การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 220
บทที่ 220 – ในฐานะพี่ชาย
“อ่อก”
สติของเลมิสทาเรียพร่าเลือน แต่ทว่าแสงในดวงตาของเธอยังไม่หายไป เธอคำรามเสียงแหบพร่าแม้คอจะถูกฟันของเลทิเซียเจาะทะลุไปจนถึงหลอดลม
มือสองข้างสะบัดใส่หน้าเลทิเซียเล็บสองข้างข่วนใส่ใบหน้าเลทิเซีย เพื่อที่จะดึงกรามของเลทิเซียที่งับคอตัวเองอยู่ออก
แต่เลทิเซียกลับไม่สนใจบาดแผลบนหน้าจนดวงตาถูกทำลายไปทั้งสองข้างเธอสะบัดร่างงของเลมิสทาเรียอย่างทารุณ เหมือนกับจรเข้ได้เหยื่อ
หรือจิ้งจอกโจมตีศัตรู จนเลมิสทาเรียไม่หายใจและตายคาปากของเลทิเซียลมหายใจหยุดนิ่ง และการดิ้นรนหยุดลง
เลทิเซียแม้ดวงตาจะมืดบอดแต่เธอก็สามารถสัมผัสทุกอย่างรอบด้านได้ผ่านจิตสัมผัส และบาดแผลของเซเรสในที่สุดก็สามารถรักษาได้
ความเป็นจริงฝีมือการรักษาของเลทิเซียนั้นอยู่เหนือกว่าหมอบนโลกนี้ไปไกลมาก เพราะในโลกเดิมเขาอยู่นั้นมันมีกระทั่งการสร้างอวัยวะเทียม
ที่มีจุลินทรีย์ราวกับอวัยวะของจริงเลย ดังนั้นความเข้าใจต่อโครงสร้างของอวัยวะภายในเลทิเซียรู้ดีกว่าคนบนโลกนี้เยอะ
แถมยังมีของสะดวกสบายอย่างเวทมนตร์อีก ที่เป็นปัญหาคือการรั้งให้เซเรสไม่ตาย เพราะร่างกายมนุษย์นั้นอ่อนแอ
ถึงแม้ในเชิงกายภาพร่างกายเซเรสอาจจะแข็งแกร่งกว่าเธอ แต่พูดในแง่ความตายยากปีศาจเหนือกว่ามนุษย์
ดังนั้นเธอจึงไม่ตายทันที อาจจะเป็นเพราะทั้งๆ ที่ถูกควักหัวใจไปแล้วไม่ตายทันที ทำให้มีเรื่องเล่าว่าปีศาจนั้นมีสองหัวใจ
ทั้งที่ความจริงแค่เพราะปีศาจมีพลังเวทเยอะ แม้หัวใจหายไปร่างกายก็จะใช้พลังเวทในการขับเคลื่อนเม็ดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
อย่างน้อยก็ภายในสิบนาทีจะไม่ตายในทันทีอย่างแน่ แน่นอนว่าทุกอย่างมันเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของปีศาจเหมือนที่มนุษย์ไม่สามารถกลั้นหายใจจนตายนั่นแหละ
ภายใต้การรักษาของเลทิเซียหน้าอกของเซเรสก็ถูกปิด หัวใจกลับมาเต้นดังเดิมโชคดีที่เลทิเซียรั้งเธอให้ไม่ตายได้
ในขณะที่เลทิเซียกำลังจะรักษาบาดแผลนั้นเอง เสียงจากที่ห่างไกลก็ดังขึ้น เป็นเพราะพลังรักษาทั้งหมดถูกถ่ายเทไปหาเซเรส
ทำให้สภาพเลทิเซียยังไม่ฟื้นฟู แม้ตาสองข้างจะถูกทำลายแต่เธอก็ยังได้ยินเสียง
“ยิงได้!!!”
