การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 69
ตอนที่ 69
เวลาเตรียมตัว 5 นาที โบยบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
2 ชั่วโมงต่อจากนี้ คือช่วงเวลาชี้ชะตาว่าพวกเขาจะอยู่หรือจะไป…
<<พวกมันเริ่มมากันแล้วสินะ>>
เสียงฝีเท้าหนักๆดังออกมาจากทางแยกทั้ง 5
แม้แต่เสียงคำรามของเมอร์เมนซิลค์ที่ซูฮยอนคุ้นเคยก็ดังออกมาด้วย เหมือนว่ามอนสเตอร์ที่ซูฮยอนเคยพบเจอมาตลอด 10 วัน จะออกมันจากเส้นทางทั้ง 5 นั้น…
โฮกกกกก
ฟังจากเสียงคำรามดูเหมือนจำนวนมอนสเตอร์ในรอบแรกจะยังมีไม่เยอะ เพราะซูฮยอนสัมผัสได้จากออร่าที่มอนสเตอร์ปล่อยออกมา
ซูฮยอนหันหน้าไปมองสมาชิกภายในกลุ่มทุกคน ก่อนอ้าปากพูดกับพวกเขา “พวกเรามาแบ่งกันดูคนละทางดีกว่า”
“คนละทาง?”
“มอนสเตอร์จะโผล่ออกมาจาก 5 เส้นทางสินะ”
“แต่พวกเรามีแค่ 4 คน แล้วอีกเส้นทางที่เหลือละ จะทำยังไง?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูเส้นทางที่เหลือเอง”
“งั้นตกลง พวกเราจะทำตามวิธีของนายก็แล้วกัน”ไอลีตอบ
“เดี๋ยวก่อน ในช่วง 10 วันที่ผ่านมานายเอาชนะมอนสเตอร์มาได้ตลอดโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา แล้วไหงนายถึงเลือกแค่ 2 ทาง ทำไมนายไม่เหมาไปทั้ง 5 ทางเลยหล่ะ”ฮาวลาถามซูฮยอนด้วยสีหน้าตื่นตะหนัก
ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ซูฮยอนแสดงออกมา การเอาชนะมอนสเตอร์จาก 5 ทางคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าตัว แต่ซูฮยอนกลับเสนอให้พวกเขาเอาชีวิตไปเสี่ยงกันความตายเนี่ยนะ?…
“นายไม่คิดจะทำตัวให้มีประโยชน์เลยหรือไง? ที่ผ่านมานายก็สบายมามากพอแล้ว หยุดทำนาบนหลังคนสักที่เถอะ” ซูฮยอนพูด
เมื่อได้ยินคำพูดของซูฮยอน ฮาวลาก็ไม่รู้จะโต้แย้งอะไรกลับไปดี เพราะคำพูดของซูฮยอนมันถูกต้องทุกอย่าง
ที่ผ่านมาทั้งเคซฮุนไรน์และฮาวลาหลบอยู่แนวหลังของซูฮยอนมาโดยตลอด สิ่งที่เขาทำได้ มีแค่การเก็บเศษหินอีเธอร์ที่อยู่ตามข้างทาง คำอธิบายทำนาบนหลังคนของซูฮยอนถูกต้องถูกประการ..
<<แม่งเอ๋ย..ถ้าหากฉันเป็นอะไรขึ้นมา ส่วนแบ่งของฉันคงโดนคนอื่นฉกฉวยไปหมด>>
ฮาวลาคิดพร้อมกับหันไปดูห่อผ้าที่สะพายไว้ด้านหลัง..
<<ไม่ได้การ ฉันปล่อยให้เหตุการณ์ที่คิดไว้เกิดขึ้นไม่ได้>>
เคซฮุนไรน์และฮาวลาเป็นคนที่ตึงเครียดมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาพวกเขาอยู่แนวหลังมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ตัวต่อตัว..
