ตอนที่ 94
ดู HENTAI ได้ที่ hanimeza.com
หอกเล่มนี้ลอกเลียนแบบมากจาก หอกปราบมังกร ซึ่งเป็นงานฝีมือคิมแดโฮรังสรรค์ขึ้น
อาวุธที่ซูฮยอนเคยจับใช้ หอกถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังและเป็นเครื่องทุ่นแรงมีประโยชน์มากที่สุด
การขว้างหอกสามารถชดเชยระยะการโจมตีแสนสั้นของดาบได้เป็นอย่างดี
หอกทั่วไปมีพลังทําลายล้างไม่เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น สมมุติมีหอกคู่กายใช้เป็นประจํา แล้วเกิดเหตุสุดวิสัยเผลอขว้างหอกออกไปโดยไม่รู้ตัว การตามหาหอกกลับคืนมาแทบเป็นได้เพียงเรื่องเพ้อฝัน
โดยปกติหอกเป็นอาวุธที่กําหนดมากให้ขว้างได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ฉะนั้น หอกปราบมังกรจึงถูกใจซูฮยอนมากที่สุด
หอกปราบมังกรทั้งทรงและมีระยะการโจมตีที่ไกล แถมมันยังเป็นอาวุธใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซูฮยอนจึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะเก็บหอกกลับคือได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ซูฮยอนรู้สึกทุกขารมณ์ตลอด เวลาเสียคะแนนความสําเร็จซื้อหอกปราบมังกร แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ดังนั้นเขาจึงปิ้งไอเดียนําต้นแบบหอกปราบมังกรมาให้คิมแดโฮวิเคราะห์และไหว้วานให้สร้างของเลียนแบบขึ้น…
“คิมแดโฮสร้างเหมือนในอดีตเปี๊ยบเลยแฮะ…”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนบีบหอกในมือแน่น เขากวาดสายตามองมอนสเตอร์จากบนท้องฟ้าและงอมือทําท่าทําทางเหมือนยิงธนู
“ฉันขอดูหน่อยสิ ว่าอาวุธที่คิมแดโฮสร้างจะมีอานุภาพเหมือนต้นฉบับไหม”
วุป!!
หอกปราบมังกรตอบสนองโดยการดูดกลืนพลังเวทย์ของซูฮยอนเข้าไป หอกปราบมังกรราวมีชีวิต มันดูดกลืนพลังเวทย์อย่างตะกละตะกลาม ตัวหอกเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น..
หอกปราบมังกรสมบูรณ์แบบมาก เมื่อมันได้อาบพลังเวทย์ของซูฮยอน รูปร่างภายนอกของมันเหมือนต้นฉบับไม่มีผิดเพี้ยน สิ่งที่ต้องทําต้องไป คือการพิสูจน์ยืนยันอานุภาพของมัน..
ซูฮยอนไม่จําเป็นต้องนับ 1-3 ตามนิสัยติดตัวเหมือนอย่างเคย มอนสเตอร์ด้านล่างเหลือรอดอยู่เยอะ เขาสามารถหลับตาและขว้างหอกสุ่มสี่สุ่มห้ายังได้..
ปัง!!!
ซูฮยอนง้างแขนออกไปสุดเท่าที่กล้ามเนื้อแบกรับไหวแล้วขว้างออกไป หอกบินอู่ไปตามสายลม…
หอกปราบมังกรฉบับเลียนแบบทนต่อแรงเสียดสีของลมได้ไม่นานนัก มันแตกกระจายกลางอากาศเป็นเศษชิ้นเล็กๆ นับร้อยนับหมื่นชิ้น
บูม!!!!
เศษหอกชิ้นเล็กๆมีพลังเวทย์เคลือบพื้นผิวไว้บางๆ เมื่อหอกปราบมังกรโจมตีโดนตัวมอนสเตอร์ ร่างของพวกมันก็พลันระเบิดเป็นหลุมเป็นบ่อ
ก๊าซซซซซ!!!!
เสียงร่ำไห้ดังก้องทั่วไปพื้นป่า กลุ่มมอนสเตอร์ตกอยู่ในความโกลาหล
ซูฮยอนล่อนลงเหยียบพื้นเหมือนเดิน เขาตระหนักว่าเจ้าหอกปราบมังกรมีข้อเสียใหญ่ๆ นั้นก็คือมันกินพลังเวทย์มากเกินไป แต่ผลลัพธ์อานุภาพทําลายล้างเป็นที่น่าพอใจถึงที่สุด
โฮกกกกก!!!
