การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 114
บทที่ 114 – สิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลง..
“จำได้หรือยัง?”
เสียงของคนชราดังก้องเข้ามาที่หูของฉัน เหมือนกับว่ามันไปกระตุ้นบางอย่างในหัวของฉันและความเจ็บปวดก็พุ่งเข้าสู่สมองโดยตรง
ฉันร้องออกมาจากปาก แต่กลับไร้เสียงร้อง ร่างกายของฉันรู้สึกเหมือนถูกกระแทก…
ทำไม.. ทำไม ทำไม.. ความทรงจำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่างก็ไหลเข้ามาในหัวของฉัน ทั้งความกลัว ทั้งความระแวง
ความเจ็บปวด ความเศร้า แม้แต่วันนั้น.. วันที่พี่ได้ตายลง ความรู้สึกในตอนนั้นที่ลืมเลือนไปแล้ว
แต่มันกลับปรากฏขึ้นชัดเจนอีกครั้ง ความเจ็บปวดจากภายในทำให้ฉันร้องออกมา แต่ว่าเสียงของฉันกับไม่ดังออกไป
ถูกปิดแน่นอัดอั้นไว้ภายใน น้ำตาฉันไหลออกมาอีกครั้ง.. ฉันร้องไห้ ฉันกรีดร้อง ความเจ็บปวดนี่คือสิ่งที่ฉันเจอมาตลอดชีวิตเหรอ..
ตั้งแต่ตอนนั้นตอนที่เกิดมาในโลกใบนั้น.. แม้แต่ตายไปแล้วกลับยังมาเกิดใหม่.. มาเจอความสิ้นหวังอีกครั้ง
ถูกทิ้งไว้กลางป่า.. มันเจ็บเหลือเกิน… ทำไม.. ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ฉันตายไปสักที.. ฉันเหนื่อยแล้วนะ
ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ความเจ็บปวดแบบนี้ตัวฉันน่ะ.. ไม่มีทางแบกรับมันไหวหรอกนะ ฉันไม่อาจทนไหวเลย
แค่ตายไป..ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันก็ตายไปแล้วแค่ลืมทุกอย่างและจมลงไปในบ่อน้ำแห่งนี้ กอดเข่าและสูญหายไป แค่นั้น.. แค่นั้นจริงๆ
ฉันก้าวขาออกจากเรือและตกลงไปในบ่อน้ำอีกครั้ง ร่วงหล่นลงไปยังใต้ทะเลสีขาวโพลนแห่งนี้..
“ดีแล้ว… ทุกอย่างจะได้จบลง… ฉัน..”
ฉันร่วงหล่นลงไปในแสงสีขาว แต่ทุกอย่างกลับมืดสนิทไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือจิตใจของฉัน.. หลับไปแบบนี้ตลอดกาล…
ความทรงจำของฉันเริ่มที่จะหายไปอีกครั้ง.. ทุกอย่างควรจะเป็นในสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ในตอนนั้นเองเสียงที่สะท้อนอยู่ในหัวของฉันมันก็ดังขึ้น
ฉันไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มันดังมาตลอดและมันเบาเกินไป แต่ว่าเสียงนี้มันทำให้ฉันไม่สามารถลืม.. ลืมความเจ็บปวด
ฉันไม่พอใจ ฉันก็แค่ต้องการที่จะลืม ทิ้งทุกอย่างแค่นั้นเองทำไมต้องมาขัดขวางฉันอีก ทำไม! ทำไม!! ทำไม!!!
“อย่าหนีอีกนะ!”
