การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 59
ตอนที่ 59
ซูฮยอนหักนิ้วไปมาเพื่อเตรียมต่อสู้ ใช้กำลังแก้ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่ซูฮยอนต้องการ
แต่ก็นานเหมือนกันที่เขาไม่ได้โมโหใครมากขนาดนี้มาก่อน
“แขกกิตติมศักดิ์รู้ไหมว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกมา?”
จองดงย็องยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิมพร้อมกับใช้นิ้วเคาะโต๊ะไปด้วย
เขายกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆและกล่าวต่อ
“รู้ไหมว่าการประพฤติตัวของนายมันอยู่ในเกณฑ์ที่แย่มากๆ มาเยี่ยมเยียนกิลด์ถึงที่ แต่กลับแสดงกิริยาต่ำๆออกมาเนี้ยนะ?”จองดงย็องพูดออกไปด้วยท่าทีสบายๆ แม้ทั้ง 2 คน จะมีช่องว่างที่หากกันมาก แต่จองดงย็องก็ไม่มีความกลัวซูฮยอนเลยสักนิด
“ถ้าแกกล้าลงมีฆ่าฉันที่นี่ รู้ไหมมันหมายถึงอะไร?”จองดงย็องถาม
“แกกำลังจะบอกว่า ฉันจะกลายเป็นฆาตกรสินะ?”
“ถูกต้อง กฎหมายคือข้อกำหนดที่มนุษย์บัญญัติขึ้น ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนหรือใหญ่โตคับฟ้า คนผู้นั้นก็ไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายได้”
ซูฮยอนแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขาถูกจัดอันดับให้อยู่แรงค์ S เมื่อเร็วๆนี้
แต่ไม่ว่าจะมีพลังแกร่งกล้าสักแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรก็ได้
กฎหมายคือสิ่งที่จองดงย็องยกขึ้นมาใช้ประโยชน์ ถ้าอยากอยู่รวมกับสังคมมนุษย์ กฎหมายเป็นตัวแปรสำคัญในการใช้ชีวิต
จองดงย็องเชื่อว่าถ้าเขายกกฎหมายขึ้นมาซูฮยอนคงไม่กล้าทำอะไรเขา….
“หึ….ถ้าฉันไม่ลุก นายจะทำอะไรฉันได้ หลุดแสดงกิริยาต่ำๆต่อหน้าฉันซะ ถ้าไม่…ฮักจุนน้องรักของนายคง…”
ตูม
คำพูดของจองดงย็องหายวับไปกลางคัน หลังจากเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา หัวของเขาก็ขาวโพลนไปหมด
“อะไรกัน!!”จองดงย็องคิด
จองดงย็องโดนการโจมตีที่เผลอ จนร่างกายของเขากระเด็นไปติดกับผนังห้อง หัวสมองของจองดงย็องมึนงงไปชั่วขณะคล้ายกำลังหมดสติ
กำแพงกั่นระหว่างห้องแตกกระจายออกมาจนเห็นห้องอีกฝั่งหนึ่ง จองดงย็องพยายามยันร่างกายขึ้นมา สายตาที่โมโหร้ายตรึงไปที่ซูฮยอน
“แกบ้าไปแล้วหรือไง?”จองดงย็องตะโกนถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
ที่นี่คือกิลด์เฮ้าส์ของเทพสงคราม ในเมื่อเกิดเสียงครึกโครมดังขนาดนี้ สมาชิกคนอื่นๆคงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
เข้าไปในกิดล์เทพสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังใช้กำลังประทุษร้ายหัวหน้ากิลด์อีก คนที่สติดีๆเขาคงไม่ทำกัน
“ไม่นะ ฉันก็ปกติดี ไม่เห็นจะบ้าตรงไหน”ซูฮยอนตอบ
“แกทำแบบนี้ คิดเหรอว่าทางสำนักงานจะปล่อยแกไป? ในเมื่อแกกล้าก่อความวุ่นวายในกิลด์ที่แสนบริสุทธิ์เช่นนี้ สมาคมกิลด์ต่างๆไม่ยอมปล่อยแกทิ้งไว้แน่”
“บริสุทธิ์? ถ้าแกบริสุทธิ์จริง โลกนี้คงไม่มีคนชั่วๆแล้วมั่ง”ซูฮยอนพูดออกไปขณะเหลือบมองจองดงย็อง
จองดงย็องพยายามปั่นใบหน้ายิ้มแย้มแล้วกล่าวด้วยคำพูดดูหมิ่น “แกกล้าลงมือกับฉันเพื่อช่วยไอ้หมาตัวนั้นจริงๆเหรอ?”