มอนสเตอร์โดนรัศมีหอกผละกระเด็นถอยไปด้านหลัง บางตัวตาย บางตัวไม่ตาย ตัวที่รอดชีวิตก็มีร่างกายไม่สมประกอบ อวัยวะถูกฉีกขาดหายไป แสดงว่าหอกปราบมังกรยังทรงพลังไม่พอ..
“ฝีมือคิมแดโฮลดถอยลงไปเยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับช่วงยุคทองของเขา” ซูฮยอนคิดและก้มหน้ามองมือตัวเอง 6 ปี
“ฉันก็เหมือนกัน”
ทักษะประดิษฐ์ของคิมแดโฮและทักษะการต่อสู้ของซูฮยอนยังห่างชั้นอีกมากเมื่อเทียบกับในอดีต…
พลังเวทย์และปัจจัยเวทย์ของซูฮยอนถือว่าต่ำกว่าในชาติภพก่อนเยอะพอสมควร ย่อมเป็นเรื่องปกติ ทําไมอนุภาพหอกถึงแผ่วเบาลง แม้จะใช้อาวุธเหมือนกันก็ตาม..
“มิรุ”
คิ้ว?
ซูฮยอนเรียกมิรุ มอนสเตอร์ทุกตัวที่รอดชีวิตได้ยินเสียงขานรับของมิรุ ต่างพากันขวัญกระเจิง…
ซูฮยอนกวาดสายตามองดูฝูงมอนสเตอร์ที่รอดชีวิตและหันไปพูดกับมิรุ
“ฉันขอยืมแรงนายอีกสักครั้งได้หรือป่าว?”
คิ้ว!!
มิรุตอบกลับด้วยจิตวิญญาณ บอกเป็นนัยๆว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่มันเอง
ซูฮยอนรู้สึกผิดต่อมิรุเล็กน้อย เพราะมิรสามารถใช้สกิลปราณมังกรได้เพียงวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น เมื่อมีรุปล่อยสกิลปราณมังกรเสร็จ ร่างกายจะจมสู่ภาวะเหนื่อยล้าอ่อนแรง สกิลปราณมังกรทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มิรุก็ต้องแบกรับภาระหลักด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณมาก ถ้างั้น…”
ตุบ!! ตุบ!!
ซูฮยอนเพ่งมองดรูอิดที่กําลังเผ่นหนีอีกครา หลังจากโผล่ออกมาสํารวจลาดเลา
“ถึงคราต่อสู้ระหว่างลูกพี่ใหญ่ปะทะลูกพี่ใหญ่” ซูฮยอนพูด
“เจ้าจงกลับไปเสีย”
“ผลักไสไล่ส่งกันซะแล้ว แกเคยพูดว่าฉันเป็นเหยื่อไม่ใช่หรือไง”
วุป!!!
ซูฮยอนพุ่งไปด้านหน้าชั่วพริบตา สมรรถนะทางร่างกายของเขาถูกเสริมแกร่งด้วยลักษะพิเศษเฉพาะตัวของอิมูกิและผลเอฟเฟกต์บัฟของมิรุ
ตอนนี้ซูฮยอนสามารถกระโดดได้ไกลถึง 10 เมตร เพียงการกระโดดครั้งเดียว
ตูม!!
ดรูอิดยักษ์ถอยร่นกลับไปตั้งหลักด้านหลัง แขนใหญ่โต 2 ข้างยกขึ้นมาป้องกัน บนแขนถูกของมีคมกรีดลึกลงไป จนเห็นริ้วรอยเลือดสดๆไหลซึมออกมา
“เป็นไงบ้าง แกยังอยากให้ฉันกลับไปอีกไหม?”
เสียงซูฮยอนเปล่งออกมาจากทางขวา ดรูอิดหรี่ตาที่เต็มไปด้วยความพิศวง มันรีบหันศีรษะมองไปทางขวา แต่ที่ไหนได้รัศมีดาบกลับแล่นตามลมมาจากทางซ้าย..
ฉัวะ!!