<< 30 นาที>>
เมื่อมองไปยังทางแยกของมอนสเตอร์ ดวงตาของฮาวลาก็เปล่งประกาย…
<<ฉันต้องอดทนไปก่อน 30 นาที>>
โฮกกกกกกกกกก
มอนสเตอร์ระลอกแรกถูกปล่อยออกมาจากทางแยกทั้ง 5…
โชคยังดีที่เส้นทางทั้ง 5 มีมอนสเตอร์อย่างละ 1 ตัว ทำให้พวกเขายังพอรับมือได้ แต่พอผ่านไปได้ 5 นาที่ จาก 1 ตัว กลับเพิ่มมาเป็น 10 ทำให้กลุ่มของซูฮยอนตกอยู่ในความโกลาหล
“แฮ่ก แฮ่ก”
เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ สมาชิกในกลุ่มก็ตกอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า…
แต่คนที่อาการหนักมากที่สุดคงเป็นเคซฮุนไรน์ เพราะเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของมอนสเตอร์
โชคยังดีที่เคซฮุนไรน์รู้จักวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไม่เช่นนั้นละก็ เลือดของเขาได้ไหลหมดตัวแน่..
“นายไม่เป็นอะไรนะ”
ซูฮยอนหันหน้าไปถามเคซฮุนไรน์ด้วยความเป็นห่วง เพราะร่างกายของเขามีแผลฉกรรจ์บริเวณข้างเอว..
“อ่า..ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี พักสักหน่อยคงกลับขยับร่างกายได้ครั้ง”
แม้บาดแผลของเคซฮุนไรน์จะไม่ใหญ่มาก แต่เพราะเสียเลือดมาเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆแผลเริ่มซีดเผือก ถ้ายังต่อสู้ต่อไป ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่…
“งั้นนายก็พักสักหน่อยก็แล้วกัน อีกไม่นานทางออกก็เปิดแล้ว นายสนใจไปคนแรกหรือป่าว?”
“ไม่เป็นไร…ฉันยังไหวจริงๆ”
เคซฮุนไรน์นึกไม่ถึงว่าซูฮยอนจะเสมอให้เขาหนีออกไปคนแรก เขาจึงกระเด้งตัวขึ้นมาแล้วโบกมือปฏิเสธข้อเสนอ
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ พักแค่ 10 นาที ก็หายเป็นปกติแล้ว”
“อย่างงั้นเหรอ…”
ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่มอนสเตอร์จะกรูกันออกมา ทุกคนในกลุ่มได้ทำข้อตกลงกันไว้ว่า หากประตูปรากฏขึ้นมา พวกเขาทุกคนห้ามออกไปจากดันเจี้ยนเพียงคนเดียวโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้คนที่เหลืออยู่แบกรับภาระหนักเกินไป…
เคซฮุนไรน์กลัวว่าจะถูกบังคับให้ออกไปเป็นคนแรกๆ เขาจึงยกข้อตกลงขึ้นมาอ้าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่มีทางหนีออกไปคนเดียวตอนนี้โดยเด็ดขาด เพราะมันยังไม่ถึงเวลา…
“นายไปพักก่อนก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”ซูฮยอนพูด
“ขอบคุณ”เคซฮุนไรน์ก้มหัวขอบคุณซูฮยอน…
โฮกกกกกกก
“ทุกคนเตรียมด้วยให้พร้อม หมาบ้าฝูงใหญ่กำลังมาอีกระรอกแล้ว”ไอลีพูดออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไอลีจะมีอาการเช่นนี้ เพราะทุกรอบที่ฝูงมอนสเตอร์กรูออกมา มันมีมากกว่า 30 ตัว กว่าจะผ่านไปได้แต่ละรอบพวกเขาเลือดตาแทบกระเด็น…
ถ้าไม่มีซูฮยอนอยู่ด้วย อย่าว่าแต่ 2 ชั่วโมงเลย แม้แต่วินาทีเดียวพวกเขาก็ไม่อยากอยู่…
“พวกมันออกมากันแล้ว”
ซูฮยอนทิ้งเคซฮุนไรน์เอาไว้เบื้องหลัง ก่อนเดินกลับเข้าไปประจำตำแหน่ง
“อ๊ากกกกกกกกกกก”
ในขณะที่มอนสเตอร์กำลังพุ่งพรวดออกมาจากเส้นทางทั้ง 5 เสียงกรีดร้องของฮาวลากลับดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน…
ซูฮยอนรีบหันไปมองตามเสียง ภาพที่เขาเห็นคือ ฮาวลา กำลังตะเกียกตะกายไปตามพื้นเพื่อมุ้งหน้าไปยังหอคอย แม้แต่เคซฮุนไรน์ที่บอกว่าบาดเจ็บก็วิ่งออกไปโดยไม่คิดชีวิต…
แค่มองดู ซูฮยอนก็รู้ได้ทันทีว่าพวกมันกำลังทำอะไร..บนไหล่ของเคซฮุนไรน์และฮาวลา ต่างเต็มไปด้วยหินอีเธอร์ที่สมาชิกในกลุ่มเก็บรวบรวมไว้..
