การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 38
ตอนที่ 38
กา กา
จิ๊บ จิ๊บ
ตกดึก….ภายในป่าที่แสนรกทึบ ก็เต็มไปด้วยเสียงนกเสียงไม้ที่ร้องประสานเสียงกันอย่างบาดหู
รอบๆตัวของซูฮยอนมีพันธุ์ไม้นานาชนิดเติบโตขึ้นเต็มไปหมด
ซูฮยอนลุกขึ้นจากที่ซ่อน และมองไปทางปราสาท ซึ่งประตูด้านหน้าของมันถูกทำลายไปแล้ว
‘ฟู่! ร่างกายเริ่มกลับเข้าทีล่ะ’
ซูฮยอนใช้พลังเวทย์ไปเยอะพอสมควร กว่าจะทำลายประตูสำเร็จ
หลังจากทำลายประตูสำเร็จ ซูฮยอนก็เลือกถอยหนีออกมาทันที
ถ้าซูฮยอนเดินเข้าไปแบบทะเล่อทะล่า เขาคงโดนทหารในป้อมปราการหรือปราสาทซุ่มยิงตายไปแล้วก็ได้
“อืม..เวลาเหมาะเจาะจริงๆ”
เมื่อถึงช่วงกลางคืน ท้องฟ้าก็หนาทึบไปด้วยหมู่เมฆ
แม้ซูฮยอนจะจุดกองไฟให้แสงสว่างแล้ว แต่รอบๆตัวเขาก็ยังมืดมิดอยู่ดี
ถึงไม่มีกองไฟ แต่ซูฮยอนก็ไม่เคยกลัวความมืดเลยสักนิด
เพราะในอดีต ซูฮยอนเคยอาศัยอยู่ในโลกที่มืดมิดมาก่อน แม้แต่แสงอาทิตย์ยังไม่มี
‘เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว’
แกร็บ
ซูฮยอนก้มลงไปหยิบกิ่งไม้แห่งๆขึ้นมา และหักแบ่งครึ่ง
‘ฉันจะไม่หันหลังกลับเด็ดขาด’
หลังจากซูฮยอนเตรียมความพร้อมเสร็จ เขาก็เดินไปทางปราสาททันที
ถ้าเป็นไปได้ ซูฮยอนอย่างเคลียร์ภารกิจให้ได้ภายในคืนนี้
*****************************
แม็กซ์แมน ผู้บัญชาการของทหารของแกรนดาลัม
เขายืนอยู่บนยอดสุดของปราสาทแล้วสอดส่องบริเวณรอบๆ
เขาก็เหมือนกับทหารยามปกติทั่วไป แม้ว่าจะเหนื่อยล้าสักแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่สามารถงีบหลับได้ เพราะต้องตั้งป้อมเฝ้าระวังศัตรูที่อาจบุกมาที่เผลอ
‘ศัตรูที่บุกมา มันต้องการอะไรกันแน่?’
แม็กซ์แมน นึกถึงคนแปลกหน้า ที่ทำลายประตูแตกเป็น 2 ส่วน
พวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับอาณาจักรอาร์ดัม แต่ไม่ได้เป็นศัตรูกับปุถุชนคนธรรมดา
แต่คนแปลกหน้าเมื่อกลางวัน กลับทำลายประตูของปราสาทของแกรนดาลัมลงได้
แม้แต่อาณาจักรอาร์ดัม ต่อให้ทุ่มกำลังทั้งหมด ก็ทำไม่สำเร็จ
‘คนๆนั้นมันเป็นใครกันแน่?”
ใครสมองของแม็กซ์แมนยังคิดถึงแต่เรื่องของซูฮยอนอย่างไม่หยุดหย่อน
แม็กซ์แมนคิดว่าภาพที่เห็นเมื่อกลางวัน เขาอาจจะตาฝาดไป
แต่พอมาตรวจสอบประตูเหล็กที่สร้างมาจากเหล็กชั้นดี กลับถูกดาบตัดขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันคิดความจริง ไม่ใช่ความฝัน
ถึงแม้ตัวปราสาทจะมีกำแพงที่สูงชันมากแค่ไหน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะประตูด้านหน้าหายไปแล้ว ศัตรูสามารถบุกเข้ามาภายในปราสาทของเขาได้ตลอดเวลา
การซ่อมแซมประตูปราสาท มันต้องใช้เวลาอีกหลายสิบวันกว่าจะสร้างมันขึ้นมาใหม่…
ถ้าอาณาจักรอาร์ดัมรุกรานพวกเขาตอนนี้ละก็……
‘ไม่ มันไม่ใช่แค่นั้น’
อาณาจักรอาร์ดัมไม่ใช่ปัญหาอย่างเดียวของพวกเขาอีกต่อไป
ถ้าเจ้าเด็กแสบเมื่อกลางวัน กลับมาบุกโจมตีอีกครั้งล่ะ จะเกิดไรขึ้น….