แต่ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งกะสะท้อนเข้ามาในหัวของฉัน มันชัดเจนเด่นชัด และแขนของฉันก็ถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสีขาวโพลน
ดวงตาของฉันเปิดออกช้าๆ .. ตรงหน้าของฉันมีคนคนหนึ่งที่ดึงแขนฉันเข้าไปกอด และ…ความอบอุ่นก็ไหลออกมาจากกอดนี่
ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ฉันแค่ต้องการกอดแบบนี้.. จะว่าไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่ฉันจะตายก็มีกอดแบบนี้
จากใครสักคน.. เป็นใครกันนะ พี่ก็เสียไปแล้วลูเซียก็อยู่โลกเดิม.. แล้วคนที่ฉันกอดเป็นใครกันนะ และตรงหน้าฉันนี่คือใคร
ไม่.. ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลย แต่ความผ่อนคลายนี่ ความสบายใจนี่ ฉันแค่อยากจะกอดเอาไว้ กอดแน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ขี้แยอีกสักวัน.. ขอเพียงเท่านั้น… ร่างนั้นกอดฉันเอาไว้แน่นเสียงของเธอดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านอย่าหนีอีกเลยนะ ท่านจอมมาร..”
“ฉัน…”
“ท่านกำลังกลัวอะไร .. กำลังเศร้ากับอะไรกันแน่?”
“ทุกอย่าง…”
“มันจะใช่แบบนั้นงั้นเหรอ.. ในตอนที่ท่านจำได้ท่านก็ต้องจำได้ถึงตอนที่ก้าวผ่านอดีตอันน่าเศร้านั้นมาด้วยได้.. แล้วท่านจะกลัวอะไรอีก?”
เสียงนี้อ่อนโยนแผ่วเบา ไม่มีความโกรธหรือไม่พอใจ มีเพียงความสนิทสนมราวกับว่าฉันได้กลับไปนอนหนุนตักพี่เอลน่าเมื่อครั้งวันวาน
“ฉันกลัว..อะไร…”
ฉันถามตัวเอง.. ฉันกำลังกลัวอะไร ก่อนที่จะตายฉันก็ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้กลัวแต่ฉันรู้สึกว่าฉันกอดใครคนหนึ่งที่สำคัญกับฉันมาก
เธอ… ในขณะที่ฉันถามหาคำตอบเสียงอ่อนโยนนั้นก็ดังเข้าหูของฉันอีกครั้ง คำพูดของเธอทำให้ฉันสับสน
“ท่านแค่กำลังกลัวการเปลี่ยนแปลง!”
“การ..เปลี่ยน..แปลง”
ความทรงจำของฉันกลับคืนมาทั้งหมด ภาพใบหน้าของเธอคนนั้นที่ปกป้องฉันสุดชีวิต เธอที่กอดฉันด้วยความอ่อนโยน
ช่วยฉันอยู่เสมอ ปากของฉันเปิดออกและพูดคำคำนั้นออกมา..
“ทสึรุ..”
“ใช่ ท่านยอมรับเธอ.. แต่ท่านก็กลัว กลัวว่าจะเจอแบบนั้นอีกครั้งหรือไม่.. กลัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ตัวเองเชื่อมีเพียงแค่ครอบครัว.. เหมือนกับว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก…”
“ฉัน..กลัว…”
ตัวของฉันสั่นเบาๆ ความกลัวในจิตใจชัดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ.. อ่า.. ใช่แล้วล่ะ การเปลี่ยนแปลงนั้นน่ากลัว
ฉันกลัวมัน ฉันกลัวว่าทุกอย่างที่เคยทำมาจะถูกเปลี่ยนไป ดังนั้นฉันเลยไม่กล้าที่จะลืมตา ไม่กล้าที่จะเข้าใจ
เรื่องราวในอดีตอันมากมายล้วนไม่เกี่ยวข้อง.. ความกลัวของฉันมีแค่.. การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ตรงหน้าเวลานี้
เสียงของเธอดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านไม่ต้องไปคิดมากว่ามันจะเปลี่ยนแปลงยังไง.. แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ.. ตราบใดที่ท่านยังสามารถปกป้องไว้ได้ การเปลี่ยนแปลงในด้านลบก็ไม่เกิดขึ้น..”
“….”
“ข้าขอถามท่าน ท่านจอมมาร… ท่านกลัวการเปลี่ยนแปลงแบบไหน.. เปลี่ยนแปลงที่คนที่ตัวเองเชื่อใจได้เพิ่มขึ้น กับ เปลี่ยนแปลงที่คนที่ตัวเองเชื่อใจต้องตาย.. ข้าขอถามท่านว่า ท่านกลัวการเปลี่ยนแปลงแบบไหน!”