กี้ กี้
นกฟีนิกซ์ที่กำเนิดขึ้นมาจากเปลวเพลิงของซูฮยอน บินผ่านช่องว่างระหว่างมอนสเตอร์ก่อนบินโฉบไปที่ เคซฮุนไรน์ ที่กำลังยันร่างกายเกือบไปถึงประตูทางออก…
“อะไรกัน?”
อีกแค่ไม่กี่ก้าวเคซฮุนไรน์ก็จะออกไปได้อยู่แล้ว…แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้าง เพราะมีมอนสเตอร์จากไหนก็ไม่รู้มาเป็นอุปสรรคขวางทาง…
เคซฮุนไรน์คิดว่าตัวเองวางแผนไว้แยบยลแล้วแท้ๆเชี่ยว มอนสเตอร์ทุกตัวควรอยู่กับอีก 3 คนที่เหลือสิ? ทำไมถึงมีมอนสเตอร์หลุดมาหาเขาได้?
“ย๊ากกกก”
เคซฮุนไรน์เหวี่ยงหมัดตรงเข้าสู้กลางลำตัวของนกฟีนิกซ์อย่างจัง แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขาไร้ประโยชน์ เพราะเมื่อร่างเล็กๆของนกฟีนิกซ์โดนหมัดของเคซฮุนไรน์ มันก็แตกตัวออกมาเป็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิง ก่อนกลับมารวมร่างเป็นนกฟีนิกซ์อีกครั้ง.. แม้เคซฮุนไรน์จะพยายามต่ออีกหลายครั้ง ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม..
“ไอ้นกเวร ออกไปห่างๆตัวฉันซะ”
ทันใดนั้น…กำแพงเปลวเพลิงขนาดยักษ์ก็ปะทุออกมาจากพื้นดิน ทำให้บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยความร้อนระอุ ที่สำคัญความด้วยความเข้มข้นของพลังเวทย์ ยังทำให้ผู้ที่อยู่ใจกลางของกำแพงหายใจไม่ทั่วท้อง…
เมื่อเคซฮุนไรน์ที่กำลังทะเลาะอยู่กับนกฟีนิกซ์สัมผัสได้ถึงออร่าพลังเวทย์จากด้านหลัง เขาก็หันไปมองอีกฝ่ายด้วยความหวาดหวาดระแวง
“นายคิดจะไปไหนงั้นเหรอ”เสียงมัจจุราชดังออกมาจากข้างหลัง..
“อึก”
แม้เคซฮุนไรน์จะตกใจเสียงที่อยู่ข้างหลัง แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปสนใจเพราะนกฟีนิกซ์กำลังโจมตีเขาอีกรอบ…ด้วยความเข้มข้นของพลังเวทย์ทำเคซฮุนไรน์ต่อกรกับนกฟีนิกซ์ไม่ได้.
สุดท้ายเขาก็ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่แสนเย็นชาของซูฮยอนก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า..
<< ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เขาควรต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ออกมาจากทางแยกสิถึงจะถูก? >>
<<เขามาอยู่หลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?>>
สายตาของเคซฮุนไรน์เลื่อนไปสำรวจจุดต่อสู้ของซูฮยอน ทันใดนั้นดวงตาของเขาจะแสดงอาการเหลือเชื่อออกมา..
