การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 175
บทที่ 175 – เลทิเซียกับเพื่อน
“จ๊อกกกก~”
ในตอนนั้นเองเสียงท้องของเซเรสก็ดังขึ้นทำเอาบรรยากาศเมื่อกี้หายเกลี้ยงไปหมดเลย เซเรสหัวเราะแห้งๆ แล้วบอกว่า
“ข้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ฉันพอมีร้านอาหารแนะนำอยู่นะ ฉันได้ยินมาจากอาจารย์เวโรเน่น่ะ”
ฉันพูดออกไปแบบนั้นทั้งสเตฟานี่กับเซเรสก็ทำหน้าเหมือนกับซิลเวียไม่มีผิด และในเวลาเดียวกันเสียงท้องร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเซเรสจะหิวมากสินะเนี่ย ในขณะที่ฉันหันไปหาเซเรสที่เหมือนจะหิวมากจนท้องร้องสองครั้งติดกัน แต่เธอก็ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“สาบานได้ ครั้งนี้ไม่ใช่ข้านะ!”
แล้วตอนนั้นเองสเตฟานี่ก็ยกมือขึ้นแล้วพูดด้วยท่าทางเขินๆ
“ข้าเองก็ยังไม่กินตั้งแต่เมื่อวานเหมือนกันค่ะ.. แฮะๆ”
“ให้ตายสิ นี่พวกเธออยู่กันได้ไงเนี่ย”
ฉันพูดออกไปแบบนั้นพลางรู้สึกสงสารสเตฟานี่กับเซเรส แต่ยังไม่ได้ทานอะไรมาหนึ่งวันนี่จะไม่เป็นไรแน่เรอะ
“คือว่า… พวกเราไม่มีเงินน่ะ.. อ๊ะ จะว่าไปร้านที่จะไปนี่แพงหรือเปล่าคะ พวกเราไม่มีตังจ่ายนะ”
“อืมๆ ใช่ๆ!!”
เซเรสพยักหน้าเห็นด้วยกับสเตฟานี่ ถึงจะไม่รู้จักพื้นเพของพวกเธอแต่ก็อาจจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตสินะ ก็นะ ในยุคแบบนี้คนอดตายยังมีเลย
ฉันคิดแบบนั้นได้ ก็ยกมือขึ้นเปิดมิติพิเศษแล้วก็หยิบเอาถุงผ้าถุงหนึ่งออกมาจากในนั้น ซึ่งเป็นถุงขนาดใหญ่พอดีมือ
“นี่ฉันให้พวกเธอนะ”
“เอ๊ะ นี่คืออะไรเหรอคะ?”
“รู้สึกว่าจะเป็นเงินมั้ง”
ว่าแล้วพวกเธอก็เปิดถุงออกพวกเธอก็อ้าปากค้าง ด้วยความสงสัยฉันเลยยืดคอไปดูด้วย ไม่แปลกใจที่พวกเธอจะตกใจ
เพราะฉันเองก็ตกใจ ในนั้นมีเหรียญทองกว่าสิบเหรียญอยู่.. ทองเลยนะ.. ทองมันก็เหมือนทองในโลกเดิมนั่นแหละ
แต่ถ้ามีการซื้อขายที่ใหญ่ๆ โลกนี้เขาสามารถใช้เหรียญทองแลกเป็นเงินได้เลย ซึ่งปกติเขาจะใช้เหรียญเงินกันนะ
เหรียญทองส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านอะไรทำนองนั้น แม้แต่พวกคนรวยถ้าไม่ซื้อของที่มีมูลค่าเท่าทองคำก็ไม่คิดหยิบออกมาใช้เลย
“เรารับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”
“ถึงจะบอกงั้นก็เถอะ”
ฉันตอบออกไปพลางครุ่นคิดแล้วก็หยิบถุงเงินแบบเมื่อกี้ออกมาเปิดดูอีกหลายถุงจากในมิติพิเศษ ซึ่งมันมีมากกว่ายี่สิบถุงเลยล่ะ
และข้างในคือเหรียญทองทั้งหมด บางอันมีเพชรอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉันไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่เลยไม่เคยเปิดใช้เงินจากถุงพวกนี้เลย
ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้.. ถามว่าฉันไปเอามาจากไหนเหรอ..
