การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 166
บทที่ 166 – การประชุมของแปดไดโนเสาร์
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
เวโรเน่กำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมของอาจารย์ในโรงเรียน นอกจากเวโรเน่ที่เป็นสาววัยกลางคนนั้น ในห้องนี้มีแต่คนแก่อายุเยอะ ถึงอันที่จริงเวโรเน่จะอายุเยอะมากกว่าที่เห็นก็เถอะนะ
อันที่จริงในโรงเรียนนี้ครูอาจารย์นั้นก็มีระดับอยู่ และคนเหล่านี้คือพวกหัวโบราณที่เป็นคนร่างและควบคุมกฎระเบียบวินัย
แม้แต่ครูบางคนยังสามารถถูกไล่ออกด้วยการตัดสินใจของคนแก่เหล่านี้ ส่วนเวโรเน่นั้นเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดแต่อย่างไรก็ตามความสามารถของเธอนั้น….
อยู่เหนือทุกคนในห้องนี้ทั้งหมด ใช่.. ทุกคนล้วนทราบเรื่องนี้เพียงแค่คนแก่หัวโบราณเหล่านี้ก็ไม่ได้เกรงกลัวเพราะตัวเองมีความอาวุโสกว่า
ในห้องนี้มีโต๊ะประชุมเป็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่มีที่นั่งอยู่สิบกว่าที่นั่ง แต่ที่นั่งของผู้อำนวยการกลับไม่มีที่คนนั่งอยู่
และที่พวกเขามาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ก็เพราะหารือเรื่องเหตุนี้แหละ
“จริงหรือเปล่าที่ผู้อำนวยการหายตัวไปไหนไม่รู้?”
“ดูเหมือนว่าเธอจะหายตัวไปตั้งแต่ชิ้นส่วนเวหาแตกกระจายนะ”
นับจากซ้ายมือของเก้าอี้ที่ติดกับที่นั่งของผู้อำนวยการโต๊ะที่สามเป็นคนพูดขึ้น ชายชราคนนี้เหมือนจะเป็นนักกล้ามแม้จะดูแก่แต่ก็ดูทรงพลัง
อันที่จริงชายชราคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ เพราะผิวหนังมีสีน้ำตาลเข้มเห็นชัดว่าเป็นเผ่าปีศาจที่เรียกว่า ‘ยักษ์’
ส่วนคนที่ตอบเหมือนจะเป็นชายชรารูปร่างผอมกะหร่องแต่ดูสง่ามีราศีราวกับเป็นปราชญ์ผู้มากด้วยปัญญา เขาคือจอมเวทที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงผู้อำนวยการ
จอมเวทตอบยักษ์ผิวสีออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงชราอีกคนที่หลับตาข้างหนึ่งอยู่ลืมเพียงตาข้างเดียวหัวขาวโพลนเหมือนจะตายมิจะตายแหล่อยู่แล้ว
“ในช่วงเวลาแบบนี้ยัยเด็กนั่นยังจะกล้าทิ้งโรงเรียนตัวเองอีก”
“อารัคเน่ผู้อำนวยการอายุเยอะกว่าท่านหลายร้อยปี”
คนที่พูดขึ้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวของเวโรเน่ อารัคเน่ท่านั้นพอได้ยินคำพูดที่ไม่มีกาลเทศะของเวโรเน่ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา
“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์เหิมเกริมในที่อห่งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรมาก่อนหน้านั้นก็ตาม!”
อารัคเน่กล่าวด้วยความเดือดดาล เพียงแต่เวโรเน่ไม่คิดจะพูดตอบโต้เธอเพียงกอดอกฟังต่อไป
“หยุดแค่นั้นแหละอารัคเน่ .. เรื่องที่สำคัญตอนนี้ต้องมีใครมาดูแลโรงเรียนแทนเธอ ข้าเชื่อว่าผู้อำนวยการนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเราทุกคน แม้แต่ผู้กล้าก็ยังยากจะโค่นเธอได้”
คนที่พูดคือหญิงชราที่มีผมสีแดงเพลิง อันที่จริงไม่ใช่ทรงผมหรอกแต่เป็นไฟกำลังลุกไหม้อยู่บนหัวเธอ จะพูดให้ถูกคือผมของเธอเป็นไฟ
หญิงชราคนนี้รั้นมีอายุเยอะที่สุดในบรรดาทุกคนในที่แห่งนี้ ด้วยความที่อาวุโสที่สุดแน่นอนว่าต้องแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมเวทรองพาลาดินคนนั้นซะอีก
และทุกคนในห้องนี้จะเชื่อฟังเธอที่สุดและในทางตรงกันข้ามเธอก็เป็นคนหัวโบราณที่แม้แต่เวโรเน่ยังปวดหัวอีก
“เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไม่มีเวลาที่จะมาสอนคนที่เรียนตามไม่ทันแล้ว ต้องรีบคัดเลือกคนที่เหมาะสม.. ปีนี้ในการคัดเลือกนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดพวกเราต้องชนะให้ได้ ไม่เช่นนั้นโรงเรียนเราคงกลายเป็นพวกขี้แพ้ไปอย่างแน่นอน!”
