอมอธิบายให้ตัวเองเข้าใจด้วย เธอจึงตบหัวลูเซียโน่ไปทีหนึ่ง
“นี่หมายความว่าไง..จะมาใช้ศัพท์ที่พวกเจ้ารู้กันแค่สองคนไปทำไม”
แน่นอนว่าเลเวียก็รู้จักเวโรเน่เช่นกันในฐานะที่เป็นภรรยาของลูเซียโน่ไม่แปลกที่ทั้งสองจะคุยกันดังนั้นระยะห่างของเลเวียกับเวโรเน่ก็ไม่ได้ไกลกันเกินไป
อย่างน้อยก็ไม่ต้องเกรงใจกันได้ล่ะนะ..
“เจ้าอย่าใช้อาภรณ์เทพแล้วมาตบหัวข้าสิ เจ้าจะฆ่าข้าหรือไง”
ลูเซียโน่บ่นอุบอิบออกมา แต่ไม่กล้าพูดเสียงดังเพราะรู้ตัวว่าอะไรควรไม่ควรในเวลานี้ แต่อย่างไรก็ตามหากเลเวียตบแรงกว่านี้อีกนิด
วิญญาณของเขาคงหลุดออกนอกร่างไปด้วยแน่.. เวโรเน่หัวเราะแห้งๆ พร้อมอธิบาย..
“เธอคนนั้นน่าจะเป็น.. คนที่สร้างสถาบันเวทมนตร์ทั้งห้าขึ้นมา.. ในนามของพาลาดินทั้งห้า”
“หืม.. ‘น่าจะ’ อย่างงั้นเหรอ หมายความว่าไม่แน่ใจ..?”
คนที่ตั้งคำถามไม่ใช่เลเวียแต่เป็นเอลร่า เวโรเน่หันไปสนใจเอลร่าก่อนที่จะถามขึ้น
“จอมมารที่เป็นแม่ของเลทิเซียสินะ..?”
“อ๊ะ ขอโทษที่แนะนำตัวช้านิดหน่อย ข้าชื่อว่าเอลร่า เนล ฟาร์เนียและตอนนี้ก็เป็นอดีตจอมมารไปแล้วน่ะนะ”
เวโรเน่ไม่ได้ตกใจมากนัก เธอก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าวยินดีที่ได้รู้จักสั้นๆ ก่อนจะตอบคำถามให้กับเอลร่าว่า
“ข้าเองก้ไม่มั่นใจเพราะเป็นเรื่องเมื่อหลายร้อยปีก่อน.. แต่ว่าเธอน่ะ ถือครองเอกสารสิทธิ์ขาดทั้งหมดของทั้งห้าโรงเรียน.. ที่ได้รับการยอมรับจากปราชญ์”
“เรื่องราวนอกจากนี้ก็.. อ่านหนังสือทั้งวันและมีลูกติดอีกหนึ่งคน”
เวโรเน่อธิบายทุกอย่างเท่าที่เธอเข้าใจ เอกสารโรงเรียนทั้งห้า คือเอกสารที่ถูกเซ็นขึ้นมาในอดีตโดยนักปราชญ์
ซึ่งเอกสารฉบับนั้นมีเนื้อหาไว้ว่าโรงเรียนทั้งห้าแท้จริงแล้วมีผู้นำเพียงคนเดียว ดังนั้นเอกสารจึงมีแค่ฉบับเดียว
ว่ากันว่ามันอยู่ในมือของใครสักคนของพาลาดินทั้งห้าที่ปกครองสถาบันเวทมนตร์อยู่ เอกสารฉบับนั้นมีความสำคัญมากในการยืนยันว่า
สถาบันทั้งห้าจะไม่ขึ้นตรงต่อขั้วอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นและจะขอเป็นกลางไปตลอดกาลโดยไม่เปลี่ยนแปลงและในขณะเดียวกันก็มีสัญญาว่าห้ามคนจากขั้วอำนาจใดโดยตรงเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องภายในรั้วโรงเรียนเด็ดขาด
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าภายในโรงเรียนถึงห้ามมีการแบ่งแยกชนเผ่าหรือลำดับชนชั้นนั่นเอง
และในกรณีที่มีการรุกล้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตทางพาลาดินจะมีสิทธิ์ในการเคลื่อนไหวตามใจชอบต่อตัวต้นเหตุทันที
แต่มันแค่สัญญาในนามเท่านั้นเพราะถึงจะบอกว่าห้ามแต่ก็หยุดการรั่วไหลข้อมูลภายในไม่ได้อยู่ดี ซึ่งมันรั่วไหลผ่านนักเรียนนั่นแหละ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางโรงเรียนถึงไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร เพราะนักเรียนในโรงเรียนมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลบางอย่างตามสถานการณ์หรือระดับชั้น
และหากพวกเขาจะปล่อยข่าวเหมือนเป็นสปายจากประเทสใดประเทศหนึ่งทางโรงเรียนล้วนเอาผิดไม่ได้ นอกเสียจากจะมีการบุกรุกอย่างโจ่งแจ้ง
หรือมีการระบุหลักฐานที่ชัดเจนสัญญาตรงนี้ถึงจะได้มีผลนั่นเอง.. ดังนั้นมันจึงเป็นการขู่เท่านั้น ทำให้คนไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแต่.. การที่คนที่ชื่อโรสถือครองสัญญาตรงส่วนนั้นก็หมายความว่าเธอเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดของทั้งห้าโรงเรียนและ.. ได้รับความเชื่อใจจากพาลาดินทั้งห้า
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ใช่ของปลอม?”
เลเวียกล่าวถามอย่างสงสัย เวโรเน่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่แน่นอน เรื่องนั้นข้ามั่นใจมาก อันที่จริงต่อให้เป็นของปลอมจากพลังของเธอเราก็ไม่เสียผลประโยชน์อะไรหากเธอมาอยู่กับเรา”
ดวงตาของเวโรเน่เงยหน้าขึ้นมองโรสที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เธอวางมือลงเบาๆ กฎเกณฑ์ทุกอย่างบิดเบี้ยวราวกับโลกทั้งใบถูกแก้ไข
ไม่ใช่การปรับแต่งปรุงแต่งหรือแทรกแซง หรือจัดการกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น.. แต่เป็นการ… รังสรรค์โลก…
ห้องโถงแห่งนี้บิดเบี้ยว กลายเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะยาวหลายเมตรและเก้าอี้วางอยู่ ทุกคนสะดุ้งจากความประหลาดใจก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้หมดแล้ว
“ในนามของสถาบันทั้งห้าขอใช้สิทธิ์ในการเป็นกลางและตั้งการประชุมระดับชาติขึ้น เนื่องจากปัญหาทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางเราอย่างมาก”
เธอพูดแบบนั้นก้ยกกระดาษแผ่หนึ่งขึ้นมาวางลงบนโต๊ะ แน่นอนว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นกระดาษสัญญา
“พวกเจ้าสองคนก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหม ในเมื่อมาโลกนี้และเข้าข้างฝั่งจักรวรรดิที่ล่มสลายไปแล้วน่ะ?”
โรสหันไปมองเฟรย์ย่ากับเมย์อา ทั้งสองคนถอยหลังตามสัญชาตญาณ ก่อนที่จะพยักหน้าเมื่อกี้ทั้งคู่พยายามแทรกแซงมิติเพื่อข้ามมิติ
แต่ก็ทำไม่สำเร็จดูเหมือนว่าที่นี่จะกลายเป็นกรงขังไปในเวลาเดียวกันเสียแล้ว