การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 150
บทที่ 150 – ความซับซ้อน
“นี่ท่านคิดจะทำบ้าอะไร…”
“ข้า…”
ทสึรุตะโกนใส่เลวิเนียด้วยความฉุนเฉียว ทสึรุเป็นคนที่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่เลทิเซียเปลี่ยนไป
จนพลอยทำให้ชาร์ล็อตโดนลูกหลงอารมณ์ไปด้วย ไม่พอเลวิเนียก็ยังมีสภาพที่เหมือนขาดสติจนเป็นบ้าไปแล้ว
สำหรับทสึรุตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน เธอได้อยู่กับเลวิเนียนานกว่าอยู่กับเลทิเซียด้วยซ้ำ เพราะเป็นรูมเมจกันนี่
แต่ว่าเลวิเนียเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นง่าย ง่ายจนแทบจะไม่เปิดช่องโหว่ให้เข้าไปลึกกว่านั้น หากว่ากันบางระดับ
คนแบบนี้อาจจะอยู่ในรูปแบบเดียวกับเลทิเซียที่เข้าถึงจิตใจได้ยากพอๆ กัน แม้รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนทั้งสองคนจะต่างกันก็ตาม
เธอรู้ว่าเลวิเนียกำลังรู้สึกแย่กับการที่ต้องทะเลาะกับเลทิเซีย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพอสัมผัสได้ว่าพี่น้องคู่นี้สนิทกันมาก
แต่เธอไม่คิดว่าพอทะเลาะกันแล้วอีกคนจะเป็นบ้าเอามีดจ้วงแทงตัวเอง ในขณะที่อีกคนจะฆ่าเพื่อนให้ได้อยู่
ทสึรุสะบัดเรื่องในหัวออกไปให้หมด มองไปที่เลวิเนียที่กำลังมือสั่น ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มมีสติขึ้นมาแล้ว
แขนของเธอยังมีเลือดไหลแต่ ปากของเธอกลับติดขัดไม่รู้จะพูดอะไร ทสึรุถอนหายใจเบาๆ
“ก่อนอื่นก็รักษาแผลก่อนแล้วกัน”
ทสึรุเดินไปหยิบกล่องพยาบาลออกมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ในขณะที่รักษาให้เลวิเนียอยู่นั้น เลวิเนียก็พูดขึ้น..
“ข้ากับท่านพี่.. ทะเลาะกัน..”
“อืม ข้ารู้แล้วล่ะ”
ทสึรุพยักหน้าตอบ ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้เลวิเนียคงไม่พูดปัญหาตัวเองให้ทสึรุฟัง แต่ไม่รู้ว่าพอเห็นความอ่อนโยนของทสึรุแล้ว
เลวิเนียจึงเปิดปากพูดออกไปแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าทสึรุรู้อยู่แล้ว พอทสึรุพูดแบบนั้นเลวิเนียก็แปลกใจและถามออกไป
“ทำไมเจ้าถึง…”
“แค่เห็นท่าทางของเลทิเซียก็มองออกแล้วล่ะ”
“เจ้า…”
เลวิเนียสับสนกับคำพูดของทสึรุ แต่ยังไม่ได้ครุ่นคิดอย่างอื่นให้ลึกซึ้งเธอก็เอะใจตรงคำว่า ‘แค่เห็นเลทิเซียก็มองออก’
ท่านพี่มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างนั้นเหรอ เลวิเนียที่กำลังงุนงงต่อคำพูดของทสึรุ แขนของเธอก็ถูกพันผ้าพันแผลเสร็จไปแล้ว
“ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านทะเลาะอะไรกันไป และข้าเองก็จะไม่ถามเช่นกันว่าเพราะอะไร”
“แต่สิ่งที่ข้ามั่นใจอย่างมากคือ เลทิเซียเองก็รักท่านมาก ท่านเองก็รักเลทิเซียมาก เหตุผลแค่นี้คือสิ่งที่ข้าบอกท่านได้”
“ข้าไม่ได้โตมาพร้อมกับพวกท่าน แต่ว่าข้ามั่นใจว่าพวกท่านต้องรักกันมาก ถ้ารักกันขนาดนั้นแล้ว มีอะไรต้องกลัวที่จะพูดบางอย่างด้วยล่ะ?”
ทสึรุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ สำหรับเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นเลทิเซียหรือเลวิเนียแล้วเธอล้วนรู้จักทั้งคู่และก็เป็นห่วงทั้งคู่
เธอรู้ว่าเธอเป็นเพียงแค่คนนอกที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แม้จะรู้ว่าทะเลาะกันแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะยุ่งเรื่องของคนสองคนมากเกินไป
สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้ จึงมีเพียงแค่การให้กำลังใจ เธอจึงตัดสินใจที่จะพูดกับเลวิเนีย
พอทสึรุพูดออกมาแบบนั้นเลวิเนียก็เงียบลงไปทันที แน่นอนว่าสิ่งที่ค้างคาในใจของเธอนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยความกล้าที่จะพูดออกไป
แต่ปัญหาของเลวิเนียมันไม่ใช่การพูดออกไปยังไงสักหน่อย ปัญหาคือมันหลังจากนั้นไปอีก
“ข้า…”
“แต่ถ้าท่านไม่พูดแล้วจะรู้คำตอบหลังจากนั้นหรือเปล่าล่ะ?”