<< อะไรกัน พวกมันตายหมดแล้ว? เร็วขนาดนี้เลย?>>
เหตุผลที่เคซฮุนไรน์มีอาการเช่นนี้ เพราะด้านหลังของซูฮยอนเต็มไปด้วยซากศพของมอนสเตอร์
ที่สำคัญร่างกายของพวกมัน ยังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนระบุบหน้าตาและประเภทไม่ได้…
การระเบิดพลังของซูฮยอนครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้มอนสเตอร์ที่ออกมาจากทางแยกทั้งหมด ตายลงในทันที….
<<เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ!!>>
เมื่อภาพทุกอย่างที่เห็นเป็นความจริงในที่สุดเคซฮุนไรน์ก็ตระหนักว่า เขาประเมินความสามารถของซูฮยอนต่ำเกินไป ใครจะไปคิดว่าซูฮยอนจะฆ่ามอนสเตอร์ได้เร็วขนาดนี้….
หลังจากนกฟีนิกซ์จัดการเคซฮุนไรน์ได้เป็นที่เรียบร้อย มันก็บินเกาะไหล่ของซูฮยอนและมองไปทางเคซฮุนไรน์ด้วยสายตาภาคภูมิใจ…
“เอ่อ…นายกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างที่นายคิดอยู่จริงๆ”
“งั้นเหรอ… เรื่องเข้าใจผิด? แต่นายกลับแท่งข้างหลังเพื่อนร่วมกลุ่มและหนีไปคนเดียวพร้อมกับหินอีเธอร์เนี่ยนะ?”
อย่างที่คิดไว้…หลังจากเคซฮุนไรน์ได้ยินคำพูดของซูฮยอน เขาก็ได้แต่ก้มนิ่งเงียบไม่กล้าสบตาตรงๆ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ ซูฮยอนที่เคยคิดเคซฮุนไรน์เป็นมิตรสหายก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาก่อนพูด “คำแก้ตัวของนายมันไม่ได้เรื่อง เรื่องเข้าใจผิด? มีแต่ไอ้โง่เท่านั้นแหละที่จะเชื่อ”
หลังจากซูฮยอนพูดจบ เขาก็หันหน้าไปมองอีกด้านหนึ่ง…
กี้ กี้
“อ๊ากกกกกก”
ฮาวลาผู้ถูกเคซฮุนไรน์รอบโจมตีที่เผลอ กำลังยันร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล มุ่งหน้าไปยังประตูทางออก
ด้านหลังของฮาวลาก็มีถุงเก็บของที่เหมือนกับของเคซฮุนไรน์เหมือนกัน….แต่ก่อนที่จะถึงประตูทางออกเขากลับโดนนกฟีนิกซ์จากไหนไม่รู้ 2 ตัว มาก่อกวนบริเวณปากทางออก…จนเขาผ่านพวกมันไปไม่ได้…
“อะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”
หลังจากเคซฮุนไรน์เห็นถุงเก็บของที่อยู่ด้านหลังของฮาวลา ดวงตาของเคซฮุนไรน์เกือบถลนออกมาจากเบ้า
เขารีบก้มลงไปมองถุงเก็บของที่อยู่ข้างตัว ไม่นานถุงเก็บของก็เริ่มเกิดการย่อยสลาย..
ซู่ ซู่
ถุงเก็บของที่เคซฮุนไรน์ขโมยมาจากฮาวลาอยู่ๆก็ย่อยสลายไปเองโดยไม่ทราบสาเหตุ
เขามองกลับไปมากลับระหว่างถุงที่อยู่ในมือกับถุงที่ฮาวลาแบกอยู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ…..
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ทั้งๆที่ถุงเก็บของฮาวลาน่าจะอยู่กับฉันแท้ๆ?”
“อะไรกัน นายไม่รู้จักการทำงานของสกิลก๊อบปี้จริงดิ ไม่น่าเชื่อว่านายจะกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับของปลอมที่ถูกสร้างมาจากสกิลก๊อบปี้”ซูฮยอนพูดสั่งสอนเคซฮุนไรน์
แม้ชายทั่ง 2 คนจะมีเป้าหมายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนฮาวลาจะฉลาดกว่า..
