การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 178
บทที่ 178 – เหยื่อนั้นคือเพื่อน
ถึงสเตฟานี่จะมีท่าทางแปลกๆ ในสายตาของเลทิเซียก็เถอะนะ เพราะเธอหน้าแดงเพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างบังอาจดูถูกความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนของเลทิเซีย
สำหรับเธอแล้ว เธอเลือกเชื่อเพื่อนเพราะเป็นเพื่อน! คำดูกำกวมแต่มันก็ยากที่จะหาเพื่อนแบบนี้ได้สักคน
เพื่อที่พร้อมจะเชื่อเธอทุกคำพูด พอคิดแบบนั้นได้เธอก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองบังอาจสงสัยในคำว่าเพื่อนของเลทิเซีย
แต่ว่าการเที่ยวก็ยังสนุกเหมือนเดิม พวกเธอสามคนในยามราตรีที่ท่องไปทั่วในเมืองที่รุ่งเรืองและคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้จะยิ่งดึกก็ตาม
โลกนี้ไม่ได้มีเวลา 24 ชั่วโมงเหมือนโลกของเลทิเซีย แต่มีถึง 26 ชั่วโมงต่อวันนั่นเอง แม้แต่ปีหนึ่งโลกนี้ยังมีสิบสามเดือนเลย
และแน่นอนว่าก็มีช่วงเวลาเช้าและเย็นที่นานกว่าโลกเดิมเลยก็ว่าได้ จริงๆ เวลายี่สิบหกชั่วโมงนี่เหมือนจะมีขึ้นมาเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน
ดังนั้นพวกเธอจึงมีเวลาอีกมากมายกว่าจะหมดวันนี้นั่นเอง และในตอนนี้พวกเธอทั้งสามก็ยืนอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึก
“เลทิเซียดูนี่สิ มันสวยมากเลยนะ!”
เซเรสดึงแขนเลทิเซียไปชี้ใส่สร้อยคออันหนึ่ง เป็นสร้อยคอที่สร้างขึ้นจากแร่พิเศษเหมือนสร้อยทองในโลกเดิมเลทิเซีย
แต่วัสดุที่ใช้สร้างไม่ใช่ทอง มันมีสีม่วงทับทิมดูงดงามมาก แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของแพงอะไรเลย
“เลทิเซีย ตรงนี้มีแหวนด้วยล่ะ”
สเตฟานี่ลากแขนเลทิเซียไปชี้ให้ดูที่มุมหนึ่งของร้านที่ระลึก มันเป็นแหวนที่ไม่มีลวดลายอะไรนอกจากผิวเนียนของมันและมีขนาดเล็ก
เหมาะกับแหวนให้ผู้หญิงใส่ ตัวแหวนมีสีขาวโพลนทำจากแร่ชนิดพิเศษบางอย่างเหมือนกัน ราคาไม่ได้แพงอะไรมากมายนัก
แต่ในตอนนั้นเองเซเรสก็เดินมาเบ๊ปากใส่สเตฟานี่ พร้อมกับเถียงสเตฟานี่
“ของข้าสวยกว่านะ!”
เซเรสกอดอกพูดแล้วเหมือนว่าสเตฟานี่เป็นคนที่ไม่ชอบยอมแพ้เรื่องความสวยความน่ารักเธอเถียงเซเรสกลับแบบคาดไม่ถึง
“เจ้ามันไม่มีรสนิยมไง!”
“เจ้าต่างหากล่ะ แบร่ๆ”
เซเรสแลบลิ้นล้อเลียนสเตฟานี่ ทำให้สเตฟานี่ไม่รู้จะโกรธหรือจะหัวเราะกับท่าทางของเธอดี เลทิเซียเห็นแบบนั้นก็ปิ้งไอเดียขึ้นมา เธอพูดขึ้น
“ใจเย็นๆ นะทั้งสองคน ถ้าเราทำแบบนี้…”
เลทิเซียเอาแหวนเข้าไปในสร้อยจนกลายเป็นสร้อยแหวน ทั้งสเตฟานี่และเซเรสต่างพากันจ้องมองดวงตาเป็นประกาย
“ข้าจะเอา!!”