ในขณะที่เลวิเนียกำลังจะพูดออกมา ทสึรุก็พูดขึ้นก่อนทำให้มือของเลวิเนียสั่น.. ใช่แล้ว เธอไม่มีทางรู้คำตอบนั้น
คำตอบที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเธอพูดความจริง เธอมัวแต่มองย้อนกลับไปข้างหลังว่าทำไมเป็นแบบนี้
มัวย้อนดูแต่ต้นเหตุและอยากจะแก้ไขมัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดการแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่ค้นเหตุ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องถูกที่จะไม่ก้าวต่อไป
แต่เลือกที่จะจมปลักอยู่ในอดีตและโทษว่ามันผิดตั้งแต่เกิด คนทุกคนมีทางเดินเป็นของตัวเอง ทุกชีวิตเกิดมาอย่างไม่เท่าเทียม
ทั้งชื่อเสียง ทางการงานการเงินหรือแม้แต่คุณค่าของชีวิต บางคนตายอย่างสัตว์ข้างถนนไม่มีใครสนใจหรือแยแส
บางคนกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นว่าต้องรักษาเขาก่อน.. หนึ่งในความไม่เท่าเทียมคือตัวตนของเลวิเนีย
ที่อาจจะกลายเป็นคนอื่นไปในที่สุด…. แต่ว่าท้ายที่สุดทุกอย่างของความไม่เท่าเทียมที่ว่ามาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในข้ออ้างความกลัวของเลวิเนีย
หรือแม้แต่ตัวเลทิเซียในตอนนี้ยังหาข้ออ้างมาบอกว่าเลวิเนียเป็นน้องปลอมๆ ที่ตัวเองมองทับกับน้องสาวในโลกเดิมจนไม่ได้ตระหนักว่า
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งสองอยู่ด้วยกันในความหมายของคำว่าพี่น้อง…
สิ่งที่ทั้งเธอและเลทิเซียควรทำในตอนนี้ไม่ใช่การมองปัญหาในอดีต แต่คือก้าวไปข้างหน้าและพูดออกไปถึงจะได้เข้าใจกันและกัน
นี่คือสิ่งที่ทสึรุอยากจะบอก.. จริงอยู่ว่าที่ทสึรุอาจจะไม่รู้อะไรเลย แต่เธอก็ยังอยากจะช่วย.. ช่วยให้ทั้งสองกลับมาคืนดีกัน
แน่นอนว่าเลวิเนียรู้ เธอมองไปที่ทสึรุ.. เพียงแต่ว่าสำหรับเลวิเนียแล้วทสึรุอยู่ห่างไกลออกไป คำพูดของทสึรุมันไม่ได้มีผงกระทบต่อเธอมากขนาดนั้น
อย่างที่บอกว่าแม้เลวิเนียจะสนิทกับคนอื่นง่ายแค่เธอกลับมีช่องว่างเว้นไว้เสมอ มันจึงกลายเป็นว่าแทบไม่มีใครสามารถเข้าถึงภายในใจของเธอได้
ทสึรุยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับมือของเลวิเนียที่กำลังสั่นด้วยความกลัวอยู่แล้วก็ยกขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอก.. ท่านต้องไม่เป็นไรเพราะว่า… พวกท่านน่ะรักกันมากจะตายนี่น่า!”
“…..”
รอยยิ้มของทสึรุนั้นเต็มไปด้วยความสื่อตรงจนทำเอาดวงตาของเลวิเนียสั่นสะเทือนม่านตาแตะแต้มไปด้วยความชุ่มชื้น
มือของเธอยื่นออกไป แขนที่อ้างว้างเมื่อไร้พี่สาวเพียงคนเดียวนั้นเอื้อมออกไปอย่างหยุดไม่ไหวทิฐิส่วนตัว?
การเว้นระยะห่าง? เธอทิ้งมันไปจนหมดตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าคนตรงหน้าเป็นพี่สาวตัวเองที่สามารถงอแงใส่ได้
ร้องไห้ใส่ได้… เธอเอื้อมมือออกไปกอดทสึรุ ทสึรุอึ้งไปสักพักแต่เธอก็สัมผัสถึงน้ำตาที่ไหลออกมาจากใบหน้าของเลวิเนียและเสียร้องไห้เงียบๆ ของเธอ
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอทำแบบนี้ให้คนอื่นที่ไม่ใช่พี่สาวของเธอได้เห็น.. ทสึรุแม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เธอรู้สึกว่าไม่ว่าจะเลวิเนียหรือเลทิเซีย ทั้งคู่เป็นเหมือนตัวเองแม้ทั้งสองจะเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมต่างกับตัวเองโดยสิ้นเชิง
แต่กลับเป็นคนที่มีปัญหามากไม่ต่างกัน.. ไม่ว่าจะเป็นสภาวะทางอารมณ์หรืออะไรก็ตามแต่ เธอเพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆ เลวิเนียเงียบๆ
นี่อาจจะเป็นความเท่าเทียมที่มีบนโลกนี้ก็ได้.. ปัญหาที่ทุกคนต้องแบกรับและหนักอึ้ง..
ในราตรีที่เงียบงัน……
……….
ในหอพักของซิลเวีย ที่ในตอนนี้มีสเตฟานี่ เลทิเซียและซิลเวีย ทั้งสามหลับอยู่บนเตียงไปแล้ว
เลทิเซียที่อยู่ภายในนั้นเธอเห็นภาพนี้ เห็นทุกอย่าง… ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“เป็นแบบนี้เลย…มันจะดีซะกว่า….สินะ.. ฉันน่ะ…ปล่อยไปแบบนี้ได้แล้วใช่ไหม.. ในโลกที่ว่างเปล่านี้น่ะ..”
……….
[อย่ามัวแต่กังวลบางอย่าง จนลืมอีกอย่างไป มิเช่นนั้นตับอาจจะหาไม่ (?) – ใครสักคน]