บทที่ 192 – ควบคุมอารมณ์
เลมิสไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา และทุกอย่างเกินขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างรวดเร็วทำให้ไม่มีใครสัมผัสถึง
แต่ทว่าเลทิเซียนั้นรู้ดีกว่าใครว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามภายใต้ความโกรธเคืองของเลทิเซียนั้นเอง
เลมิสก็ยักไหล่แล้วก็พูดขึ้น
“มัวแต่โกรธอยู่แบบนั้นจะดีเหรอ เลทิเซีย.. ไม่สิ หรือจะให้เรียกว่าจอมมารคนที่สิบสามดีล่ะ?”
แน่นอนว่าพออีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมาเลทิเซียก็รู้สึกสับสนขึ้นมา จอมมาร? อีกฝ่ายหมายถึงตัวเอง?
ไม่น่าจะใช่ ตัวเลทิเซียนั้นได้ทราบมาว่าจอมมารนั้นจะมีได้เพียงสิบสองคนเท่านั้น และการผลัดเปลี่ยนจอมมารนั้นสามารถสืบต่อผ่านพิธีกรรมบางอย่าง
ลาน่าเป็นคนบอกน่ะนะ แน่นอนว่าอีกวิธีหนึ่งคือการเอาชนะจอมมารคนปัจจุบันและแย่งชิงปัจจัยแห่งจอมมารมาเพื่อกลายเป็นจอมมาร
หมายความว่าเลทิเซียเป็นแค่ปีศาจธรรมดา ที่อาจจะเกิดมาในวงศ์ตระกูลชั้นสูงนิดหน่อย พอไม่พอใจเลยถูกปล่อยทิ้ง
เลทิเซียเองก็มีพลังเวทเยอะอยู่มาก เธอเองก็สัมผัสได้ว่าหากเทียบกับปีศาจตัวอื่นๆ เธออาจจะมีเยอะกว่าไม่มากก็น้อย
แต่ทว่าจอมมารน่ะ ยังมีกำแพงที่ตัวเธอมองไม่เห็นอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกวันนี้เธอถึงต้องระวังทั้งผู้กล้าและจอมมาร
“แต่ที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือ ไม่โดนผนึกพลังด้วยสินะ จะว่าไปมันก็แปลกน่ะ ที่เป็นปีศาจแต่ดันใช้เวทมนตร์มนุษย์ได้ ข้าละสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะสามารถใช้เวทมนตร์ของพวกกึ่งมนุษย์ได้ด้วยหรือเปล่า….”
“……”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เลทิเซียสับสน เหมือนว่าเลมิสจะมองเห็นถึงความสับสนของเลทิเซียเธอเลยยิ้มและพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนกำลังจะสงสัยสินะว่าข้าเป็นใคร พูดอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ดีด้วยสิ ข้าคือผู้กล้าแห่งมหาเวท เลมิสทาเรีย ผู้สืบทอดผู้กล้าแห่งมหาเวทรุ่นที่สามนับจากช่วงยุคสิ้นสุดสงคราม”
“แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมข้าถึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ เพราะข้าเป็นผู้ย้ายรางที่เจ้าพึ่งได้ยินมาจากไอ้หมอนั่นไงล่ะ ชื่ออะไรนะ ลืมไปแล้วแต่เห็นว่าเป็นนายกรุ่นก่อนแหละ”
พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นความโกรธทั้งหมดของเลทิเซียแทบปลิวหายไปจนหมด ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ในตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า
เธอเคยถูกผู้หญิงคนนี้สะกดรอยตาม หมายความว่าอีกฝ่ายมีไพ่ในมือที่ได้เปรียบ เนื่องจากรู้ข้อมูลเลทิเซีย
แต่ตรงกันข้ามเลทิเซียกลับไม่รู้อะไรจากผู้หญิงคนนี้เลย นอกจากผู้กล้า
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พันธมิตรอย่างแน่นอน สัญชาตญาณเลทิเซียมันบอกมาแบบนนั้น