ดาบกรีดลึกลงไปบนชั้นผิวหนัง ซูฮยอนไม่อาจบั่นร่างกายดรูอิดให้ขาดครึ่งได้ เพราะขนาดตัวของดรูอิดใหญ่โตเกินไปและหนังยังเหนี่ยวเฉกสวมชุดเกราะ เขาทําได้แค่สร้างบาดแผลเล็กๆจากสีข้างเท่านั้น
“เจ้า….”
วุป!!!
พลังเวทย์สีแดงราวสีดอกกุหลาบกระจายออกมาจากตัวดรูอิด…
“ต้องตาย…”
บูม!!!
การระเบิดพลังเวทย์ของครูอิด เป็นเหตุให้พุ่มหญ้าตามไหล่ทางกลายเป็นขี้เถ้าพริบตา
ซูฮยอนรีบถีบตัวถอยร่นไปตั้งรับด้านหลังและระลึกถึงความสามารถดรูอิด.
“ปกติดรูอิดถนัดการใช้พลังเวทย์ในการต่อสู้ ความสามารถด้านการป้องกัน โดยรวมเป็นผลมาจากเสื้อคลุมหนังที่สวมใส่อยู่ ความสามารถทางกายภาพ ก็ดีกว่ามอนสเตอร์ระดับบอสในดันเจี้ยนเขียวแห่งอื่นๆพอควร ไม่ใช่แค่นั้น”
ตูม!! ตูม!! ตูม!!
ซากศพมอนสเตอร์นอนเรียงรายอยู่ด้านหลังพลันระเบิดแตกตัวออกมา ซูฮยอนรีบสํารวจรอบข้างอย่างระแวดระวัง ว่ามีซากศพกองอยู่แถวนี้หรือไม่..
“ในเมื่อไม่มีทางหลบพ้น ฉันควรจะ…”ซูฮยอนวิเคราะห์
แผนการถูกขีดเขียนเป็นรูปเป็นร่างภายในหัวสมองซึ่งแผนที่ว่าก็ไม่ได้ยากอะไร ง่ายต่อการสงปฏิบัติเสียด้วยซ้ำ
ฟรึ่บ!!
ซูฮยอนดีดตัวมุ่งประจันหน้าดรูอิด เมื่อระยะห่างระหว่างเขาและดรูอิดฝนลง
ดรูอิดยกแขนใหญ่โตขึ้นมาอีกหน สําหรับดรูอิดสมรภูมิแห่งนี้ มันเป็นฝ่ายได้เปรียบมากที่สุด….
ตูม!! ตูม!! ตูม!!
ซากศพมอนสเตอร์ระเบิดพร้อมกันโดนไม่ได้นัดหมาย เศษชิ้นเนื้อและหยาดเลือดสาดกระเซ็นสภาพแวดล้อมโดยรอบฉาบย้อมไปด้วยสีแดงเข้ม ร้อนแรงดุจเปลวเพลิง…
เศษซากชิ้นส่วนปลิวว่อนตามแรงลม เศษซากชิ้นส่วนมีความพิเศษเฉพาะตัว เพราะภายในมีพลังเวทย์บีบอัดอยู่เป็นจํา นวนมาก..
เศษซากลอยว่อนเต็มท้องฟ้า เตรียมพร้อมโจมตีศัตรูอย่างซูฮยอน…ถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกหลบหรือหาที่กันบัง
แต่ไม่ใช่กับซูฮยอน เขาไม่หลบไปไหนทั้งสิ้น ดรูอิดมองตาอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ..
“ทําไมเจ้าถึงไม่หลบ?” ดรูอิดถาม
“เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องหลบไง เจ้าโง่”
หวือ!!
ร่างกายซูฮยอนแหวกทะลุละอองเลือดที่เกิดจากการระเบิดของซากศพมอนสเตอร์
[กายาทรหด]
[สกิลจําแลง : อิมูกิ)
วิธีที่ซูฮยอนเลือกใช้คือกล้ำกลืนฝืนทนไปกับแรงระเบิด เขามีเวลาไม่มาก การหลีกเลี่ยงซากศพมอนสเตอร์จํานวนมากจึง องปัดตกไป…
อีกอย่างซอยอนยังมั่นใจ ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากพอรองรับต่อแรงระเบิด ทําไมถึงมั่นใจนัก? เพราะร่างกายตัวเอง เจ้าของร่างรู้อยู่แก่ใจ
และมอนสเตอร์ดรูอิดที่กําลังปะมือด้วย เขาก็เคยต่อสู้กับมันมาแล้ว
ฉัวะ!! ฉัวะ!!