สกิลก๊อบปี้ที่ฮาวลาใช่ สามารถปลอมแปลงไอเทมอะไรก็ได้ แต่ห้ามเกิน 2 ชิ้น เหมือนฮาวลาจะคิดไว้อยู่แล้วว่าจะโดนเคซฮุนไรน์ลอบทำร้ายแล้วขโมยถุงเก็บของไป เขาถึงวางแผนซ่อนแผนเอาไว้แต่เนิ่นๆ….
“นายกล้าโกหกว่าตัวเองได้บาดเจ็บ หนำซ้ำยังแอบเก็บหินอีเธอร์เอาไว้คนเดียวอีก ถ้าถามฉันว่าระหว่างนายกับฮาวลาใครโง่กว่ากัน ฉันขอบอกเลยว่าพวกนายมันสมองน้อยพอๆกัน นายเคยคิดถึงเพื่อนร่วมกลุ่มคนบ้างไหม ทำไมถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้”ซูฮยอนพูด
“ฟังฉันอธิบายก่อน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ”ฮาวลาที่อยู่ใกล้ๆกันตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด..
ฮาวลาผู้โดนเคซฮุนไรน์ลอบโจมตี ทำให้เขาไม่มีแรงเหลือไปต่อกรกลับนกฟีนิกซ์ เมื่อหมัดของเขาต่อยโดนพวกมัน ความร้อนจากเปลวเพลิงก็แผดเผามือของเขาจนเริ่มมีกลิ่นเหม็นไหม้โชยออกมา…
ซูฮยอนหันไปมองฮาวลาด้วยสายตาดูหมิ่นก่อนพูด..
“เรื่องเข้าใจผิดอีกแล้ว พวกนาย 2 คนหาข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วใช่ไหม? นายไม่ละอายใจบ้างหรือไง ที่คิดแผนชั่วๆออกมาได้”
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดจริงๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอ้หน้าโง่เคซฮุนไรน์ กำลังวางแผนขโมยหินอีเธอร์ไปคนเดียว ดังนั้นฉันจึง…”
“อย่างงั้นเหรอ งั้นนายช่วยอธิบายของสงสัยให้ฉันฟังหน่อยได้หรือป่าว”ซูฮยอนพูดออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หินอีเธอร์ระดับสูงสุดที่ฝังอยู่ใต้หอคอย..
“หินอีเธอร์ระดับสูงสุดที่ฝั่งอยู่ใต้หอคอยก็เป็นของปลอมด้วยสินะ นายไม่รู้จริงๆเหรอหากขาดหินก่อนนั้นไป พวกเราจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ นายไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นตายร้ายดีเลยหรือไง นายอยากหนีไปคนเดียวพร้อมกับหินอีเธอร์ระดับสูงสินะ?”
“อะไรกัน นายรู้ได้ไง”
คิ้วของฮาวลาขมวดขึ้นด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเอง..หินอีเธอร์ที่ฝั่งอยู่ในอักขระเวทมนตร์ก็เริ่มเปล่งแสงออกมาก่อนจะสลายตัวเป็นเศษฝุ่น ในที่สุดสกิลก๊อบปี้ก็ถูกยกเลิกออกไป…
“ฉันก็แค่เดา แต่เหมือนมันจะเป็นเรื่องจริงสินะ”ซูฮยอนพูด
“อะไรนะ เดา? เป็นไปไม่ได้!!”
“สกิลก๊อบปี้จะสูญเสียประสิทธิภาพเมื่อผู้ใช้คิดว่าฝ่ายตรงข้ามมองออก ที่ฉันเดาถูก เพราะเห็นนายไปด้อมๆมองๆหินอีเธอร์ก่อนนั้นมาก่อน แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายได้ใช้สกิลก๊อบปี้หรือป่าวเพราะฉันมัวยุ่งอยู่กลับการโจมตีมอนสเตอร์ ไม่ต้องบอกนายก็รู้ดี.”
