การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 52
ตอนที่ 52
ปีกสีดำขนาดมหึมาสยายทะลุปุยเมฆออกมา แค่โบกสะบัดปีกเบาๆ แรงลมที่มหาศาลก็พัดลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง
แม้ลำตัวจะยังโผล่ออกมาไม่หมด แต่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ยืนมองอยู่ด้านล่างกลับสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังเวทย์ที่ปล่อยออกมา ซึ่งพวกเขาไม่เคยเจอพลังเวทย์ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน…
“มันเป็นบอสใช่ป่าว?”
“เอ่อ…ไม่รู้เหมือนกัน”
มอนสเตอร์ที่กำลังจะโผล่ออกมา มันมีสิทธิ์เป็นไปได้สูงที่จะเป็นบอสของดันเจี้ยนระดับสีเขียว เพราะตัวของมันมีระดับพลังเวทย์ที่มากกว่ามอนสเตอร์ระดับปกติ
“ครึ่งมังกร ครึ่งปีศาจ อิโกลัส งั้นเหรอ” ซูฮยอนบ่นพึมพำออกมา
ถึงจะเป็นมังกร แต่ในทางทฤษฎีมันไม่ใช่มังกรแท้จริง
เหตุผลที่มันถูกเรียกว่า ครึ่งมังกร ครึ่งปีศาจ มาจากกลิ่นอาย ‘ปีศาจ’ ที่ปล่อยออกมาจากตัวของมัน ซึ่งมันเป็นกลิ่นอายที่แสนชั่วร้ายและน่าขนลุก
“สมมุติว่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ เผลอคึกคะนองแล้วบินไปโจมตีที่อื่น..ไม่ใช่แค่อันยังเท่านั้นที่ตกอยู่ในความเสียหาย แม้แต่ โซล อันซัน และ ซูว็อน ก็คงมีชะตากรรมตามเมืองอันยัง”
ถ้าปล่อยในมันหลุดออกไป ไม่ว่าเมืองนั่นจะมีการป้องกันมาแค่ไหน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง..เมืองที่ถูกมันบุกรุกคงพังทลายลงในพริบตา….จุดสำคัญ ณ. เวลานี้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ S คนอื่นๆก็ติดภารกิจของตัวเอง จนหาโอกาสปลีกตัวไปช่วยไม่ได้..
“เจ้านั่น…เดี๋ยวผมดูเอง”ซูฮยอนกล่าว
“นายหมายถึง…ด้วยตัวคนเดียว?”คิมดูอุยถามด้วยความแปลกใจ
หลังจากสังเกตซูฮยอนมาได้สักพัก…ทำให้คิมดูอุยค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของซูฮยอน
ถึงแม้เจ้าตัวจะอยู่เหลือกว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ แต่ด้วยกำลังของเขาเพียงคนเดียว ก็ไม่น่าโค่นล้มอิโกลัสลงได้ ถึงแม้ตัวเขาจะมีศักยภาพถึง แรงค์ S ก็ตาม
คิมดูอุยคิดไม่ถึงจริงๆว่าซูฮยอนจะอาสากล้าตายเป็นแนวหน้าต่อกรกับอิโกลัสด้วยตัวคนเดียว?
“ใช่ครับ….ผมจะจัดการมันด้วยตัวคนเดียว ส่วนคุณก็สั่งการให้ลูกน้องของคุณ จัดการกับพวกมอนสเตร์ลูกกระจอกไปก็แล้วกัน”ซูฮยอนพูด
ซูฮยอนพิจารณาคิมดูอุย เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้
เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยคำสั่งของคิมดูอุยถือเป็นที่สุด
ฉะนั้นซูฮยอนจึงฝากฝังคำขอร้องให้คิมดุอุย เพื่อให้เขาสั่งการลูกน้องที่อยู่ในมือให้ทำตามคำสั่งอย่างมีแบบแผน
คิมดูอุยก็เปรียบเสมือนมือขวาของผู้อำนวยการ ดังนั้นซูฮยอนจึงเชื่อว่าเขาน่าจะจัดการกับเหตุสุดวิสัยได้ดีกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่
“ห้ามปล่อยให้มอนสเตอร์หลุดออกไปนอกเมืองแม้แต่ตัวเดียว คุณเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อใช่ไหม”ซูฮยอนถาม
“ฉันจะพยายาม”คิมดูอุยตอบ
“ไม่ใช่พยายามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องจริงจังกับมันด้วยเข้าใจใช่ไหมครับ?”