“กล้าสิ”
เมื่อซูฮยอนเจอกับใบหน้าของจองดงย็องที่กำลังยิ้มร่า เขาก็กำหมัดตัวเองไว้แน่น เพราะเขาไม่ชอบสีหน้าของจองดงย็องตอนนี้จริงๆ ถ้าหักห้ามใจไม่ไหว เขาคงวิ่งไปซัดหน้ามันอีกหมัด
“รู้ไหม..ถ้าแกทำเพื่อมันจริงๆ แกไม่ควรทำแบบนี้กับฉัน”
“แล้วฉันควรทำยังไง?”ซูฮยอนถาม
“ถ้าแกทำอะไรกับฉันอีกครั้ง แฟนสาวของน้องชายสุดที่รักคงถึงเวลาตาย แกเข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อใช่ไหม”
จองดงย็องยกยันซอนขึ้นมาต่อรองอีกครั้ง….เขาเป็นคนวางยาพิษในตัวเธอเองกับมือ เพื่อใช้ยันซอนเป็นเครื่อองมือต่อรองกับฮักจุน…
“แกทำร้ายผู้มีพระคุณ ที่ช่วยแฟนสาวของน้องชายแกได้ยังไง แกมันก็เหมือนงูเห่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง ถ้ารู้มาก่อนว่าเรื่องราวจะลงเอยเช่นนี้ ฉันไม่มีทางด้วยแฟนสาวของมันแน่”
“ผู้มีพระคุณตูดแกสิ ทั้งๆที่แกปลุกถ่ายยาพิษในตัวเธอเองแท้ๆ”
“ฮ่า ฮ่า อะไรกันแกรู้ด้วยเหรอ ที่แท้แกก็สืบข้อมูลของฉันมาแล้วสินะ แต่แล้วไง ในเมื่อยันซอนอยู่ในอุ้มมือของฉัน ว่าไงฮักจุนน้องรักอยากปล่อยให้แฟนสาวตายจริงๆเหรอ”จองดงย็องหันไปถามฮักจุนที่หลบอยู่ด้านหลังของซูฮยอน
หลังจากฮักจุนได้ยินคำพูดของหัวหน้ากิลด์ใบหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“แกคิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันดีต่อเด็กคนนั้นจริงๆเหรอ ถ้าแกคิดว่ามันดีจริงๆ แกคิดผิดแล้ว ฮักจุนเป็นคนที่ใส่ใจแฟนของตัวเองมาก หากแฟนสาวสุดที่รักตายจากไปฮักจุนคงตรอมใจตามไปด้วย ถ้าแกฆ่าฉันเพื่อสนองตัวเอง แกคงต้องกลับไปคิดมาใหม่”
“อืม..เหตุผลที่แกพูดมาก็ฟังขึ้นอยู่นะ”
“หึ…สิ่งที่แกกำลังทำอยู่มันคือการระบายความโกรธ มันไม่ได้ทำเพื่อฮักจุนเลยสักนิด ถ้าฉันตายขึ้นมา ยาที่แฟนสาวฮักจุนเคยได้รับจะไม่มีอีกต่อไป”
ซูฮยอนไม่ได้ตอบกลับคำพูดของจองดงย็อง แต่เขากลับหันไปมองฮักจุนที่ยืนอยู่ข้างๆแทน
แต่ทันใดนั้น…เสียงของจองดงย็องก็ดังออกมา
“ตามจริง ฉันก็ไม่อยากพูดอย่างงี้หรอกนะ แต่ว่า…ฮักจุน”
“ครับ?”
“ขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะเลือกอะไร ระหว่างยันซอนแฟนสาวแสนดี กับ ซูฮยอน พี่ชายที่เจอกันได้ไม่นาน ไหนแกลองบอกสิว่าจะเลือกอะไร”จองดงย็องถามด้วยน้ำเสียงทุมต่ำ
ฮักจุนตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ผม..ผม”
ฮักจุนหลับตาแน่น เขารู้สึกว่าสายตาเริ่มมืดมัว สมองเริ่มถูกแช่งแข็ง ถ้าเป็นไปได้เขาอยากหนีออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้จริงๆ
“ฮักจุน”ซูฮยอนเรียกเขา
ฮักจุนลืมตาขึ้นอีกครั้ง หลังจากได้ยินเสียงเรียกของซูฮยอน สายตาของทั้ง 2 คนประสานเข้าด้วยกัน
“อยากให้ฉันช่วยไหม?”ซูฮยอนถาม
“ผมไม่รู้”
ฮักจุนยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตัวเองด้วยความกระวนกระวาย ฝันร้ายในอดีตเริ่มกลับคือมาหาอีกครั้ง ในฝันร้ายทุกๆวันของฮักจุนเหมือนตกอยู่ในห้วงนรก ไม่ว่าเขาจะร้องข้อความช่วยเหลือจากใคร ทุกคนก็พากันเบี่ยงหน้าหนี
“ใจเย็นๆ แค่พูดมาช่วยผมด้วย ฉันจะช่วยนายเอง”ซูฮยอนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ตุบ ตุบ
เสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งมาจากที่ไกลๆจนทำให้ตัวอาคารเกิดการสั่นสะเทือนเหมือนกำลังจะถล่ม
กลุ่มก้อนพลังงานเวทมนตร์ขนาดมหึมาของซูฮยอนเริ่มโอบล้อมพื้นที่ ที่ซูฮยอนตัดสินใจปล่อยพลังเวทย์ของตัวเองออกมา เพื่อใช้ข่มขวัญศัตรู
“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น!!!”
“เชี้ยไรเนี่ย”
สมาชิกกิลด์เทพสงครามมาถึงห้องเกิดเหตุด้วยสีหน้าแตกตื่น แต่เมื่อมาถึงร่างกายของพวกเขากลับโดนพลังเวทย์ของซูฮยอนกดดัน
ซูฮยอนไม่ได้สนใจพวกมาใหม่ สายตาของเขายังคงมองไปที่ฮักจุน
หัวสมองของฮันจุนตอนนี้หมุนวนไปด้วยความคิดมากมาย แต่หลังจากได้ยินคำพูดของซูฮยอน
ว่าจะช่วยเหลือเขา ทำให้เส้นทางที่เคยมืดมิดเริ่มมีแสงสว่าง
“ช่วยผมด้วย”
“พูดอะไรชเวฮักจุน พูดดังกว่านี้”
“ได้โปรดช่วยผมด้วย”
ฮักจุนไม่รู้สึกตัวว่าเขาพูดอะไรออกไป บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของเขาที่ต้องการพึ่งใครสักคน ถ้าขาดแฟนสาวไป โลกที่แสนสวยงามคงพังทลาย ต่อในเส้นทางในอนาคตจะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ถ้ามีแฟนสาวค่อยให้กำลังใจ เขาก็พร้อมเดินหน้าต่อไป
“ดีมาก”
วุซ
ซูฮยอนขยับร่างกายเล็กน้อยก่อนที่เปลวเพลิงขนาดใหญ่จะลุกโชนออกมา ทั้ง 3 คนตกอยู่วงล้อมของกำแพงเปลวเพลิง
กำแพงที่สร้างขึ้นมาจากเปลวเพลิง สร้างมาเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากคนภายนอก…
เมื่อจองดงย็องตกอยู่ในกำแพงเปลวเพลิง ท่าทางของเขาที่แสดงออกมาก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ตั้งแต่เป็นหัวหน้ากิลด์ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้เขาเจอสถานการณ์จนตรอกขนาดนี้
“จากนี้ต่อไป ฉันจะบอกแกเองว่า คำไหนที่แกไม่สมควรพูด”
“อะไรของแก”จองดงย็องถาม
ซูฮยอนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ก่อนดึงสร้อยคอออกมา “รู้ไหมสิ่งนี้มันคืออะไร มันคือสมบัติที่ แชร์ทั้งหลายแหล่ต่างนับถือ ฉันได้มันมาตอนเคลียร์หอคอยแห่งการทดสอบ ที่ผ่านมาฉันเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ด้วยความรัก และ ความทะนุถนอม รู้อะไรไหมไอเทมชิ้นนี้มันสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและสถานะที่ผิดปกติทั้งหมดได้ ซึ่งการเปิดใช้งานก็เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย ตามจริงมันเหมาะแก่การใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น แต่ว่า…..”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูฮยอน การแสดงออกของฮักจุนกับจองดงย็องก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่ไม่เชื่อว่าจะมีไอเทมเช่นนี้อยู่บนโลก
ซูฮยอนยกยิ้มขึ้นมาแล้วหันไปมองฮักจุน
“ด้วยสร้อยเส้นนี้ การกำจัดพิษจึงไม่ใช่ปัญหา”
“จะ..จริงเหรอครับ”ฮักจุนตะโกนด้วยความประหลาดใจ
“ฮักจุนอยากไปเชื่อ มันกำลังโกหก”จองดงย็องเปล่งเสียงออกมาด้วยความลนลาน
เขาไม่เชื่อว่าซูฮยอนจะมีไอเทมลบร้างพิษจริงๆ ถึงจะมีไอเทมอย่างว่าจริงๆ แต่เขาก็เชื่อว่าสร้อยที่ซูฮยอนหยิบออกมามันไม่น่าลบร้างสกิลพิษของเขาได้
จองดงย็องตอนนี้คิดว่าซูฮยอนอาจกำลังโกหกเพื่อให้ฮักจุนมีความหวังก็ได้
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าหัวหน้ากิลด์เทพสงครามจะเชื่อคำพูดของฉันหรือป่าว แต่ก่อนหน้านี้ หัวหน้ากิลด์บอกว่าฉันทำลายกิลด์ที่แสนบริสุทธิ์สินะ”ซูฮยอนกล่าวคำพูดที่จองดงย็องที่เคยพูดไปเมื่อสักครู่
“แกบอกว่า ตัวเองบริสุทธิ์ แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น เพราะความรู้สึกของฉัน มันบอกว่า ฉันกำลังทำความดีอยู่ โดยการกำจัดกิลด์ดัมพ์ที่อยู่เบื้องหลังแกยังไงหล่ะ”
“แก!!!”
ใบหน้าของจองดงย็องเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของซูฮยอน
ตั้งแต่ฮักจุนเป็นสมาชิกกิลด์เทพสงคราม หัวหน้ากิลด์ที่แสนโหดร้ายของเขามักเป็นคนที่ใจเย็นเสมอ แต่ครั้งนี้ฮักจุนก็พึ่งเคยเห็นสีหน้าทำอะไรไม่ถูกของหัวหน้ากิลด์เป็นครั้งแรก
“ไม่ต้องตกใจ ฉันรู้เรื่องของพวกแกมานานแล้ว ฉันก็นอนคิดอยู่นานว่าควรฆ่าแมลงที่โสมมอย่างพวกแกยังไงดี”
“กะ…แกเป็นตัวอะไรกันแน่?”
จองดงย็องพยายามเคลียร์สมองให้โล่ง ดวงตาของเขาตกลงสู่ความวุ่นวาย เมื่อได้ยินชื่อของซูฮยอน เขาไม่ได้มีความกังวลหรือความกลัวเลยสักนิด เพราะเขาก็มั่นใจในฝีมือของตัวเองเหมือนกัน
ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าการหาจุดอ่อนของซูฮยอนคงเป็นเรื่องง่ายๆเหมือนกับฮักจุน แต่ทว่า…
“ไอ้หมอนี้ มันรู้เรื่องเกี่ยวกับกิลด์ดัมพ์ได้ยังไง?”
กิลด์ดัมพ์ คือกิลด์ที่หลบซ่อนอยู่ในวงการใต้ดิน ที่สำคัญกิลด์ดัมพ์ยังให้การสนับสนุนกิลด์เทพสงครามอย่างลับๆจากเบื้องหลัง ในอดีตจองดงย็องเคยคิดต่อกับกิลด์ดัมพ์เพื่อขอความร่วมมือในการสร้างกิลด์เทพสงคราม
ด้วยวิธีการฟอกเงินทำให้กิลด์เทพสงครามขนาดอิทธิพลได้อย่างรวดเร็ว
หน้าที่หลักๆของจองดงย็องคือการเก็บกวาดข่าวเสียๆหายๆที่กิลด์ดัมพ์ทำไว้ ซึ่งมันเป็นความลับที่เขาเก็บมันไว้อย่างมิดชิด แม้แต่ลูกน้องคนสนิทในกิลด์ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้ แต่ซูฮยอนกลับรู้ถึงความลับนั้นได้..