ซูฮยอนเข้าประชิดตัวและออกท่วงท่าฝาดฟันดรูอิดแม้ดรูอิดจะเชี่ยวชาญการโจมตีเวทย์จากระยะไกลมากที่สุด
ยังไงดรูอิดก็เป็นถึงบอสสูงสุดในดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ความสามารถทางกายของดรูอิดจึงจัดอยู่ในระดับสูงด้วยเช่นกัน มันสามรถหลบวิถีดาบของซูฮยอนได้
ซูยอนพยายามเล็งจุดตาย ดรูอิดก็เบนกายหลบได้อย่างหวุดหวิด
ตามร่างของดรูอิดเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผล ที่ถูกซูฮยอนบรรจงละเลง..
“หยุด…มัน”
ตามคําบัญชาของดรูอิด มอนสเตอร์เหลือรอดทุกตัวกระโจนเข้าหาซูฮยอนไม่คิดชีวิต ท่าทางดรูอิดคงวางแผนโดยการควบคุมมอนสเตอร์ทุกตัวที่รอดชีวิตสกัดกั้นซูฮยอนให้ได้ เพื่อเลี่ยงเผชิญหน้าตรงๆ
“มิรุ”
วุป!!!
ดรูอิดแหงนหน้ามองด้านบน มังกรน้อยหลับตาพริ้ม กําลังรวบรวมพลังเวทย์ตั้งอกตั้งใจโดยสงบปากสงบคํา เพื่อเตรียมพ่นออกไปเป็นหนที่ 2
“เก็บกวาดลูกสมุนปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้ซะ”
ฟู!!!
เปลวเพลิงสีขาวพิสุทธิ์ชําละล้างสรรพสิ่งทุกหนทุกแห่ง…
ฟรึ่บ!!
ดรูอิดกระโดดหลบถอยไปด้านหลัง ซูฮยอนไม่ยอมปล่อยให้เป้าหมายหนีไปมากกว่านี้
เขายันพื้นพุ่งหาดรูอิดตวัดดาบโจมตีไปที่หน้ากากของมัน หน้ากากเริ่มปริแตกแยก 2 ซีก ใบหน้าแท้จริงภายใต้หน้ากากของดรูอิดค่อยๆเผยออกมา
ใบหน้าของมันผิดคาดกับจินตนาการมาก เพราะภายใต้หน้ากากเป็นชายหนุ่มโฉมงาน นัยน์ตาสีทองหม่น..
“เปลี่ยนหน้าอีกแล้วเหรอ คราวนี้ไปก๊อปปี้หน้าใครมาอีกหล่ะ?”
“ไม่…อย่า…ฆ่า…ข้า” ดรูอิดเอ่ย
“พล่ามมาก น่ารําคาญ”
ฉัวะ!!
ซูฮยอนลงดาบดรูอิดโดยไม่พูดพร่ำทําเพลง
“ฉันขี้เกียจเสวนากับแกนานๆ มีคนอีกหลายชีวิตกําลังรอการกลับมาของฉันอยู่”
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
“ฟู…”
“บ้าเอ้ย พวกมันเหลืออีกกี่ตัว? เมื่อไหร่จะหมดซักที”
บริเวณรอบๆพวกเขามีฝูงมอนสเตอร์หลายตัวโอบล้อมทีมโจมตีเอาไว้ พวกเขาปลิดชีพมอนสเตอร์ไปนับไม่ถ้วน แต่พวกมอนสเตอร์ก็โผล่ออกมาเรื่อยๆไม่มีหมด นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขาต้องมารับมือกับฝูงมอนสเตอร์เนืองแน่นขนาดนี้
จอร์แดนมองสํารวจลูกทีม สภาพร่างกายของทุกคนมีอาการหอบเหนือยเต็มประดา..
“เป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน…” จอร์แดนคิด
พวกเขานัวเนียต่อสู้มอนสเตอร์มาได้ประมาณหนึ่ง ทั้งความแข็งแกร่งและพลังเวทย์ล้วนแต่ลดทอนลง
จอร์แดนและผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ยังมีเรี่ยวแรงต่อสู้ได้อีกสักพัก แต่ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ B ลงไป เริ่มยืนทรงตัวไม่ไหวกันแล้ว
“ฉันควรสั่งให้พวกเขาถอยหนีก่อนดีไหม?” จอร์แดนคิด
นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในการตัดสินใจ ว่าพวกเขาจะยืนหยัดอยู่ต่อหรือจากไป ถ้าเขาสั่งให้สมาชิกทุกคนหนีเอาตัวรอดคงมีผู้ตื่นขึ้นประมาณครึ่งหนึ่งอาจรอดชีวิต..