“ฉันเข้าใจ ฉันจะไม่ปล่อยให้มันหลุดไปแม้แต่ตัวเดียว”
หลังจากได้ยินคำพูดที่หนักแน่นออกมาจากปากของคิมดูอุย
ซูฮยอนก็พยักหน้าขอบคุณ แต่ในขณะที่เขากำลังเกินจากไป อยู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงคนผู้หนึ่งกำลังเดินมาหา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮันจุน
“จบจากเหตุการณ์นี้ พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ฮักจุนมองไปทางซูฮยอนด้วยสายตาโกรธจัด…จริงๆฮักจุนไม่ได้โกรธซูฮยอนเลยสักนิด
แต่ไม่ทราบว่าจิตใจของฮักจุนเป็นอะไร เพราะมันกำลังเสียใจจากเรื่องอะไรรู้? แม้แต่เจ้าตัวก็หาคำตอบไม่ได้…
ซูฮยอนรู้อยู่แล้ว ว่าฮักจุนจะสอบสนองแบบไหน….ทำให้เขาไม่ได้กังวลอะไรมาก.
“ไม่มีปัญหา…ไว้คุยกันวันหลัง”ซูฮยอนตอบ
แม้พวกเขาสองคนจะไม่มีโอกาสพบเจอกันบ่อยๆ แต่เขาทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันบ้างผ่านมือถือ
จนพวกเขาเริ่มมีความสนิทสนมเหมือนครอบครัวเดียวกัน…แน่นอนว่าที่พวกเขาคุยกันบ่อยๆเป็นเพราะซูฮยอนสนใจฮักจุน และ ฮักจุนเองก็สนใจซูฮยอนด้วยเช่นกัน
“เขาอยากคุยกับฉันงั้นเหรอ….แต่เพื่ออะไรกัน?”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมฮักจุนถึงยังติดต่อกับเขา…..ตลอดเวลาที่ผ่านมาซูฮยอนตามสืบเรื่องราวของฮักจุนอยู่ตลอดเวลา จนเขาทราบข่าวว่า เมื่อฮักจุนตัดสินใจเข้าสู้ กิลดฺเทพสงคราม เขาก็ตัดการติดต่อจากคนรอบข้างทั้งหมด ยกเว้นสมาชิกในกิลด์
ซูฮยอนก็อยากตรวจสอบในมากกว่านี้ ว่าเพราะเหตุใดกันทำไมฮักจุนถึงยังคุยกับเขาอยู่ แต่ซูฮยอนก็ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น เพราะเขาก็มีธุระของตัวเองในไปจัดการอยู่อีกมาก….