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร”
ทุบ
เมื่อซูฮยอนพูดจบ เขาก็เดินไปหาร่างกายของจองดงย็องที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม
“ในเมื่อแกเคยทำเรื่องร้ายๆไว้ ถึงเวลาที่แกต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอก”
“ไม่อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”จองดงย็องกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
ทันใดนั้น…ของเหลวสีเขียวก็แพร่กระจายออกมาจากตัวของจองดงย็อง ไม่นานรอบๆตัวซูฮยอนก็เต็มไปด้วยควันสีเขียว
ควันสีเขียวที่ลอยอยู่บนอากาศคือสกิลพิษที่จองดงย็องครอบครอง ซึ่งมันสามารถฆ่าคนธรรมดาได้ง่ายๆ
แต่ซูฮยอนก็ไม่กลัว เพราะทีเขาถือครองก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของพิษด้วยเช่นกัน
ซ่า ซ่า
เมื่อสารพิษลอยมาโดนเปลวเพลิงของซูฮยอน มันก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเมือกเหนียวสีเขียวๆ
ดูเหมือนพิษที่ภาคภูมิใจของจองดงย็องจะทำอันตรายต่อซูฮยอนไม่ได้
ซูฮยอนดึงดาบเล่มเล็กๆขึ้นมาจากเอว
“แม่งเอ้ย…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”จองดงย็องคิด
จองดงย็องรีบหันร่างกายหนีแล้ววิ่งไปอีกห้อง ที่กำแพงทะลุ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดหนีทางหน้าต่าง
เพล้ง
จองดงย็องกระโดดลงมาจากชั้นที่ 10 ทำให้ร่างกายของเขาโบยบินอยู่กลางอากาศ เขาพยายามหาที่ลงจอดดี เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของตัวเองบาดเจ็บมากไปกว่านี้
ถึงแม้เขาจะอยู่ในจุดสูงสุดของ แรงค์ A แต่ด้วยความสูงที่มากขนาดนี้ ถ้าหาที่ลงจอดไม่ดี ขาทั้ง 2 ข้างของเขามีสิทธิ์หักได้ง่ายๆ
“อยากไปสนใจขาที่หัก อย่างน้อยมันก็ยังหายเองได้ ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการเอาชีวิตในรอด แล้วจากนั่น…”
ในขณะที่จองดงย็องกำลังคิดอะไรเพลินเสียงของมัจจุราชก็ดังไล่หลังมาติดๆ
“สหายกำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
เมื่อจองดงย็องได้ยินเสียงปริศนาลอยตามลมออกมา สมองของเขาก็เป็นอัมพาต ความคิดที่ก่อนหน้านี้คิดเป็นฉากๆกลับถูกความกลัวเข้าแทรกแซง เขาพยายามสงบสติอารมณ์และหันไปมองด้านหลังจนเห็นใบหน้าของซูฮยอนที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
“ไม่ อย่าฆ่าฉัน”
“เสียใจด้วย แต่แกสมควรตาย”
ฉัวะ
ซูฮยอนเมินเฉยคำพูดของจองดงย็องและฟาดดาบไปที่ร่างกายของเขาอย่างจัง จนร่างกายแยกออกจากเป็น 2 ซีก
จากนั้นซูฮยอนก็สะบัดมือเบาๆก่อนที่จะร่างกายของเขาจะไปยืนอยู่หน้าระเบียงตึก เขาใช้สายตาที่สมเพชมองไปยังร่างของจองดงย็องแล้วพึมพำออกมา
“ถ้าแกอ้อนวอนกลัวความตาย แกก็สมควรคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นด้วยเช่นกัน แต่ให้เมื่อแกกระทำเรื่องราวโหดร้ายลงไป แกก็สมควรได้รับผลกรรมกลับไป”