“ไม่ต้องเป็นของข้า!”
“ไม่ต้องห่วงน่าพวกเราจะมีกันทุกคน..”
เลทิเซียยิ้มและก็เอาแหวนใส่สร้อยสองอันมอบให้สเตฟานี่กับเซเรส พวกเธอทั้งสองตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่น
อันที่จริงพวกเธอก็ยังเป็นแค่เด็กนั่นแหละนะ เพียงแค่เจออะไรมาเยอะกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง สเตฟานี่ให้เซเรสสวมสร้อยให้
เซเรสเองก็ให้สเตฟานี่สวมสร้อยพวกเธอดีใจจนลืมจ่ายตังวิ่งออกจากร้านไป ถึงในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าพวกเธอจะอยู่หรือไม่อยู่ เลทิเซียจะเป็นจ่ายอยู่ดีก็เถอะ
“เท่าไหร่”
“ข้าจะเห็นใจต่อความสร้างสรรค์ของเจ้า คู่ล่ะหนึ่งเหรียญเงินเลย!”
“งั้นก็สามเหรียญเงินสินะ..”
เลทิเซียกำลังจะหยิบเหรียญเงินอันน้อยนิดตัวเองมาจ่ายนั้นเองเธอก็หยุดชะงักลงฉับพลัน ใบหน้าของชาร์ล็อตกับทสึรุก็ลอยขึ้นมาในใจ
“ขออีกสองคู่..”
“เลทิเซีย แล้วของข้าล่ะ อุแง~~”
เสียงน่ารำคาญของซิลเวียเหมือนลอยมาจากไหนไม่รู้เลทิเซียรู้สึกหลอนขึ้นมาย่างช่วยไม่ได้ เธอเลยเปลี่ยนเป็นเพิ่มอีกสามคู่…
ส่วนเลวี่น่ะ.. พวกเธอเชื่อมต่อกันด้วยสายเลือดอยู่แล้ว.. ถึงนั่นจะแค่เลทิเซียคิดก็เถอะ หากเลวี่รู้ว่าเธอไม่ได้ของขวัญคนเดียว
เธออาจจะยันแตก หญิงใดชายใดยุ่งกับพี่สาว ฆ่าไม่เลี้ยงก็เป็นได้..
“หกเหรียญเงินนะ”
…….
ก่อนหน้านี้ ด้านนอกพอเซเรสกับสเตฟานี่วิ่งออกมาจากร้านของฝาก พวกเธอก็เดินเล่นรอเลทิเซียแถวหน้าร้านสะดวกซื้อ
แต่ในตอนที่พวกเธอไม่ทันได้ระวังตัวนั้นเอง ไฟหน้าร้านก็กระพริบเพียงเสี้ยววินาทีเดียว พวกเธอทั้งสองคนก็หายตัวไปซะแล้ว
แน่นอนว่ามันมีคนเยอะมาก เพราะมีคนเยอะการหายตัวไปอย่างฉับพลันจึงไม่มีใครสังเกตเห็น.. ห่างออกไปไม่ไกลมาก
มีเงาสีดำที่แบกร่างของเด็กสองคนที่หมดสติด้วยพลังบางอย่าง เงาร่างนั้นพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“มั่นใจใช่ว่านี่คือเด็กนักเรียนจริงๆ?”
“แกก็ดูชุดสิวะ อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเหอะน่า นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเราแล้ว ที่เหลือแค่ตรวจสอบให้รู้ว่าไม่มีใครรู้ใครเห็นว่ามีเด็กหายไป ส่งคนไปดักรอตรงที่ลักพาตัวมาด้วย เผื่อมันมีคนมาตามหาเบาะแส”
“รับทราบ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า.. ถึงโรงเรียนใหญ่ทั้งห้าจะมี อำนาจแต่ถ้ามาอยู่ในอาณาจักรประชาธิปไตยอะไรแบบนี้มันใช้อำนาจไม่ได้หรอก และเด็กที่มาจากที่แสนไกล… ไม่มีทางสาวถึงเราอย่างแน่นอน!”