ตอนแรกก็ได้มาจากลาน่าแทบทุกวันเลย เธอบอกว่าเป็นค่าขนมสำหรับฉัน แต่ฉันนึกว่าเป็นถุงระเบิดเลยเอาไปปาทิ้งหมดเลย
จนพักหลังๆ ขี้เกียจเลยเก็บไว้ในกระเป๋า.. นอกจากนี้ยังได้มาจากอาจารย์เวโรเน่อีกเมื่อสองสามวันก่อน
เธอบอกฉันว่าเป็นค่าขนมเหมือนกัน จะว่าไปถุงที่เธอให้มามีเพชรอยู่ด้วยนะ แถมเธอยังบอกว่าถ้าไม่พอมาเอาใหม่ได้
พอคิดแบบนั้นเสร็จเหรียญทองในโลกนี้นี่… มีแจกกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ? ดีจัง…
“พวกเรารับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ!”
“เอ่อ…”
ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี ขืนปล่อยพวกเธอไม่มีเงินใช้ละก็.. คงไม่ได้กินข้าวอีกแน่ๆ ถ้าจู่ๆ ไปหน้ามืดล้มพับลงที่ไหนก็เป็นเรื่องอีกฉันเลยตอบกลับว่า
“เก็บไว้เถอะ ถือว่าเป็นของขวัญจากเพื่อน!”
“ท่านเลทิเซีย!”
พอฉันพูดแบบนั้น สเตฟานี่ก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมาทันที เอ่อ.. ถึงเธอจะทำท่าทางแบบนั้นแต่ว่าเซเรสที่อยู่ด้านหลัง
ดูท่าจะอยากได้มากนะนั่น เหมือนสเตฟานี่สังเกตเห็นพอดีเธอเลยเขกหัวเซเรสไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดกับฉันต่อ
“ข้าไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับท่านเลทิเซียเพราะต้องการเงินทอง! เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกันค่ะ!”
เธอพูดแบบนั้นยิ่งทำให้หัวใจฉันรู้สึกแปลกประหลาด ยิ่งรู้สึกว่าจะให้สองคนนี้เผลอไปนอนหลับที่ไหนไม่ได้ฉันเลยพูดขึ้น
“แต่ฉันเองก็ไม่อยากเห็นพวกเธอเป็นอะไรไปในที่ที่ฉันไม่รู้จัก!”
“ท่านเลทิเซีย…”
พอฉันพูดแบบนั้นสเตฟานี่ก็อึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงโอนอ่อนและถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ก็ได้ค่ะ… แต่ว่าพวกเราจะใช้เงินก้อนนี้เด็ดขาดนะ!”
“เอ๊ะ เงินมีไว้ให้ใช้นะ!”
“ไม่ค่ะ!”
“เอ๋!!!!”
ฉันรู้สึกงุนงงยิ่งกว่าเดิม ให้ตายสิการทำความเข้าใจคนอื่นนี่มันยากจริงๆ เลยนะ แต่ว่า.. ทำไมมันถึงรู้สึกสนุกขนาดนี้กันนะ
ฉันเผลอยิ้มออกมาอีกรอบโดยไม่รู้ตัว เซเรสเหมือนจะสังเกตเห็นตอนฉันยิ้มพอดีเธอเลยถามด้วยความสงสัยว่า
“เลทิเซีย ยิ้มอะไรงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ยิ้มสักหน่อย!”
ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ก่อนจะรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เซเรสแสดงสีหน้างุนงงออกมา เธอพึมพำ “ดูยังไงก็ยิ้มอยู่ไม่ใช่เหรอ..? เอ๋?”
“เดี๋ยวเถอะ เซเรสคุยกับท่านเลทิเซียสุภาพกว่านี้หน่อยสิ!”
จะว่าไปเรื่องนั้นด้วยสินะ ฉันทำสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดขึ้น เพราะว่าฉันเองก็ไม่ชอบถ้าจะถูกเรียกว่าแบบนั้น
“จะว่าไปเรื่องนั้นนั่นแหละ.. สเตฟานี่ช่วยเลิกเรียกฉันว่า ‘ท่าน’ เถอะ”
“เอ๊ะ แต่ว่าท่านเลทิเซียน่ะเป็น…”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ!”