เธอถอยหลังไปหลายก้าว เลมิสทาเรียก็ยิ้มออกมาต่อท่าทางการตอบสนองของเลทิเซียก่อนจะพูดว่า
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ เอาเข้าจริงข้าในตอนนี้ย้ายร่างมาแล้วแปดรอบเท่านั้นเอง บางทีข้าในตอนนี้ยังเอาชนะเจ้าไม่ได้หรอกมั้ง”
“เธอต้องการอะไร”
เลทิเซียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอในตอนนี้ทั้งรู้สึกโกรธที่พี่สาวตัวเองโดนดูถูก โกรธที่ตัวเองประมาทโดนสะกดรอยตามโดยไม่รู้ตัว
แถมยังโดนรู้ความลับอย่างการที่ตัวเองเป็นปีศาจ แต่สามารถใช้เวทมนตร์ของมนุษย์และของปีศาจได้ด้วย
สิ่งที่เธอคิดมาได้ในตอนนี้คือ กำจัดอีกฝ่ายทิ้ง แต่ตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกกวนใจกับท่าทางที่สบายใจของอีกฝ่ายนั่นอยู่ดี
หากอีกฝ่ายพูดว่าตัวเองอ่อนกว่าเธอ แต่กลับไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเลทิเซีย หมายความว่าอีกฝ่ายอาจจะมีไพ่ตายที่สามารถชิงความได้เปรียบ
แต่ที่นี่ ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่อยู่ดี บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายมั่นใจแต่เธอก็รีบสะบัดความคิดนั้นทิ้ง
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้กล้าเลยนะ ยศฐานะสูงกว่าพาลาดินด้วยซ้ำหากไม่โดนผนึกพลังละก็นะ แต่อีกฝ่ายก็ย้ายร่างมาแล้วถึงแปดรอบ
ตามคำพูดของนายกอะไรนั่น พวกผู้ย้ายร่างเนี่ยมีนิสัยแปลกๆ ด้วยสิ
“ไม่ไหว ข้อมูลน้อยเกินไป”
เลทิเซียบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือหาข้อมูลเพิ่ม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
พอมานึกๆ ดูพักหลังมานี่บางทีตัวเธออาจจะเลินเล่อไปหน่อย กลายเป็นหมากในกระดานของอาจารย์เวโรเน่ไม่พอ
ตอนนี้เจอผู้กล้าที่มาทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนวางแผนอะไรไว้อีก เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เลทิเซียยิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดีมากขึ้น
จนแบอยากจะระเบิดพลังออกมาแล้วก็ฆ่าทิ้งมันให้หมดทุกคนซะตรงนี้ ทุกอย่างจะได้จบลงสักที
“ไม่ได้ ขืนทำแบบนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากฉันที่ระเบิดอารมณ์ใส่ชาร์ล็อตนี่น่า อีกอย่างโคลเอ้ก็บอกว่าห้ามฆ่าคนด้วย ถึงจะไม่รู้เหตุผลก็เถอะ แต่ว่าโคลเอ้เป็นคนที่ขี้ระวังเหมือนกับฉัน นั่นหมายความว่าความกลัวของเธอต้องมีเหตุผลแน่นอน”
เลทิเซียยิ่งคิดยิ่งรู้สึกปวดหัว เลมิสทาเรียที่ได้ยินคำถามของเลทิเซียเธอก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาแล้วตอบ
“อย่างที่ข้าได้บอกว่าข้าย้ายร่างมาครั้งที่แปด กล่าวคือเหลืออีกแค่ครั้งเดียวก็จะสามารถอยู่ในระดับที่เหนือกว่าทุกคนบนโลกนี้”
“ผนึกจะสลายหายไปทั้งหมดร้อยส่วนและพลังจากร่างทั้งเก้า จะทำให้ข้ากลายเป็นผู้ไร้เทียมทาน”
“ว่ากันตามตรง ข้าสนใจในตัวของเจ้ามาก ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่ฝืนกฎเกณฑ์ของโลกนี้สามารถใช้เวทมนตร์ของอีกเผ่าได้”