“แมร่งเอ้ย”แม็กซ์แมนสบถออกมา
แต่ตอนนั้นเอง…..
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ”
เสียงที่หมองหม่นก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของแม็กซ์แมน
แม็กซ์แมนค่อยๆหันหลังกลับไป และมองไปที่คนผู้นั้น
เขาคือแขกคนสำคัญของราชอาณาจักร
ใบหน้าทั้งหมดของเขา ถูกชุดคลุมสีดำปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด
แม้แต่ชื่อ แม็กซ์แมนก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากคำสั่งจากเบื้องบน ทำให้แม็กซ์แมนไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องปฏิบัติต่อเขาในฐานะเจ้านายเท่านั้น
“กระผมกังวลเรื่องเมื่อเช้านิดหน่อยขอรับ”
“ใช่เจ้าเด็กแสบเมื่อเช้าหรือป่าว”
“ใช่ขอรับ กระผมกังวลว่า เขาจะบุกมาอีกครั้ง”
แม็กซ์แมนถอนหายใจหลังจากได้พูดความกังวลออกมา
“คือว่า..กระผมว่าพวกเราควรถอยร่นไปก่อนดีไหมขอรับ เพราะว่าประตูด้านหน้าพังไปแล้ว จะดีกว่านี้ถ้าพวกเราเรียกทหารไปป้องกันป้อมถัดไป..”
“ไม่ ข้าจะไม่ทำแบบนั้น”
บุรุษชุดดำ ตัดบทพูดของแม็กซ์แมนอย่างหนักแน่น
“ข้ายอมให้ทุกคน ตายในที่แห่งนี้ มากกว่าที่จะทำแบบนั้น”
“อะไรนะขอรับ”
เขาได้ยินบุรุษชุดดำพูดผิดหรือป่าว?
ไม่ว่าผู้บังคับบัญชาคนนั้นจะหัวดื้อสักแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ทหารชั้นผู้น้อยไปเสี่ยงชีวีตกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม บุรุษชุดดำตรงหน้าของแม็กซ์แมนกลับพูดได้อย่างเต็มปาก ว่าอยากให้พวกเขาตายที่นี่
ในฐานะที่อยู่สนามรบมาหลายปี สถานการณ์ตอนนี้ของแม็กซ์แมนน่าปวดหัวมากที่สุด
บุรุษชุดดำไม่สนปฏิกิริยาของแม็กซ์แมนเลยสักนิด เขาตัดสินใจพูดต่อ
“เจ้ามีหน้าที่แค่ยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดก็พอ ข้าขอเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น”
“แค่หนึ่งเดือน…มันจะมีประโยชน์จริงๆหรือ”
“แน่นอนว่ามี…”
มันมีประโยชน์อะไรกันแน่? แม็กซ์แมนไม่เข้าใจคำพูดของบุรุษชุดดำเลยจริงๆ
หมายความว่าตลอดหนึ่งเดือนต่อจากนี้ พวกเขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนปกติเหมืนไม่มีอะไรเกินขึ้นสินะ
ถึงแม้แม็กซ์แมนจะมีคำถามมากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าถามออกไป
ก่อนที่บุรุษชุดดำจะเดินจากไป เขาได้ฝากคำสั่งที่เห็นแก่ตัวสุดๆให้แม็กซ์แมนรับทราบ
“จงยืนหยัดให้ได้ แม้ว่าจะเสียกองกำลังทหารทั้งหมดในปราสาทไป เข้าใจไหม”
“ขอรับ กระผมเข้าใจ”
แม็กซ์แมนตอบกลับไปอย่างอดกลั้น
นี่ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ไม่สมเหตุสมผลของสนามรบ
แม้ว่าคำสั่งมันจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ถ้าผู้มีอำนาจสั่งการมาล่ะก็ คุณก็ต้องทำตามอยู่ดี
เพราะฉะนั้นแม็กซ์แมนจึงไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายได้
ที่สำคัญ บุรุษชุดดำที่อยู่ตรงหน้า เขาได้รับป้ายคำสั่งมาจากราชอาณาจักรโดยตรง
ถ้าแม็กซ์แมนไม่เชื่อฟัง เขาจะถูกตีตราว่าเป็นคนทรยศทันที
‘จะเป็นไปได้ไหม ถ้าข้าฝ่าฝืนคำสั่ง?”