เวโรเน่ในฐานะที่เป็นครูสอนพิเศษ เธอเป็นคนที่จริงจังก็จริง แต่ว่าที่เธอเลือกที่จะสอนพิเศษไม่ใช่เพราะเธอถูกบังคับ
แต่เธอไม่อยากให้นักเรียนที่เรียนไม่ทันเพื่อเพราะอาจจะไม่ถนัดวิชาใดวิชาหนึ่งจนกลายเป็นว่าไม่สามารถก้าวหน้าได้
เธอไม่เหมือนพวกคนแก่เหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนดูเหมือนโกรธอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้นักเรียนกลัวและตั้งใจเรียน
แน่นอนว่าช่วงนี้มันมีปัญหามากมายแม้จะยากที่จะผ่านไปได้แต่ว่าเธอคิดว่าหากมีเวลาอีกสักนิดเธอจะสามารถทำให้นักเรียนกลับสู่ห้องเรียนปกติได้อย่างแน่นอน
และแน่นอนว่าเธอเข้าใจว่าที่หญิงชราคนนี้หมายถึงคือจะไล่นักเรียนที่ตามไม่ทันออก
เธอคิดแบบนั้น ดังนั้นเธอที่ได้ยินศาสตราจารย์ที่มีผมลุกเป็นไฟเธอจึงรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า
“แบบนั้นไม่ได้นะคะ พวกเราไม่ควรทิ้งนักเรียนที่ตามไม่ทันสิคะ ถ้าหากไม่ให้โอกาสนักเรียนแล้วพวกเขาจะมีโอกาสหรือเปล่าล่ะ!”
“หุบปา—”
ชายชราคนหนึ่งกำลังจะตะคอกใส่เวโรเน่เพียงแต่หญิงชราผมไฟลุกก็ห้ามปรามไว้ก่อน ก่อนจะหันมาทองเวโรเน่แล้วพูด
“แล้วจะให้ทำยังไง อย่าลืมนะอาจารย์เวโรเน่ คนที่เรียนไม่ทันคือนักเรียนที่เจ้าสอน หากเด็กพวกนั้นถูกไล่ออกความผิดก็เป็นของเจ้าส่วนหนึ่งเช่นกัน”
“แต่ว่า …”
“อาจารย์เวโรเน่.. เธอคิดว่าการมาเรียนคืออะไร การมาเรียนคือการที่จะมาเรียนรู้เอาความรู้เข้าสมองใช่หรือไม่ แต่เด็กเหล่านั้นแม้แต่จะตั้งใจก็ไม่ตั้งใจวันๆ เอาแต่หาแต่วันหยุด อันที่จริงข้ามองว่าพวกเขาได้รับโอกาสมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนที่พร้อมทุกวิชา”
เธอพูดราวกับว่าเธอพบเจอมาเยอะ มาเยอะยิ่งกว่าตัวเวโรเน่เองเสียอีก
“สมัยข้าวนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเรียนเรียนและเรียน เพราะความพยายามในอดีตข้าถึงได้เป็นข้าในทุกๆ วันนี้ หรือแม้แต่ศาสตราจารย์กีที่กำลังจะเข้าระดับพาลาดินตรงนั้น ก็ยังเรียนรู้และเรียนรู้แม้แต่เวลาพักผ่อนพวกเรายังไม่มี แต่เด็กเหล่านี้เป็นไงวันหยุดก็มี เครื่องอำนวยความสะดวกก็เยอะ เวลาส่วนตัวขนาดนั้นแล้วทำพอมาเรียนถึงยังตามไม่ทันอยู่อีก?”
“เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจจะเอายังไงล่ะ ข้าพูดถูกไหมอาจารย์เวโรเน่? หากมีความพยายามย่อมทำได้ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันถมเถพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนอาบน้ำร้อนมาก่อน พวกเรารู้ก่อนเจ้า ถึงเจ้าจะมองว่าเด็กๆ ทุกคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน.. แต่แล้วทำไมพวกข้าที่มีพื้นฐานและต้นทุนชีวิตที่ต่ำกว่าถึงมาอยู่จุดจุดนี้ได้?”
“พยายามยังไงล่ะ ความพยายาม แต่หากเด็กไม่สนใจจะเอาเราจะสอนเขาทำไมล่ะ?”