ตามมาด้วยเสียงห่าฝนของลูกธนู แถวนี้มีต้นไม้อยู่ไม่น้อย ธนูยิงมาจากระยะไกลขนาดนั้นไม่มีทางโดนแน่ๆ
แน่นอนว่าฟังจากเสียงที่อยู่ไกลออกไปนะ แต่ถ้านั่นมันธนูธรรมดาละก็นะ.. เพราะถ้าเป็นธนูไฟทุกอย่างจะกลับกัน
แน่นอนว่าเลทิเซียยกระโดดถอยหลังหอบเอาร่างเซเรสและร่างสเตฟานี่ที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา ไม่ทันได้รักษาบาดแผลเธอเก็บทั้งคู่ลงมิติพิเศษที่สร้างขึ้นใหม่
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกธนูลูกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาปักที่ไหล่ขวาเลทิเซียที่สูญเสียตา ความแสบร้อนแผ่ซ่านไปทั่วไหล่
ธนูไฟ! แต่แค่นั้นยังพอว่าเพราะในวินาทีต่อมาหัวธนูก็เหมือนจะคำสั่งบางอย่างทำงาน
“ตู้ม”
เสียงกรีดร้องดังออกจากปากเลทิเซียไหล่ของเธอแหว่งเป็นรู ส่วนแขนขวาก็เหมือนจะขาดได้แทบทุกเวลา
สภาพของเลทิเซียในยามนี้เหมือนกับซอมบี้ไม่มีผิด หน้าอกเป็นรู ไหล่ถูกระเบิด ตาสองข้างมีเลือดไหลออกมา แต่ยังไม่ตาย
อายความร้อนแผ่ออกมาจากทุกสารทิศเพราะเหมือนอีกฝ่ายจะต้องการเผาเลทิเซียทั้งเป็นแน่นอนว่าห่างไกลออกไปมีไบรอัสยืนอยู่
ด้านหลังเขามีกองทัพนับแสนราวกับกำลังจะไปทำสงคราม สำหรับทหารเหล่านี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์สงครามก็จริง
แต่พวกเขาก็ถูกฝึกมาดีเช่นกัน แม้จะมีคำถามมากมายว่าทำไมองค์ราชาถึงทรงเสด็จออกมาสั่งการเอง แถมเอากองทัพนับแสนมาทำไม
เหล่าผู้บัญชาการที่งงกับคำสั่งแต่ก็ยิงธนูไฟตามคำสั่ง เรียกกองทหารนับแสนมาเพื่อเผาป่า.. นี่มันเรื่องอะไร…?
นี่เป็นแผนสำรองของเลมิสทาเรียและไบรอัส กองทัพเหล่านี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อกำจัดเลทิเซียโดยตรงแต่อย่างใด
พวกเขาแค่เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้ก่อนเพราะไม่ว่าจะชิงร่างเลทิเซียสำเร็จหรือไม่คนที่มาหาเรื่องเขาจะต้องเป็นอาณาจักรอาเดฟแน่ๆ
เพราะเลทิเซียนี่เป็นลูกสาวของผู้กล้าและเทพธิดานั่น
แต่เรื่องน่าตลกก็คือ ไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จแต่ยังต้องใช้กองทัพที่เตรียมจัดการกับเหตุคับขันอีก
ในตอนนั้นเองท่ามกลางป่าที่ลุกไปด้วยกองไฟมีคนคนหนึ่งเดินออกมา ทหารทุกคนอ้าปากค้างมีคนอยู่ในนั้นจริงๆ ?
ในขณะที่พวกเขาขมวดคิ้วจ้องไปที่เงาร่างที่เดินออกมาจากกองไฟสลับไปหาไบรอัส..
“ท่านพี่…”
เลมิสทาเรียยังไม่ตาย! แม้สภาพในตอนนี้เธอยังเหมือนตอนที่ถูกเลทิเซียฆ่า คอถูกกัดจนแหว่งบาดแผลสาหัสทั่วร่าง
ไม่เพียงแค่นั้นที่เท้ายังมีไฟไหม้จนเห็นกระดูกอีกต่างหาก ทหารทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างพากันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
นี่คนตรงหน้าไปเจอสัตว์ประหลาดอะไรมา.. แน่นอนว่าตัวตนของเลมิสทาเรียไม่ได้ถูกเปิดเผย แม้คนทั้งโลกจะรู้ว่าไบรอัสมีน้องสาว
แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าน้องสาวไบรอัสหน้าตายังไง แต่จากการเรียกเมื่อกี้เหล่าทหารคงพอคาดเดากันได้บ้างแล้ว
แต่ว่า.. ถ้าคนตรงหน้าเป็นผู้กล้าที่ว่าเป็นน้องสาวของไบรอัส.. แล้วไปเจอตัวอะไรมาถึงได้มีสภาพน่าเวทนาเช่นนี้
หรือมันจะเกี่ยวข้องกับที่ท้องฟ้าตอนนี้กลายเป็นยามค่ำ ทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน พวกเขาไปยั่วปีศาจชนิดไหนกัน
มังกรเหรอ แต่ของแบบนั้นไม่น่าจะมีเหลืออยู่บนทวีปนี้อีกแล้ว หรือว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดลึกลับที่ยังไม่เคยเผยตัวตน
แต่เลมิสทาเรียเป็นถึงผู้กล้าเชียวนะ.. สัตว์ประหลาดที่ทำให้ผู้กล้ามีสภาพเวทนาเหมือนตายไปแล้วทั้งเป็นนี่… อาณาจักรนี้มีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอาศัยอยู่งั้นเหรอ!!