ถ้าแม็กซ์แมนเพิกเฉยต่อคำสั้งของบุรุษชุดดำ
แล้วสั่งให้ทหารล่าถอย เขาคงโดนทางราชการอาณาจักรตามล่าตัวจนกว่าจะเสียชีวีตแน่ๆ
แต่เขาคนเดียวคงไม่เป็นไร แล้วลูกน้องใต้คำบัญชาของเขาละ
พวกจะโดนประหารชีวิตด้วยหรือไม่….
ถ้าไม่…
“ศัตรูบุก!”
ทันใดนั้น เสียงร้องของทหารนายหนึ่งก็ตะโกนออกมา
แม็กซ์แมนค่อยๆเลื่อนสายตาไปด้านล่างของปราสาทอย่างช้าๆ
เด็กแสบเมื่อเช้า ดูเหมือนจะเเวะมาเยื่ยมเยือนพวกเราอีกครั้ง
“โห้ ตอนรับผมซะเอิกเกริกเลยนะ”
ซูฮยอนพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองทหารยามที่กำลังรวมตัวกัน
ดูเหมือนกองกำลังทหารของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงกลางวัน
ท่าทางของทหารทุกนายเริ่มเต็มไปด้วยความอิดโรยจากการอดหลับอดนอน
ฟิ้ว ฟิ้ว
ซูฮยอนสะบัดกิ่งไม้ในมือเบาๆ
กิ่งไม้ให้มือของเขา มันพร้อมหักได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นกิ่งไม้เล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก
‘ฉันควรถ่ายเท พลังเวทย์เข้าไปด้วย เพื่อทำให้มันแข็งแรงขึ้นอีก’
วุป วุป
ซูฮยอนค่อยๆถ่ายเท พลังเวทย์ลงไปในกิ่งไม้ที่เปราะบางอย่างช้าๆ
‘แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว’
‘เฮ้อ…แต่ก็น่าเสียใจจริงๆนะที่ห้ามฆ่าคนมั่วซั่วเนี้ย ถ้าใช้วิธีบู้ล้างผลานน่าจะจบไปนานแล้ว’
ซูฮยอนต้องค่อยมาพะวงกับพลังของตัวเอง ถ้าเขาควบคุมมันไม่ดี
เขาอาจพลั้งมือฆ่าทหารไปก็ได้….ภารกิจครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายุ่งยากจริงๆ
คันธนูของทหารจำนวนมากต่างเล็งมาที่ซูฮยอนเป็นทิศทางเดียว
ดูเหมือนทหารจะเตรียมความพร้อมกันเสร็จหมดแล้ว
ในเมื่อประตูถูกเปิดกว้าง ลูกธนูที่พุ่งมาก็ไร้ความหมาย เพราะพวกมันไม่มีทางหยุดซูฮยอนได้แน่
‘ลุยเลย ก็แล้วกัน’
ซูฮยอน สงบจิต สงบใจ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหว
ฟึบ
ร่างกายของเขาพุ่งตรงเข้าหาปราสาทอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นดังนั้น ทหารทุกนายที่ยื่นเรียงกันอยู่บนปราสาท จึงง้างคันธนูแล้วเล็งเป้าไปที่ร่างกายของซูฮยอน
“อะไรกัน? ความเร็วของมัน เกินมนุษย์มนาไปแล้ว”
“มันเร็วเกินไป ข้าเล็งมันไม่ได้”
“ทุกคนใจเย็นๆ ตัดใจป้องกันปราสาท อย่างให้มันเข้าไปได้”
“พวกเราหยุดยิงก่อน อย่างเสียลูกธนูโดยไม่จำเป็น พวกเราไม่มีทางยิงโดนเขาแน่”
ทหารหลายนายตะโกนลั่นบอกพวกพร้องของตัวเอง
ให้ฐานะที่แม็กซ์แมนคือผู้บัญชาการ เมื่อเห็นว่าสติของทหารเริ่มแตกกระเจิง
เขาจึงตัดสินใจใช้พลังเวทย์ลงไปให้น้ำเสียงของเขาแล้วตะโกนออกมา
“ลืมเรื่องลูกธนูซะ สร้างกำแพงมนุษย์ อย่างปล่อยให้มันเข้าปราสาทได้”
หลังจากผ่านการรบมาแล้วหลายสมรภูมิ ทำให้ทหารทุกนายต่างไว้ว่างใจแม็กซ์แมนดุจเทพเจ้า
เมื่อคำสั่งของแม็กซ์แมนกระจ่ายไปทั่ว ทหารทุกนายก็เริ่มเคลื่อนไหว