“แมร่งเอ้ย ปวดหัวโว้ย!!”
มีได้ย่อมมีเสีย คนหนีรอดไปครึ่งหนึ่ง แสดงว่าต้องมีคนอีกครึ่งหนึ่งต้องสังเวยชีวิต เมื่อเลือกหนี รูปขบวนย่อมแตกกระเจิงไม่เหลือขึ้นดี การฝ่าฟันฝูงมอนสเตอร์โดยไม่เกิดความสูญเสียเป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า มืดแปดด้าน จอร์แดนไม่รู้ว่าควรเลือกแนวทางไหน ภายในจิตใจเต้นกระสับกระส่าย ความขัดแย้งเอ่อล้นอยู่เต็มอก…
“ทุกคนดูทางโน้นสิ…”
ฮักจุนซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้นําร่วมกับจอร์แดนยกมือชี้นิ้วไปด้านหน้า จอร์แดนไม่เข้าใจว่าฮักจนอยากให้ดูอะไร จึงเลื่อนตามองตามทิศทางที่ฮักจุนชี้นิ้วนิ่งค้างไว้
“มอนสเตอร์มัน..”
กี้!!! กี้!!!
โฮกกกกกกกกกก
ฝูงมอนสเตอร์โจมตีพวกเขาอย่างมีกิจจะลักษณะ เริ่มมีอาการแปลกๆฉายขึ้นบนใบหน้า
มอนสเตอร์หันมองสภาพแวดล้อมรอบตัวราวกับกําลังทําความเข้าใจสถานการณ์ ไม่นานพวกมันก็เตลิดหนีกันไปคนละทิศคนละทางจ้าละหวั่น
“นายเป็นคนทํางั้นเหรอ..?”
ดวงตาจอร์แดนเบิกกว้างแทบเรียกได้ว่าตาถลน ใบหน้าของฮันจุนก็สว่างไสวขึ้นทันควัน..
“ไม่สิอย่าบอกนะว่า ซูฮยอนทําสําเร็จแล้ว”
ข้อสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด มีเพียงข้อเดียว นั้นก็คือซูฮยอนต้องจัดการดรูอิดผู้เป็นบอสใหญ่สุดของมอนสเตอร์ไปแล้วแหง่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกมันต้องโจมตีพวกเขาต่อ ไม่ใช้เลือกวิ่งหนี..
“ขอบคุณพระเจ้า”
จอร์แดนผ่อนลมหายใจโล่งอกออกมา เขาลืมตามองผู้ตื่นขึ้นและประกาศกร้าว “อย่าพึ่งด่วนดีใจ มันยังไม่ใช่จบ ประคับประคองสติเอาไว้”
“รับทราบครับ!!”
เวทมนต์คาถาของดรูอิดคลายออก มอนสเตอร์ที่ถูกควบคุมจิตใจ ปลดโซ่ตรวนเป็นอิสระ
กลุ่มก้อนของมอนสเตอร์ตกอยู่ในความโกลาหล โอกาสที่พวกเขาเฝ้ารอมาเนิ่นนานได้มาถึงเรียบร้อย
“ไปเถอะ ได้เวลาสวนกลับ”
หลังจากตั้งรับมากนาน ในที่สุดก็ถึงคราวโต้กลับ
ซูฮยอนยืนมองซากศพดรูอิดที่กองอยู่บนพื้น ใบหน้าดรูอิดมีบาดแผลฉกรรจ์เนื่องจากโดนดาบแทงจากด้านหน้าทะลุไปถึงกระโหลกศีรษะด้านหลัง
ใบหน้าของครูอิดไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป ซึ่งไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของมัน
“ใบหน้าของมันแตกต่างกว่าครั้งล่าสุดที่ฉันเคยเจอทีเดียว” ซูฮยอนคิด
เดิมที่ดันเจี้ยนสีน้ำเงินแห่งนี้ถูกตีตราล้มเหลวในชีวิตที่แล้วของซูฮยอน ดรูอิดได้นําฝูงมอนสเตอร์จํานวนมากออกล่าสังหารมนุษย์ไม่เหลือหน้า สร้างความหวาดกลัวขวัญเสียให้หมู่มนุษย์
ดรูอิดมีความสามารถพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือ มันสามารถดูดซับพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ แล้วแปรเป็นใบหน้าของตัวเองได้
เมื่อดรูอิดหลุดออกจากดันเจี้ยน มันได้ไล่ล่าสังหารมนุษย์เป็นจํานวนมากและก็อปปี้ใบหน้ามาเป็นว่าเล่น ทําให้ใบหน้าของดรูอิดไม่เคยซ้ำกัน ทุกครั้งที่ทางทีวีรายงานข่าวเกี่ยวกับมัน ใบหน้าดรูอิดเปลี่ยนไปตลอดก็ว่าได้
“ในเมื่อไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของดรูอิด แสดงว่ามันก๊อปปี้ใบหน้า มาจากผู้เคราะร้ายคนอื่นมางั้นเหรอ?”