มีผู้ตื่นขึ้นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความสามารถของสกิลก๊อบปี้ เพราะมันเป็นสกิลที่หายากมากๆและประสิทธิภาพของมันก็ค่อนข้างไร้ประโยชน์ ในเมื่อมันเป็นสกิลที่หายากทำให้ผู้ตื่นขึ้นมือใหม่แยกของจริงกับของปลอมไม่ออก…
<<แม่งเอ๊ย ถ้าไอ้หมอนี้ไม่อยู่ที่นี่ละก็..>>
แผนที่ฮาวลาวางเอาไว้มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ เขารู้อยู่แล้วว่าเคซฮุนไรน์จะหักหลังกลุ่มเพื่อนแน่นอน ทำให้ฮาวลาวางแผนซ่อนแผนเพื่อหวังตลบหลังเคซฮุนไรน์ แล้วหลบหนีไปพร้อมหินฺอีเธอร์เพียงคนเดียว…
ด้วยหินอีเธอร์ที่เยอะขนาดนี้ หากเขาไม่ด่วนจากไปก่อน เขาคงไม่ต้องลำบากไปตลอดชีวิต..
แต่ฝันที่เคยจินตรนาการไว้ก็ล้มไม่เป็นท่า…
“รู้อะไรไหม หากนายทำตามคำพูดของฉัน นายก็พอได้ของติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง แต่นายกลับเลือกหนีออกไปคนเดียว ซึ่งมันเป็นทางเลือกที่โง่เขลา แม้นายจะผ่านประตูทางออกไปได้ นายก็ออกไปจากดันเจี้ยนไม่ได้อยู่ดี..”
“หมายความว่าไง?”
ใบหน้าของฮาวลาและเคซฮุนไรน์แสดงอาการสับสนออกมา….
ซูฮยอนเลิกสนใจพวกเขาก่อนหันไปมองใต้หอคอย “พวกนายคงเห็นอักขระเวทมนตร์ใต้หอคอยสินะ ระหว่างรอการโจมตีจากมอนสเตอร์ ฉันแอบไปแก้ไขอักขระนิดๆหน่อยๆ หากพวกนายก้าวออกไปยังประตูทางออก ร่างกายของพวกนายจะไปโผล่ตรงซากมอนสเตอร์ที่กองอยู่ตรงนั้น”
“ในระยะเวลาสั่นๆ นายกับมองโครงสร้างของอักขระเวทมนตร์ออกเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้”
“อะไรกันแปลกใจเหรอ? ไม่ต้องแปลกใจไป ฉันก็แค่แก้ไขพิกัดเล็กน้อยๆเอง ฉันก็บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อครบ 2 ชั่วโมงพวกเราจะออกไปพร้อมกัน อยู่ด้วยกันต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของซูฮยอน สีหน้าของทั้ง 2 คน ก็ย้อมไปด้วยความสิ้นหวัง
“สำหรับหินอีเธอร์ระดับสูงสุดที่นายแอบขโมยไป เอากลับไปไว้ที่เดิมกลไกก็กลับมาทำงานได้แล้ว ดีล่ะถ้างั้น..นายมีอยากพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้ายไหม?”ซูฮยอนพูด
“พะ..พูดเป็นครั้งท้าย?”
“ได้โปรดเถอะ อย่าฆ่าฉันเลย ไว้ชีวิตฉันเถอะ นายอยากให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอม”
ทั้งฮาวลาและเคซฮุนไรน์ต่างคุกเข้าลงกับพื้นและอ้อนวอนให้ซูฮยอนไว้ชีวิตพวกเขา
<<หากฉันอ้อนวอนซูฮยอนดีๆ เขาอาจใจอ่อนก็ได้>>
ตลอดระยะ 10 วัน [ซูฮยอน] ที่เคซฮุนไรน์เฝ้าติดตามมาตลอด เป็นคนที่มีนิสัยห่วงใยต่อเพื่อนร่วมกลุ่มมากเป็นที่สุด..