‘หืม..คนนั้นคือผู้บัญชาการสินะ”
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่าแมกซ์แมนคือผู้บัญชาการ เพราะเขาเป็นคนที่ดูมีสง่าราศีมากที่สุดในหมู่ทหาร
‘ฉันจะจับตาดูเขาไว้’
แต่ก่อนอื่น…
ด้านหน้าของซูฮยอนตอนนี้ เริ่มมีทหารหลายร้อยนายปรากฏตัวออกมา
พวกเขายืนเรียงรายกันเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อปกปิดเส้นทางของปราสาท
พวกเขาต่างถืออาวุธดาบและหอกเอาไว้ในมือคนละเล่ม แล้วมองซูฮยอนเป็นตาเดียว
‘อืม..นี่คือศัตรูที่ฉันต้องปราบมันให้ได้สินะ’ ซูฮยอนคิด
“ฆ่ามัน”
“เกาะกลุ่มกันไว้ อย่างให้มันเข้าปราสาทได้”
ทหารหลายสิบนายเริ่มจัดขบวนแล้ววิ่งพุ่งตรงไปหาซูฮยอน
มีทหารหลายนายเห็นถึงความสามารถของซูฮยอนจากเมื่อกลางวัน
แต่พวกเขาก็ไม่มีความกลัวเลยสักนิด….ทหารทุกนายต่างพากันวิ่งกูรไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งหอกทั้งดาบ ต่างเล็งไปที่ซูฮยอน เพื่อหวังปลิดชีพให้ได้
มันน่าน้อยใจจริงๆที่ซูฮยอนไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้
‘เฮ้อน่ารำคาญเป็นบ้า’
ฉัวะ
ทิ่ม
กิ่งไม้ในมือของซูฮยอนได้ฟาดเข้าไปกลางหลังคอของทหารอย่างจัง
จนร่างกายของทหารล้มลงอย่างระเนระนาด
โชคดีที่ชุดเกราะของพวกเขาป้องกันได้ถึงส่วนของลำคอ เลยทำให้กระดูกแถวๆลำคอไม่หักง่ายๆ
“ถึงแม้จำนวนมันจะเยอะก็จริง แต่ก็จัดการได้ง่ายๆเลยเฮะ”
ฟาด ฟาด ฟาด ฟาด
กิ่งไม้ให้มือของซูฮยอนราวกับมันมีชีวิต มันฟาดเข้ากลางหลังคอของทหารอย่างแม่นยำ
มีเพียง 4 ข้อเท่านั้นที่ซูฮยอนต้องรักษาไว้ให้ดี
ข้อ 1. ควบคุณความแข็งแกร่ง
ข้อ 2. ความแม่นยำ
ข้อ 3. การหลบหลีก
ข้อ 4. ความอดทน
ถ้าซูฮยอนสามารถทำตามทั้ง 4 ข้อได้อย่างสม่ำเสมอ
เขาจะสมารถผ่านการโจมตีครั้งนี้ไปอย่างง่ายดาย
“ถ้าฉันยังคงสู้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันอาจใช้เวลานานถึง 4 วัน”
หลบ!
กระชวก
ทันใดนั้น…มีดบินหลายร้อยเล่ม ก็บินตัดอากาศมาด้วยความเร็วที่สายตามองไม่ทัน
คมมีดทุกเล่มต่างพุ่งตรงไปหาร่างกายของซูฮยอนอย่างพร้อมเพรียง
โชคดีที่ซูฮยอนใช้เวทย์มนตร์มาป้องกันร่างกายของตัวเองได้ทัน ไม่งั้นมีหวังโดนมีดบินปักตามตัวแน่ๆ
ถ้าร่างกายของเขาเกิดรอยแผลอีก เขาคงไม่มีทางเลือกอีก นอกจากต้องถอยหนีไปก่อน
“เฮ้อ เกือบไปเฝ้าพญายมราชซะแล้ว นี้ฉันมั่นหน้าเกินไปหรือป่าว”
ซูฮยอนหลบอยู่หลังของทหารที่หมดสติ และสังเกตทหารที่ยืนเรียงกันอยู่บนปราสาท
ดูเหมือนนายทหารด้านบนกำลังจัดแถวเพื่อหลังใช้พลังเวทย์เข้าโจมตี
ซึ่งมันเป็นเรื่องปัญหาที่ซูฮยอนกลัวมากที่สุด
เพราะเขาไม่ทราบว่า ในหมู่ของทหาร มีใครบางที่มีฝีมือด้วยเวทมนตร์
‘ฉันจะจัดการพวกเขาได้หมดเลยหรือป่าวนะ…ถ้าไม่’
ซูฮยอนยืนอยู่กับที่ แล้วพินิจสถานการณ์โดยรอบอย่างเงียบๆ
“ทหารเวทมนต์ ยิงได้”
“ใบมีดสายลม”
“ศิลาไฟ”
“ศรน้ำแข็ง….”