“เฮ้อช่างมันเถอะ ก่อนอื่นเลย”
ก๊าซซซซซ
เสียงคำรามที่ดังก้องไปถึงโสตประสาทถูกส่งมาจากฝากฟ้า
ในที่สุดร่างกายของมันก็เผยโฉมออกมาจากหมู่เมฆ ทั่วร่างของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเหมือนน้ำหมึกที่มืดสนิท ไม่ใช่แค่ผิวหนังเท่านั้นสีดำสนิท แม้แต่ดวงตาของมันยังมืดเหมือนหลุมดำก็ไม่ผิด
มันใช่ดวงตาที่มืดมิดกวาดมองมายังเบี้องล่าง…..ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นไปสบตากันมันแล้วบ่นพึมพำออกมา
“สงสัยฉันคงต้องสะกิดมันก่อนละมั่ง”
วุป
สกิลเปลวเพลิงสีครามเริ่มพันรอบตัวของซูฮยอนอีกครั้ง…..ต่อจากนี้ไปซูฮยอนไม่จำเป็นต้องสงวนพลังเวทย์อีกแล้ว…
[สกิลเพลิงพิโรธ]
[สกิลเพลิงพิโรธ : ฟีนิกซ์]
[สกิล : กายาทรหด]
[สกิลจำแลง : อิมูกิ]
ร่างกายของซูฮยอนตอนนี้เริ่มกลับมาพร้อมรบอีกครั้ง….นกฟีนิกซ์ 2 ตัวที่กำเนิดมาจากเปลวเพลิงพิโรธก็กระพือปีกพึบพับเพื่อเป็นสัญญาณว่าพร้อมเข้าสู้สมรภูมิ
“ลุยเลยแล้วกัน”
ปัง
ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดออกไป จนร่างกายของเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
โชคดีที่ซูฮยอนอยู่ในโหมดอิมูกิ เลยทำให้ร่างกายของเขาสามารถโบยบินไปกับแรงลมได้มากว่าการกระโดดทั่วไป…
ก๊าซซซซซ
ถึงแม้ซูฮยอนจะยกเลิกสกิลยั่วยุไปแล้ว แต่เจ้าอิโกลัสก็ตรึงสายตาไปที่ร่างกายผอมบางของซูฮยอน
ไม่แน่ที่อิโกลัสจ้องมองไปที่ร่างของซูฮยอน มันอาจสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งและหนาแน่นของซูฮยอนก็ได้ มันเลยหมายตาซูฮยอนเป็นพิเศษ
“แน่จริงก็เข้ามาสิ เจ้าจิ้งจกน้อยคอยรัก”ซูฮยอนตะโกน
ก๊าซซซซซ
เหมือนมันเข้าใจความหมายที่ซูฮยอนสื่อออกไป………มันอ้าปากแล้วพ่นลมหายใจสีดำมืดออกไปเพื่อโจมตี
“ฉันควรบุกตะลุยเข้าไปเลยหรือป้องกันก่อนดี?”หลังจากคิดไปได้สักพัก ซูฮยอนจึงตัดสินใจพุ่งหน้าชนแทน
วุป
ดาบแกรมในมือของซูฮยอนเริ่มกลืนกินเปลวเพลิง เมื่อได้ที่เขาก็เหวี่ยงมันไปด้านหน้า
ฉึก!!!!
รัศมีของดาบแกรมตัดผ่านลมหายใจของอิโกลัสจนขาดออกจากกัน…..
ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดออกมาอีกครั้งกลางอากาศและพุ่งผ่านมันไป
ซึ่งครั้งนี้….ซูฮยอนกระโดดกลางอากาศไม่ได้อีกแล้ว
ฟรึ่บ
เมื่อมีกระแสลมคอยอำนวยความสะดวก..ทำให้ร่างกายของซูฮยอนพุ่งเข้าหามันได้ด้วยความเร็ว…
ดาบแกรมในมือเหวี่ยงไปโจมตีปีกของอิโกลัสเต็มๆ
ฉัวะ
เคร่ง
ซูฮยอนจับดาบในมือแล้วกรีดลงบนผิวหนังของอิโกลัสสุดแรงเกิด จนอิโกลัสเริ่มดิ้นรนด้วยอาการขัดขืน
อิโกลัสกระพือปีกไปมาอย่างรวดเร็วจนเกิดแรงลมมหาศาลพัดพาร่างของซูฮยอนออกมาจากตัวของมัน