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นไปทั่วกองทัพ พอไบรอัสเห็นน้องสาวเขาก็พอเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันทีรีบวิ่งไปหาเลมิสทาเรีย
“เจ้า….”
“ข้าตายไปแล้ว.. ตอนนี้เหลือวิญญาณแค่เจ็ดดวงเท่านั้น…”
“ทำไมเจ้าถึงได้โง่ขนาดนี้ ถ้าไม่ไหวก็ให้รีบหนีออกมา รู้ไหมว่าถ้าวิญญาณที่หลอมรวมแล้วหายไปต่อให้แค่วิญญาณเดียวก็ตาม ดวงวิญญาณของเจ้าก็ได้รับผลกระทบจนไม่สามารถหลอมรัววิญญาณไปเป็นร้อยปีน่ะ”
ไบรอัสบ่นพร้อมกับรักษาบาดแผลเลมิสทาเรียด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ บาดแผลของเลมิสทาเรียหายวับไปในพริบตาเดียว
“ถ้าหากข้าทำได้ ข้าทำไปนานแล้ว.. ท่านพี่.. เด็กนั่นน่ะมันสัตว์ประหลาด”
“หึ.. สัตว์ประหลาดหรือจอมมาร แต่บังอาจมาฆ่าน้องข้าเห้นทีว่าจะหนีไม่ได้แล้วล่ะ”
ไบรอัสกัดฟันพูดหลังจากคิดถึงสภาพบาดแผลของเลมิสทาเรียเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้าของเขา..
เขาไม่ได้คิดว่าการที่ตัวเองทำเรื่องเหล่านี้ลงไปมันผิด เพราะว่าทุกอย่างที่พวกเขาทำไปก็เพื่อพวกเขาสองคน
ต่อให้ต้องฆ่าไปมากแค่ไหน ต่อให้จะผ่านศพไปมากเท่าไหร่พวกเขาจะยังก้าวต่อไป.. เพื่อไปให้ถึงปลายทางที่พวกเขาวาดฝันไว้
และในตอนนี้ มันมีไอ้หมากในกระดานตัวหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะเดินตามที่วางไว้ แผนนับร้อยปีพังไม่เป็นท่า
แต่เรื่องแบบนั้นจะยังไงก็ช่างสำหรับเขา หากแผนพังก็ถอยกลับไปตั้งหลักก็พอ เขารู้ว่าเด็กที่ชื่อเลทิเซียน่ะแข็งแกร่งไม่งั้น..คงทำน้องสาเขาไม่ได้ขนาดนี้
การถอยไปตั้งหลักถือเป็นแผนกการที่ดีที่สุด แต่จะมีใครบ้างที่ทนเห็นน้องสาวตัวเองตายไปแล้วทนนิ่งเฉยได้
นี่ถ้าหากเพราะไม่ผสานรวมวิญญาณไปละก็ ชีวิตพวกเขาคงมีชีวิตเดียว น้องสาวเพียงคนเดียวของเขาคงลาจากโลกไปแล้ว
ฟังดูอาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง.. แต่เขาต้องล้างแค้นให้น้องสาวเขาให้ได้.. นี่ไม่ใช่ฐานะผู้ชั่วร้ายหรือผู้กล้าอะไรทั้งสิ้น
แต่ในฐานะพี่ชาย!
ใช่แล้วความโกรธของเขามันเหมือนกับตอนที่… เลทิเซียโกรธเมื่อเลวี่ถูกทำร้ายไม่มีผิด