“มาทำข้อแลกเปลี่ยนกันเถอะ มอบร่างกายของเจ้าให้ข้า”
เลมิสทาเรียพูดอย่างตรงไปตรงมา เลทิเซียยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบเข้าไปอีก อาจจะเป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมา
เธอได้ซึมซับความหนักอึ้งและความกดดัน ผ่านหลากหลายทางแถมยังมีความโกรธเป็นทุนเดิม ความก้าวร้าวที่ค่อยๆ เติบโตในใจของเธอเงียบๆ
เธอพยายามสงบอารมณ์โกรธแล้วก็พูดต่อ
“ถ้าหากแลกร่างแล้วฉันจะเป็นอะไร? แล้วข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าคืออะไร”
แน่นอนว่าเลทิเซียไม่คิดจะยอมรับข้อเสนอหรืออะไรอยู่แล้ว เธอแค่อยากหาข้อมูลเพิ่มเพื่อจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่ย่ำแย่ไม่รู้ข้อมูลศัตรูเลยในตอนนี้เท่านั้นเอง
“แน่นอนว่า เจ้าก็ต้องตาย แต่ว่านั่นแหละคือข้อแลกเปลี่ยนข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่เจ็บปวดเอง”
เลทิเซียคิ้วกระตุก ยัยนี่มันพล่ามอะไรของมัน ข้อแลกเปลี่ยนอะไร ดูยังไงมันก็เหมือนสั่งเธอไปตายชัดๆ แล้วคนที่บอกว่าสู้เธอไม่ได้
ก็คืออีกฝ่ายเอง แล้วมันจะมีสิทธิ์อะไรที่จะมาสั่ง ถ้าหากแข็งแกร่งจนไร้ทางสู้เลยแบบในพวกหนังในการ์ตูนที่เลทิเซียเคยดูในโลกก่อนก็ว่าไปอย่าง
เธอพอเข้าใจแล้วล่ะว่าพวกผู้ย้ายร่างมันนิสัยแปลกยังไง เหมือนจะเป็นพวกไม่สมประกอบ ก็ไม่แปลกเล่นเปลี่ยนกายหยาบตัวเองไรแบบนั้น
“ว่าไงข้อเสนอของข้าดีใช่ไหมล่ะ?”
“……”
“อันที่จริงตอนแรกข้าว่าจะเอาร่างสุดท้ายเป็นร่างของคนประหลาดเหมือนเจ้านะ ไม่สิ ไม่ใช่คน แต่เป็นเทพนี่น่า ยัยนั่นเหมือนเจ้าเลยฝืนกฎโลกแล้วใช้เวทมนตร์บนโลกมนุษย์ได้เฉยเลย อืมม รู้สึกจะชื่อว่า เลเวีย ละมั้ง อ๊ะนึกออกแล้ว เธอเองก็เป็นคนที่ยัยนั่นรับมาเลี้ยงนี่น่า โชคดีเลยแฮะในครอบครัวนี้มีคนให้เลือกใช้สองคนแน่ะ”
ในท้ายที่สุดเส้นฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง ความโกรธของเลทิเซียไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายพล่าม หรือสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
ทุกอย่างเธอไม่สนใจแล้ว ความโกรธของเลทิเซียระเบิดออกมา เลทิเซียยกนิ้วขึ้น ก่อนที่ปลายนิ้วชี้จะมีมวลสีดำปรากฏขึ้นมาที่ปลายนิ้ว
ไม่สิ ไม่ใช่มวล มันคือหลุมดำ ความสามารถที่เลทิเซียไม่เคยใช้มาก่อนบนโลกใบนี้ แต่รุ่นนี้ก็เป็นรุ่นพัฒนาให้มันเล็กลงเหลือแค่เท่าเม็ดขาว
แต่ทว่าหลุมดำทำอากาศรอบด้านบิดเบือน อีกฝ่ายก็เบิกตากว้างพลางถามขึ้นด้วยความสงสัย
“นี่จะโจมตีข้าเหรอ? เจ้าปฏิเสธข้อเสนอที่สุดแสนจะใจดีของข้าอย่างนั้นเหร—”
ทว่าก่อนที่จะได้พูดจบเลทิเซียก็จ้องไปที่อีกฝ่าย
“หุบปาก”
ว่าแล้วกระสุนหลุมดำขนาดเท่าเม็ดขาวก็ถูกยิงออกไป จนทำให้ทุกย่างก้าวที่พุ่งผ่านกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศ
มิติบิดเบี้ยว ราวกับว่านี่คือหายนะของสนามประลอง ทุกอย่างในระยะสายตาราวกับถูกเม็ดขาวสีดำพยายามดูดกลืนเริ่มพังทลาย!!!
MANGA DISCUSSION