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เคซฮุนไรน์ได้รับบาดเจ็บ ซูฮยอนกลับถามเขาด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับยื่นข้อเสมอให้หนีออกไปเป็นคนแรกๆ…แม้ซูฮยอนจะแอบแก้ไขพิกัดของประตู แต่สำหรับเคซฮุนไรน์ ซูฮฺยอนก็เป็นคนที่น่านับถือมากๆคนหนึ่ง
ซูฮยอนก็เปรียบเสมือนฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม ในเมื่อซูฮยอนเป็นคนจิตใจอารี เคซฮุนไรน์จึงเชื่อว่าซูฮยอนไม่มีทางลงมือฆ่าเขาแน่นอน…
<<เขาเป็นคนที่แข็งนอก อ่อนใน ดังนั้นเขา…>>
แม้ปากของเคซฮุนไรน์กำลังพร่ําเพ้ออ้อนวอนให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต แต่ในหัวของเขากลับคิดแผนการขั้นต่อไป
ในขณะที่เคซฮุนไรน์กำลังแสดงละครเป็นชายเจ้าน้ำตา เสียงที่แสนเย็นชาก็ดังออกมาจากปากของซูฮยอน
“ทำไมฉันต้องมาเสียเวลาให้กับพวกหมาสกปกแบบพวกแกด้วย พวกแกไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆใช่ไหม ว่าทำไมพวกแกถึงต้องตาย โทษทัณฑ์ที่พวกแกควรได้รับคือความตายสถานเดียว”
“เอ๊ะ?”
เคซฮุนไรน์เงยหน้าขึ้นไปมองซูฮยอน เพราะเขาคิดว่าตัวเองหูฟาดหรือป่าว ไม่น่าเชื่อว่าคนที่แสนดีอย่างซูฮยอนจะพูดคำ [ตาย] ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
ฉัวะ
แต่ก่อนที่เคซฮุนไรน์จะเงยหน้าขึ้นมาสุดคอ ดาบของซูฮยอนกลับตัดคอของเคซฮุนไรน์จนขาดกระเด็น…
“ในเมื่อแกไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องตาย แกก็ลองไปคิดดูดีๆในนรกก็แล้วกัน แล้วอย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะ”
ซูฮยอนปล่อยในศพนอนกองอยู่ตรงนั้น ก่อนเดินไปหาฮาวลาเป็นเป้าหมายต่อไป..
เมื่อฮาวลาเห็นว่าซูฮยอนกำลังเดินมาหา ใบหน้าที่เคยซีดขาวก็ซีดลงไปอีก แถมฟันบนฟันล่างยังขบกันจนเสียงดังออกมาภายนอก….
ซูฮยอนยืนด้านหน้าพร้อมกับดูปฏิกิริยาของฮาวลาอย่างเงียบๆ
ภายใต้ใบหน้าที่ซีดเผือกของฮาวลาเต็มไปด้วยเสียงลมหายใจที่แสนรวยริมเหมือนคนใกล้ตาย….
“รู้อะไรไหม? คนประเภทแบบพวกแก เป็นพวกไม่มีสามัญสำนึก ขนาดตัวเองทำผิด ก็ยังไม่รู้ความผิดของตัวเอง” ซูฮยอนพูดออกไปพร้อมกับมองไปที่ซากศพของเคซฮุนไรน์
“หากฉันในโอกาสพวกแกพูด 10 ครั้ง 9 ครั้งที่พวกแกจะพูดก่อนเสมอมักเป็นคำว่า ‘ไว้ชีวิตฉันเถอะ’ พวกแกกลัวตายขนาดนั้นเลยเหรอ? อย่างน้อยหากพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ฉันอาจใจอ่อนลงบ้าง”
“ฉันขอโทษ ปล่อยฉันไปเถอะ”
เหมือนฮาวลาจะรู้ว่าชะตากรรมของตนเองจะเป็นเช่นไรต่อไป แต่ก็ไม่วายลองพยายามอีกครั้ง….
หมับ
มือที่แข็งแกร่งของซูฮยอนบีบลำคอของฮาวลาเอาไว้ ก่อนกระแทกหน้าของฮาวลาลงกับพื้นเต็มแรง..
“อั๊ก”
“ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกแก 2 คน คิดยังไงกับฉัน แต่ว่า…”
ปัง
“ฉันไม่ใช้ชายแสนดี ผู้โอบอ้อมอารีต่อทุกสรรพสิ่ง อย่างที่พวกแกคิดหรอกนะ จำเอาไว้”