คำพูดของเธอทำให้ฉันย้อนนึกไปถึงตอนที่พี่ตายครั้งแรก.. ในตอนนั้นฉันได้แต่มองไปข้างหน้าที่มีแต่ความว่างเปล่า
ตรงที่พี่เคยนั่งคุยกับฉัน ตรงที่พี่เคยนอนด้วยกันกับฉัน ตรงที่พี่เคยนั่งทานอาหารด้วยกันกับฉัน
ตั้งแต่จำความได้ พวกเราก็พึ่งพาซึ่งกันและกันมาตลอดหลายสิบปี.. ฉันก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ พี่ก็ทำงานหนักขึ้น
แต่แล้วมาถึงการเปลี่ยนแปลง.. ทุกอย่างก็หายไป มันจางหายไปมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้พี่หายไป.. ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่พี่จะเอ่ยทักทายด้วยคำว่า “อรุณสวัสดิ์”
ในขณะที่ฉันก็จะตื่นขึ้นมาถามว่า ‘พี่..วันนี้กินข้าวเช้ากับอะไร..’ เธอก็จะตอบกลับมาด้วยคำว่าอรุณสวัสดิ์และอาหารที่จะทานวันนี้
ทว่ามาวันนี้ เสียงของฉันที่ดังถามออกไปว่า
“พี่ วันนี้กินข้าวเช้ากับอะไร”
เสียงตอบรับคำถามนั้นไม่มี มีเพียงความเงียบที่เดียวดาย.. อ่า.. จะว่าไป.. พี่ได้หายไปแล้วนี่.. ที่ถามออกไปเป็นความเคยชินที่ทำทุกวัน
ทำจนรู้สึกว่าต้องทำไปตลอดชีวิต.. แต่จู่ๆ มาวันหนึ่งการตอบรับนั้นก็หายไปแล้ว ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว
คำว่าอรุณสวัสดิ์ตอนเช้า กับชื่ออาหารที่ชอบในตอนเช้าไม่มีอีกแล้ว.. ฉันเดินลงมามองไปยังห้องครัวที่ว่างเปล่า
ไม่มีคนทำอาหารให้แล้ว ไม่มีคนคอยบอกอันไหนถูก อันไหนผิดอีกแล้ว ไม่มีคนยิ้มให้เมื่อกลับมาจากโรงเรียนอีกแล้ว
ภาพที่พี่หันหลังทำอาหารฮัมเพลง ทั้งที่สองสามวันก่อนยังคงเห็นเธอแบบนั้น แต่มาวันนี้มันกลับหายไปแล้ว
ในห้องครัวไม่เหลือเสียงฮัมเพลง มีเพียงแค่หยดน้ำจากก๊อกน้ำหนึ่งหยดที่หยดลงบนอ่างล้างจาน โดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนกับตัวฉัน
การเปลี่ยนแปลงที่เรียบง่าย ความเคยชินที่สูญหาย ทุกอย่างที่กะทันหันไม่แจ้งเตือน ทำให้เหมือนกับว่าโลกทั้งใบเหลือแค่ฉันคนเดียว
ฉันทรุดลงบนจุดที่พี่ใช้มีดหั่นผักและร้องไห้ออกมา..
“พี่.. ฉันตื่นแล้วนะ อรุณสวัสดิ์”
“….”
“พี่.. ฉันหิวแล้วนะ..”
“……”
“พี่… ผมคิดถึงพี่จังเลย…”
“……..”
สิ่งตอบรับฉันมีเพียงความเงียบ.. จะว่าไปแล้ว.. คำแทนตัวเองว่าผม.. ฉันไม่ได้ใช้มานานแค่ไหนแล้วนะ
พยายามจะแสดงให้พี่เห็นว่าโตแล้ว แต่ตอนนี้ฉันกลับร้องไห้เหมือนกับเด็กขี้แย..
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’
………….