ฟิ้ว ฟิ้ว
เวทมนตร์หลากหลายชนิดต่างพุ่งตรงไปหาซูฮยอนอย่างเต็มที
ฝุ่นควันหนาเตอะลอยละล่องขึ้นจากจุดที่ซูฮยอนยืนอยู่
“สำเร็จ”
“เป็นไงล่ะ โดนมือเวทย์ของพวกข้าหน่อย สมน้ำหน้า”
ทหารเวทมนตร์มนตร์เริ่มส่งเสียงเชียร์แห่งชัยชนะออกมา
แต่ทันใดนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็ตื่นตระหนกขึ้น
เพราะซูฮยอนเดินออกมาจากฝุ่นควันอย่างหน้าตาเฉย
ร่ายกายของเขายังคงอยู่ครบ 32 แม้แต่บาดแผลเล็กๆยังไม่มี
“ดะ…ได้ไงกัน”
“ทำไมเขาถึงไม่อะไรเลยล่ะ”
“ไอ้หนุ่มคนนั้น มันสักยันต์จากอาจารย์สำนักไหนมา แม้แต่เศษฝุ่นยังไม่มี ให้ตายเถอะคนหรือแมลงสาบวะเนี้ย”
แม้พวกทหารจะส่งเสียงร้อยตกใจออกมามากแค่ไหน แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปรง
และอีกครั้ง….ที่การโจมตีด้านเวทมนตร์ ถูกยิงไปที่ทิศทางของซูฮยอน
ทั้งดาบทั้งหอก บินกันให้ควั่กอย่างไม่รู้จบ
[‘กายาทรหด’ ถูกเปิดใช้งาน]
[เพิ่มสถานะต้านทานเวทมนตร์และกายภาพ ยิ่งเปิดใช้งานนานเท่าไหร่ มานาก็ยิ่งลดตามไปด้วย]
สกิลที่ซูฮยอนใช้อยู่ เขาได้มันมาจากการเคลียร์ชั้นที่ 17
ซูฮยอนคิดว่าถ้าใช้สกิล ‘กายาทรหด’ จะทำให้เรื่องราวต่างๆง่ายขึ้น
แต่เขาก็ไม่ได้ใช่มันออกมาบ่อยนัก เพราะมันสิ้นเปลืองมานามากเกินไป
อีกเหตุผลที่เขาไม่ค่อยใช้ เพราะว่าซูฮยอนไม่เคยเจอกลับสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้มาก่อน
เวทนมต์ที่ทหารปล่อยออกมา มันสร้างความรำคาญให้กับเขาจริงๆ
‘สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช้ความตายของพวกเขา แต่เป็นการทำลายปราสาท’
ทำลายปราสาท……
มันมีปริศนาหลายอย่างในบททดสอบ
ข้อ 1. จะทำลายปราสาทไปทำไม ในเมื่อทหารทุกนายไม่ใช่ศัตรูของเขา
ข้อ 2. ซูฮยอนไม่เขาใจจริงๆว่าทำไมถึงห้ามฆ่า เพราะปกติหอคอยแห่งการทดสอบไม่สนใจสิ่งมีชีวีตเลยสักนิด
หรือว่า…..
‘เหมือนจะได้กลิ่น ทะแม่ง ทะแม่งเลยเฮะ’
เพียว เพียว
ตูม
ขณะที่ซูฮยอนกำลังใช้ความคิดอยู่ ระลอกการโจมตีเวทมนต์ชุดใหม่ก็ปล่อยออกมา
จนรอบๆตัวของซูฮยอนเต็มไปด้วยควันสีขาวที่หมาเตอะ
‘หืม….เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมฉันรู้สึกว่ามีสายตาที่อาฆาตแค้นกำลังจ้องมองอยู่เลย’
สายตาของซูฮยอนค่อยๆมองทะลุผ่านควันสีขาว ก่อนที่จะไล่ขึ้นไปบนปราสาทอย่างช้าๆ
ซูฮยอนตัดสินใจปล่อยพลังเวทย์ของตัวเองออกไป เพื่อค้นหาสายตาที่อาฆาตคู่นั้น และไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอะไรบางอย่างทีปล่อยออกมา
เขาเห็นร่างกายของบุรุษชุดดำ ยืนอยู่ด้านหลังของทหารจากที่ไกลๆ
ไม่สิ….มันไม่ใช้มนุษย์ แต่มันเป็นลิชชี่