ซูฮยอนปลิวไปตามแรงเหวี่ยงก่อนที่เขาจะตกสู่พื้นเบื้องล่าง…
ตูม
เมื่อซูฮยอนตกถึงพื้น…หลังคาของห้างสรรพสินค้าที่หรูหรามีราคาก็แตกกระจายออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ
ซูฮยอนยืนขึ้นมาปัดฝุ่นออกจากตัวแล้วมองขึ้นไปหาอิโกลัสที่กำลังกรีดร้องอยู่
ก๊าซซซซซ
อิโกลัสกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแสบแก้วหู…โลหิตของมันไหลลงมาจากฟ้าสู่พื้นดินเหมือนสายฝน
“ดาบแกรมก็ยังดีเหมือนเดิม”
เมื่อดาบแกรมได้อาบพลังเวทย์ของซูฮยอน ความคมของมันก็วิวัฒนาการขึ้น แม้ดาบแกรมจะตัดปีกของอิโกลัสไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สร้างบาดแผลให้มันได้บาง
อิโกลัสมองไปทางซูฮยอนด้วยสายตาอาฆาต มันสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งเพื่อเตรียมพ่นลมหายใจสีดำ
ซูฮยอนจิตนาการว่า..ถ้าลมหายใจของมัน มาถึงพื้นเมื่อไหร่ ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้คงถูกหลอมละลายหายไปในชั่วพริบตา
“เฮ้อ…ห้างแห่งนี้คงได้เวลาบอกลาแล้วมั้ง”ซูฮยอนคิด
โชคดีที่มวลมหาประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอพยพกับไปหมดแล้ว…เลยให้ซูฮยอนไม่มีเรื่องอะไรมาค่อยมาพะวงหลัง
เขาหยิบดาบแกรมขึ้นมาแล้วเก็บมันลงฝัก…จากนั้นจึงเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วหยิบอาวุธจากที่เตรียมเอาไว้โดยเฉพาะวันนี้ขึ้นมา….
[หอกปราบมังกร – เนียร์]
อาวุธที่ซูฮยอนถืออยู่ มันสร้างเลียนแบบมาจาก หอกกุงเนียร์ ซึ่งเป็นหอกในตำนานโบราณ
ไอเทมชิ้นนี้หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ราคาของมันก็เอาเรื่องอยู่….ที่ราคาแพงเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าหอกเล่มนี้มีสรรพคุณแฝงอยู่นั้นก็คือ…มันจะสร้างความเสียหายต่อมอนสเตอร์ประเภทเลื้อยคลานมากกว่าอาวุธทั้งหมด
ซูฮยอนคิดว่าเจ้าหอกเล่มนี้ น่าจะสร้างความรำคาญให้กับ อิโกลัสได้บ้าง
“แต่น่าเสียดายจริงๆที่มันใช้ได้แค่ครั้งเดียว”
ซูฮยอนถือหอกด้วยมือข้างเดียว ก่อนที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วจับหอกในอยู่ในท่าขว้าง
ลมหายใจมังกรของอิโกลัสเริ่มจวนจะถึงซูฮยอน
ซูฮยอนสามารถมองเห็นร่างกายของอิโกลัสได้แค่นิดหน่อยเพราะลมหายใจของมันปิดปังร่างกายเอาไว้ทั้งหมด เขาหยิบหอกขึ้นมาแล้วเล็งไปทางอิโกลัส
“หนึ่ง สอง สาม”
ซูฮยอนนับเวลารอการโจมตีของมอนสเตอร์จนติดเป็นนิสัย และทันใดนั้นเอง
ตูม
หอกในมือของซูฮยอนถูกขว้างออกไปจนสามารถแยกลมหายใจมังกรออกจากกันเป็น 2 ส่วนได้