“อ๊ะ… ก็ได้ค่ะ.. ท่า— เลทิเซีย”
เธอพูดติดๆ ขัดๆ ไอ้คำว่าเพื่อนนี่ใช้ได้แทบทุกสถานการณ์เลยแฮะ คราวหน้าคราวหลังถ้ามีคนมาเรียกฉันว่า “ท่าน” อีกฉันจะขู่ด้วยคำว่าเพื่อนนี่แหละ
แต่ไม่รู้ว่า ถ้าทำกับคนที่ไม่ใช่เพื่อนเนี่ย จะมีผลหรือเปล่าน่ะสิ ช่างเรื่องนั้นเถอะ ฉันหันไปคุยกับพวกสเตฟานี่กับเซเรส
“เอาล่ะ ไปร้านอาหารกันเถอะ”
“ค่ะ”
“ไปกัน ไปกัน!!”
สเตฟานี่ตอบกลับสุภาพแต่เซเรสชูกำปั้นแล้วก็พูดอย่างร่าเริง พวกเราก็เดินทางไปยังร้านอาหารกันในที่สุด
ร้านอาหารที่จะไปนั้น ถือเป็นร้านที่ค่อนข้างดังคนแน่นอนส่าต้องเยอะมาก แต่ว่าเหมือนคนที่รู้จักกับเวโรเน่จะได้รับการต้อนรับแบบพิเศษ
อาจารย์เวโรเน่เธอว่าไว้แบบนี้นะ เห็นว่าเคยช่วยชีวิตเจ้าของร้านหรืออะไรนี้แหละ แถมเธอให้บัตรประจำตัวของตัวเธอเองมาด้วย
หรือว่าอาจารย์เวโรเน่จะรู้ว่าฉันจะแอบออกมานะ..? น่ากลัวเกินไปแล้วสิ..
“อ๊ะ จะว่าไปทำไมพวกเธอถึงออกมาจากเขตที่พักของนักเรียนโรงเรียนลิเบอร์ล่ะ? ไม่ใช่ว่าต้องไปเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันนอกรอบหรือไง”
แข่งขันนอกรอบคือการแข่งรอบพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับการคัดเลือกนักเรียนแห่งความภาคภูมิใจ เอาจริงๆ การแข่งขันนี้ฉันก็ไม่รู้มาก่อนจนกระทั่งวันก่อน
เพราะมันไม่มีการกล่าวถึงเลย.. ไม่สิ อาจจะมีกล่าวถึงนะ แต่อาจจะเป็นเพราะโดนข่าวศึกรบนักเรียนหน้าใหม่กลบหมดนั่นแหละ
พอได้ยินคำถามก็ได้รับคำตอบทันและคนที่ตอบคำถามฉันคือสเตฟานี่เธอบอกว่า
“จริงๆ แล้วเซเรสต้องกลับบ้านวันพรุ่งนี้เพราะพ่อเธอเรียกกลับไปช่วยทำงานน่ะ.. เธออยากดูอาณาจักรนี้ก่อนกลับบ้านข้าเลยจะพาเธอมาชมเมืองน่ะ..”
“ใช่ๆ ทั้งๆ ที่ท่านพ่อไล่ข้าออกจากบ้านแล้วแท้ๆ ทีแบบนี้มาเรียกข้ากลับ หึ ไอ้แก่เฮงซวยเอ๊ย”
เธอว่าแบบนั้น.. เพราะแบบนี้เองสินะ.. แต่จะว่าไปมาชมเมืองแต่ไม่คิดจะชิมหรือซื้อของที่ระลึกอะไรเลยเนี่ยนะ.. ก็แหม พวกเธอไม่พกเงินเลยนี่น่า
ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีโลกนี้เข้าใจต่อแนวคิดเรื่องของที่ระลึกหรือเปล่านะ?
ใครจะไปรู้พวกเธออาจจะคิดว่า จะมีของที่ระลึกทำไม ในเมื่อสามารถใช้เกทข้ามมาได้ทันทีเหมือนอยู่ข้างบ้านอะไรแบบนี้น่ะนะ