เสียงที่ดังขึ้นมาจากเครื่องติดต่อสื่อสารพิเศษปลอบใจชายที่เป็นคนลักพาตัวสเตฟานี่กับเซเรส
พวกมันเชื่อว่าต่อให้จะมีอำนาจมากจากไหนแต่ถ้ามาใช้อำนาจในเขตประชาธิปไตยเพื่อหาเด็กนักเรียนที่แอบออกมาเที่ยวจริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบนี้
คงมีแต่จะทำให้ตกเป็นเป้ารุมประณามของสังคมท้ายที่สุดก็จะขาดความน่าเชื่อถือ แน่นอนว่าหากความแตกจริงอาณาจักรเวทมนตร์นี้ก็เสียชื่อไปด้วย
แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกับพวกเขาสักหน่อย ไม่สิ อาจจะเกี่ยว แต่ว่าหากประเทศนี้กล้าแตกหักกับโรงเรียนเวทมนตร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ มีแต่จะเสียผลประโยชน์ทั้งคู่เท่านั้น
ปลายสายเขาเดิมพันไว้แบบนั้น และมันก็เป็นจริง ไม่มีใครรู้ว่าสเตฟานี่กับเซเรสออกไปไหน ก็หมายความว่าพวกเธออาจจะหนีกลับบ้านโดยพลการก็ได้
แม้จะตรวจสอบว่าไม่ได้กลับ ก็ไม่มีหลักฐานว่าพวกเธอหายไปในเมืองหลวงอาณาจักรมิราลิสนี้อยู่ดี เพราะมีโอกาสที่เธอจะแอบหนีออกไปที่อื่น
หรือก็คือต้องพิสูจน์ว่าเด็กๆ พวกนั้นอยู่นี่ แต่กว่าจะไปตรวจสอบว่าพวกเธอได้แอบกลับบ้านไหมป่านนั้นตัวตนของเด็กสองคนนี้ก็ไม่เหลือแล้ว
ในเขตพื้นที่ใต้ดินชายที่ออกคำสั่งก็วางเครื่องสื่อสารลง ดวงตาข้างหนึ่งบอดไปแล้ว หากมีใครในเมืองนี้มาเห็นเขาคงรู้ทันทีแน่ว่าเขาคือ นายกรัฐมนตรีคนก่อนของประเทศนี้
นายกเซฟิริส แต่ว่าเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจทางการเมืองนั้นทำให้เขาถูกผลักให้ตกจากตำแหน่งนายกกลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี
สิ่งที่เขาจะทำต่อไปนี้สร้างบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร และเด็กจากโรงเรียนเวทมนตร์ที่มีความรู้มากมายนั้น
ก็ถือเป็นของชิ้นดีในการสร้างของสิ่งนี้ อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาลักพาตัวคนมา แต่นี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย หากไม่สำเร็จ คนที่ให้ที่ซ่อนเขาจะหมดความอดทน
เนื่องจากมีข้อตกลงน่ะนะ แต่คนทุกคนมีความเสี่ยง หากครั้งนี้ไม่สำเร็จเขาก็เตรียมตัวไปนอนในคุกพร้อมกับลูกน้องได้เลย
เซฟิริสพูดพึมพำ
“ข้าทำเพื่อประชาชน.. เพียงแค่เสียสละคนส่วนน้อย แต่คนส่วนมากก็ได้ผลประโยชน์ไม่ใชเหรอ ข้าไม่ได้ผิดสักหน่อย!!”
………
[เริ่มแล้วรึเปล่านะ ? – ใครสักคน]