หลังจากหอกบินไปตามสายลมได้สักพัก มันก็แตกตัวออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับพันชิ้น…
วุป
เมื่อเปลวเพลิงสีครามลุกโชนขึ้นบนหอกที่แตกกระจาย
เศษหอกที่แตกออกก็ล็อกเป้าหมายไปที่ร่างของอิโกลัส และพุ่งเข้าจนโจมตีพร้อมกัน
ตูม ตูม ตูม
ก๊าซซซซซ
หลังจากอิโกลัสโดนหอกนับพันรุมโจมตี…มันก็ร้องเสียงหลงออกมาอย่างเจ็บปวด
ซูฮยอนเริ่มทนเสียงกรีดร้องของมันไม่ไหวจนถึงขั้นยกมือขึ้นมาปิดหูของตัวเอง เพราะเสียงของอิโกลัสทำให้แก้วหูของซูฮยอนเกือบฉีกขาด
ถึงแม้ราคาของหอกจะมีมูลค่ามหาศาล แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา กลับเกินจินตนาการของซูฮยอนไปไกลโข
“น่าเสียดายจริงๆที่มันใช้ได้แค่ครั้งเดียว”ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนใช้ได้แค่ครั้งเดียวก็จริง…แต่พลังทําลายล้างของมันก็รุนแรงสมกับราคาที่จ่ายไปจริงๆ
ถ้าเจอมอนสเตอร์ประเภทเลื้อยคลานอีกครั้ง ซื้อเก็บไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
ในที่สุดสกิลกระโดดของซูฮยอนก็คูลดาวน์เสร็จสักที ในระหว่างที่อิโกลัสกำลังตกอยู่ในความเจ็บปวด ร่างกายของซูฮยอนก็พุ่งตรงไปหามันอีกรอบ
ใช้เวลาไม่นาน ร่างกายของซูฮยอนก็ลอยละล่องเหนือหมู่เมฆ….
ขนาดซูฮยอนมาถึงใกล้ๆกับอิโกลัส มันก็สัมผัสถึงตัวของเขาไม่ได้ราวกับว่าซูฮยอนถูกกลืนกินหายไปกับสายลม
ฟรึ่บ
ซูฮยอนดีดร่างกายของตัวเองอีกครั้งกลางอากาศ ก่อนที่เขาจะไปยืนอยู่บนหลังของมันแล้วใช้ดาบแกรมทึ่มลงบนร่างอิโกลัสด้วยแรงทั้งหมด
ฉีก ฉีก
เคร่ง เคร่ง
เกล็ดของอิโกลัสทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อโดนโจมตีไปที่เดิมซ้ำๆ เกล็ดของมันก็เริ่มรอนออกไป ในที่สุดดาบของซูฮยอนก็สร้างบาดแผลให้มันจนได้
“ไอ้เจ้ามอนสเตอร์เฮงซวย รับการโจมตีของฉันเพิ่มไปซะ”
ฉัวะ ฉัวะ
อิโกลัสเริ่มดิ้นรนขันขืนต่อการโจมตีของซูฮยอน มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความพยศ
อิโกลัสสะบัดปีกไปมาเพื่อสลัดซูฮยอนให้กระเด็นออกไปจากร่างกายของมัน
ทั้งปีกและหางของอิโกลัสเฉียดจมูกของซูฮยอนไปอย่างหวุดหวิด ถ้าซูฮยอนประมาทไปแม้แต่วิเดียว ร่างกายของเขาคงแหลกสลายไปกับการโจมตีของอิโกลัสแน่ๆ
“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น”
ฉึก
ก๊าซซซซซ
ซูฮยอนทึมดาบแกรมลงไปในส่วนที่บอบบางมากที่สุด ก่อนที่จะดึงดาบออกมา โลหิตสีแดงสดทะลักออกมาราวเขื่อนแตก….เมื่ออิโกลัสขยับร่างกาย มันก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเวทนา….ซูฮยอนที่อยู่บนร่างของมันอดดีใจไม่ได้ที่เห็นมันทรมาน
“เยี่ยม..”