มีความเป็นไปได้สูง อาจมีใครบางคนแอบลักลอบเข้ามาในดันเจี้ยนก่อนทีมโจมตี
แต่ซูฮยอนข้องใจ ตอนที่ข่าวดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินปรากฏขึ้น พื้นที่รอบๆถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมเอาไว้หมด คนนอกไม่มีสิทธิเฉียดเข้าใกล้ มิหนําซ้ำเขายังสงนนึกไม่ออก ไอ้บ้าหน้าไหนใจกล้าบ้าบินเข้ามาในดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน นอกจากคนผู้นั้นเพื่อการมีชีวิต
คิ้ว!!!
เมื่อดรูอิดนอนแน่นิ่งสนิท มิรุกําลังโผบินถลาลมบนท้องฟ้าทิ้งดิ่งลงมาเกาะหัวซูฮยอนเอาไว้
ท้องกลมกลึงของมิรุพองนูนจากการหายใจ
“ขอบคุณมากมิรุ นายช่วยฉันไว้อีกแล้ว”
คิ้ว!!
มิรุปล่อยปราณมังกรถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายแบกภาระหนักเกือบหมดเรี่ยวแรง
ซูฮยอนลูบหลังมิรุปลอบโยนเบาๆ ก่อนก้มหน้าหยิบคทาของดรูอิดขึ้นมา
คิ้ว??
มิรุเอียงคอแสดงทีท่าสงสัย ราวกับมันสนใจสิ่งของที่ซูฮยอนหยิบขึ้นมาคืออะไร แม้ว่ามิรุจะอยู่สภาวะอ่อนเพลียพร้อมหลับได้ทุกเมื่อ แต่เพราะความแข็งแกร่งของมิรุถูกยกระดับขึ้นหลังจากขนาดตัวเติบโต มันจึงสามารถพยุงสติไม่ให้หลับไหลได้ชั่วคราว
“นายสงสัยสินะ ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”
คิ้ว!!
มิรพยักหัวขึ้นลงอย่างออกหน้าออกตา ซูฮยอนแย้มยิ้มตอบแล้วทําการขว้างคทาลงกับพื้น
เปาะ!!!
คทาแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายเต็มพื้น ก้อนหินสีฟ้าระยิบระยับแพรวพราวกลิ้งมาสัมผัสปลายเท้าซูฮยอน
“นี้แหละคือส่วนที่สําคัญมากที่สุด” ซูฮยอนพูด
เขาก้มหน้าลงไปหยิบก้อนหินสีฟ้าขึ้นมาให้มิรุยล คนอื่นคงคาดไม่ถึงว่า สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน เป็นเพียงแค่ก้อนหินสีน้ำเงินเม็ดเล็กๆ
“มีเจ้าสิ่งนี้ ฉันสามารถ…”
คิ้ว!!
ในขณะซูฮยอนกําลังเตลิดเปิดเปิงไปกับจินตนาการไร้ก้นบึงมิรุอ้าปากเล็กๆเขมือบหินสีฟ้าเข้าไปหน้าตาเฉย
“เฮ้ย!”
อึก!!
มิรุรีบกลืนหินสีฟ้าลงลําคอ ซูฮยอนตั้งตัวไม่ทันและไม่ฝันมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์พิสดารเช่นนี้ขึ้น
MANGA DISCUSSION