หญิงชราพูดอย่างมีเหตุผลจนเวโรเน่รู้สึกปวดหัวกับคนแก่คร่ำครึเหล่านี้ ก็นี่แหละนะความคิดของคนหัวโบราณที่เธอไม่ชอบและรู้สึกปวดหัว
เอะอะๆ ก็อาบน้ำร้อนมาก่อน สักพักก็บอกข้าเจอมาเยอะกว่าเด็กพวกนี้ ทำไมข้าถึงมาอยู่จุดจุดนี้ได้ ทั้งๆ ที่โลกกำลังก้าวไปข้างหน้า
แต่คนเหล่านี้ก็ยังหยุดอยู่ที่เดิม แค่นั้นก็ยังพอว่าแต่ยังพยายามฉุดรั้งคนอื่น บอกว่าความพยายามจะฝ่าฟันอุปสรรค
ทั้งๆ ที่คนทุกคนมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แค่การพบเจอเหตุการณ์บางอย่างก็อาจจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้วแท้ๆ
นี่ไม่เกี่ยวกับความพยายามหรืออะไรทั้งสิ้น เวโรเน่ไม่ได้บอกว่าเรื่องที่หญิงชราพูดมันผิด อันที่จริงมันอาจจะมีส่วนถูก
แต่โลกมันไม่ได้หยุดนิ่ง การเปลี่ยนแปลงบางอย่างกฎเกณฑ์บางอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมเพื่อให้ดีขึ้น
ใช่ กฎเกณฑ์มันไม่ได้ดีอยู่แล้วถึงต้องมีการพัฒนาขึ้นมา เวโรเน่รู้ว่าก่อนยุคสงครามเผ่าพันธุ์นั้นมีกฎไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า
แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ใช่กฎเกณฑ์เองก็ต้องเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตาม ใช่ แบบนั้นถึงเรียกว่าการวิวัฒนาการ
ถ้าจะให้เธอนิยามคนแก่เหล่านี้เธอคงบอกว่าพวกเขาคือได้โนเสาร์นั่นแหละ.. แต่เธอยังไม่มีสิทธิ์ได้โต้เถียงคนทั้งหมดก็เห็นด้วยไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อนสิ ข้ามีข้อเสนอ!”
เธอรีบพูดเร็วปรือ เพราะกลัวว่าคนแก่พวกนี้จะรีบตัดสินใจกันตามใจตัวเองโดยไม่ฟังเธอ พอไม่มีผู้อำนวยการก็ปวดหัวอย่างงี้แหละ
เธอเลือกที่จะไม่โต้เถียงกับมุมมองที่เกินเยียวยาของคนแก่ใกล้ลงโรงศพเหล่านี้และเลือกที่จะคิดแผนคิดมันสดๆ เนี่ยแหละ!
หลังจากเธอกุมขมับด้วยความปวดหัวเล็กน้อย ก่อนที่แผนการในหัวก็วิ่งแล่นอย่างรวดเร็วอันที่จริงเธอนั้นไม่มีแผนอะไรในหัวเลยในตอนพูดห้าม
กล่าวคือเธอใช้เวลาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ คิดแผน แผนหนึ่งขึ้นมา
เธอเองก็เข้าใจว่าโรงเรียนมหาเวททั้งห้านั้นถือเป็นโรงเรียนที่ใหญ่โต กล่าวคือมันเป็นโรงเรียนที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝันที่จะได้เรียน
ว่ากันว่าใครที่เรียนจบไปนั้นล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งใต้หล้านี้ยากจะมีคนชนะ อันที่จริงคงต้องขอบคุณคนแก่คนชราเหล่านี้
ที่ทำให้โรงเรียนนี้กลายเป็นโรงเรียนที่ใครต่อใครจะฝันถึง เพราะเกณฑ์เฉลี่ยนั้นสูงจนดูน่าหมั่นไส้ แม้แต่องค์ชายบางคนยังเข้าเรียนไม่ได้เลย
ดังนั้นการมีคนถูกไล่ออกในโรงเรียนนี้แม้จะมีไม่บ่อยมากนัก แต่ก็มีการไล่ออกอยู่บ่อยครั้งและไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
ดังนั้นคนที่สอบเข้าแล้วผ่านและสามารถเรียนที่นี่ได้ล้วนแต่เป็นเด็กอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะอีกทีหนึ่งนั่นเอง
ยกเว้นกรณีพิเศษบางคนที่ผู้อำนวยการต้องการจะให้เข้าเรียนน่ะนะ เพราะผู้อำนวยการแตกต่างจากคนแก่เหล่านี้.. จะว่าไงดีเธอเป็นคนแปลกๆ
ที่มีนิสัยชอบเด็กผู้หญิงน่ะ.. เวโรเน่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็รีบสะบัดเรื่องนี้ออกจากหัว พลางพูดถึงแผนการตัวเองและใช้ทักษะการโน้มน้าวคนแก่อย่างสุดกำลัง
เป็นไปได้อยากตบกระบาลจนความจำเสื่อมแล้วชี้นำใหม่อีกสักรอบเลยด้วยซ้ำนะ..