แต่ทันใดนั้น เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น โลหิตที่กำลังพวยพุ่งออกมา กลับรวมตัวกันราวมีชีวิต ก่อนที่มันจะกลายเป็นเข็มที่แหลมคม และล็อกเป้าหมายไปทางซูฮยอน
วุป
ฉ่า ฉ่า
ซูฮยอนเรียกกำแผงเปลวเพลิงออกมาเพื่อเป็นม่านกันบังของเข็มโลหิต
เมื่อเข็มโลหิตพุ่งโจมตีมันก็ถูกเปลวเพลิงของซูฮยอนเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าธุลี
“คุณรู้ไหม….ว่าผมตั้งหน้าตั้งตารอเจอคุณอยู่”
ซูฮยอนพูดออกไปพร้อมกับมองไปทางอิโกลัส บาดแผลที่โดนดาบแกรมฟันเข้าไปก็ยังคงมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดเหมือนเขื่อนที่รอวันซ่อม
วิ้ง วิ้ง
ในขณะนั้นเอง…..โลหิตที่กำลังไหลรินออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดการรวมตัวกัน ก่อนจะกลายร่างเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร
“เจ้าเป็นใคร?”
อิโกลัสถามออกไปด้วยความสงสัย….เขาหลบอยู่บนหมู่เมฆมาหลายชั่วโมงจนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ตอนแรกซูฮยอนยังต่อสู่อยู่กับ ‘ผู้ตื้นขึ้น’ คนอื่นๆอยู่เลย แล้วไหงถึงมาร่วมมือกันได้?
ที่สำคัญอิโกลัสยังสัมผัสได้ถึงสายตาของซูฮยอนที่มองผ่านหมู่เมฆมาเป็นระยะๆ เหมือนรู้ว่ามันแอบซ่อนตัวอยู่อยู่
ฉะนั้นในความคิดของอิโกลัสจึงเต็มไปด้วยความสงสัยและแคลงใจ
“คุณมีความสุขจริงๆเหรอ ที่ใช่ชีวิตแบบนั้น?”
“เจ้าหมายถึงอะไรกัน?”
“เจ้ากำลังบอกอะไรข้ากันแน่”อิโกลัสกล่าว
หลังจากลองไตร่ตรองคำพูดของซูฮยอน ใบหน้าของอิโกลัสก็บิวเบียวไปด้วยความเจ็บปวด
ดูเหมือนเขาจะเริ่มจำอะไรบ้างอย่างได้ขึ้นมา
“คุณจำไม่ได้จริงๆเหรอ ในอดีตคุณเคยพยายามปลิดชีพเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น..ร่างกายของคุณเกิดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมัน ตัวตนที่แท้จริงๆของคุณไม่ใช่ ครึ่งมังกรครึ่งปีศาจ แต่คุณคือมนุษย์”
มอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าของซูฮยอนคือ อิโกลัสก็จริง แต่จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกเพราะเขาคือ…
“อัศวินครึ่งมังกรครึ่งปีศาจ นาม ฟอลเคิน”
เขาคืออัศวินที่แสนห้าวหาญและมีความยุติธรรมอยู่เต็มอก ถึงขนาดยอมสังเวียนชีวิตของตัวเองเพื่อหยุดยั้งมอนสเตอร์อิโกลัส
ฟอลเคินตัดสินใจสละเลือดเนื้อของตัวเองเพื่อร่วมเป็นหนึ่งกับอิโกลัส เขาต่อกรกับมันในจิตใต้สำนึกมาเป็นเวลานาน ก่อนที่จิตใต้สำนึกของเขาจะถูกอิโกลัสกลืนกิน จนทำให้ความทรงจำของเขาเลือนหายไป
“ขะ..ข้า”
ดวงตาสีดำที่กระหายโลหิตเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว….
ซูฮยอนยกดาบแกรมขึ้นมาแล้วตั้งท่าโจมตีเหมือนเดิม
“ถ้าคุณจำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร”ซูฮยอนพูด
ซูฮยอนรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาคงจำอะไรไม่ได้..แม้แต่ชื่อของตัวเองก็ตาม
“แต่ผมจะทำให้ความทรงจำของคุณหวนคืนกลับมาเอง”