การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 30
ตอนที่ 30
“โปรดรอสักครู่นะครับ”
พนักงานชายโค้งคํานับให้ซูฮยอนหนึ่งครั้ง ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไปหลังล็อบบี้
เมื่อพนักงานชายหายลับไปจากสายตาของซูฮยอน เขาก็ยืนบิดขึ้เกียจแล้วยืนรออยู่ที่เดิม
ใช้เวลาไม่นาน พนักงานชายคนนั้นก็ นำคนที่มีภูมิฐานออกมา
ดูท่าท่างเขาจะเป็นคนทีมีอำนาจพอสมควร เพราะสูทที่เขาสวมใส่อยู่ ดูมีสง่าราศี
“สวัสดี กระผมชื่อ ลีคยองช็อง เป็นผู้รับผิดชอบหินอีเธอร์ของที่นี่”
ดูจากภายนอกเหมือนอายุของเขาจะประมาณ 30 ปี แต่รูปร่างของเขายังหนุ่มยังแน่น
แถมหน้าตาของเขายังหล่อเหลาอีกต่างหาก
ถ้าเข้าวงการบันเทิง ซูฮยอนรับลองเลยว่า สาวๆติดเขาตรึมแน่ๆ
ลีคยองช็องยืนมือออกจับมือกับซูฮยอน พร้อมส่งนามบัตรแนะนำตัวตัวเองให้เขา
ในนามบัตรระบุว่า เขาคือผู้จัดการของที่นี่ หน้าที่หลักๆของเขาคือ ดูแลการซื้อขายหินอีเธอร์
ไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่ 30 ปี จะประสบความสำเร็จเร็วขนาดนี้
“กระผมขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณต้องรอนาน ไปนั่งคุยกันที่ห้องรับรองเถอะครับ พวกเราจะได้คุยธุระกันง่ายหน่อย”
“ได้ครับ”
ซูฮยอนเดินตามหลังลีคยองช็องไป จนในที่สุดเขาก็มาถึงห้องรับรอง
หน้าห้องรับรองมีชื่อที่แกะสลักด้วยไม้แขวนไว้อยู่
มันมีชื่อว่า ‘ห้องลูกค้าระดับพรีเมียม’ ซึ่งตัวอักษรของมันถูกแกะสลักอย่างปราณีต
<<หืม…ต้อนรับดีกว่าที่คิดอีกนะ>>
เหตุผลที่ซูฮยอนถูกต้อนรับดีขนาดนี้ เป็นเพราะว่า หินอีเธอร์ ที่ถูกนำออกมาจากดันเจี้ยนมีแค่เพียงหยิบมือเท่านั้น
แต่ในอดีตที่ซูฮยอนมีชีวิตอยู่
หินอีเธอร์มันไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนี้
เนื่องจากดันเจี้ยนโผล่ขึ้นมาบนพื้นโลกเต็มไปหมด
ทำให้หินอีเธอร์เริ่มมีมากขึ้น จนในที่สุดราคาก็มันก็เริ่มดิ่งลง
ถึงแม้ราคามันจะต่ำลงมากแค่ไหน
แต่มันก็มีค่ามากกว่าทองอยู่ดี
หลังจากที่ซูฮยอนและลีคยองช็องเขามานั้งในห้องเป็นที่เรียบร้อย
ลีคยองช็องก็เรียกพนักงานหญิงให้มาเสิร์ฟกาแฟสองแก้ว พร้อมขนมกินเล่น
เมื่อเสิร์ฟเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องไป
ลีคยองช็องเมื่อเห็นว่าทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบแล้ว เขาจึงเปิดปากพูด
“ผมได้ยินมาว่า คุณมาขายหินอีเธอร์ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“คุณได้มันมาจากการเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยตัวคนเดียวหรือป่าว”
“ไม่ครับ ผมอยู่แค่แรงค์ C เท่านั้น ผมไปคนเดียวคงไม่ไหว”
ลีคยองช็องพยักหน้าตอบ หลังจากได้ยินคำตอบของซูฮยอน
ที่เขาถามซูฮยอนแบบนั้น เพราะเขาอย่างรู้ว่าซูฮยอนได้รับหินอีเธอร์มาจากดันเจี้อนได้ยังไง.
เมื่อซูฮยอนนั่งอยู่ตรงข้ามของลีคยองช็อง
เขาก็แอบประเมินสามารถของลีคยองช็องไปด้วย
ไม่นานซูฮยอนก็รู้ได้ทันที่ว่า อย่างน้อยๆลีคยองช็อง ก็สมควรเป็น ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ D
ถึงแม้ลีคยองช็องจะอยู่ แรงค์ D แต่แทนที่เขาใช้พลังของตัวเองให้เกิดประโขชน์ เขากลับไม่ทำ
ลีคยองช็องกลับเลือกเส้นทางเป็นผู้จัดการแทน
ซึ่งซูฮยอนคิดว่าเขาอาจเลือกถูกต้องก็ได้ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องอันตราย
แค่รับซื้อหินอีเธอร์จากผู้ตื่นขึ้นคนและขายออกไป แค่นี้เขาก็มีเงินใช้มหาศาลแล้ว
“ผมขอดูหินอีเธอร์ของคุณหน่อยได้ไหม?”ลีคยองช็องถามเข้าเรื่องทันที
ดูเหมือนลีคยองช็องไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป
ซูฮยอนหยิบหินอีเธอร์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าขึ้นมา
“นี่ครับ”
หลังจากที่ลีคยองช็องเห็นหินอีเธอร์
นัตน์ตาของเขาก็พ่องโต
ยิ่งดันเจี้ยนที่มีระดับสูงๆ แร่หินอีเธอร์ที่เก็บได้ ก็จะมีมูลค่าสูงตามไปด้วย
“ขนาดของมัน ใหญ่ใช่ได้เลยนะครับ”
เนื่องจากขนาดของพวกมันใกล้เคียงกัน
ลีคยองช็องจึงตัดสินใจหยิบพวกมันขึ้นมาตรวจสอบดูทันที
ลีคยองช็องต้องประเมินมันให้ดีว่ามันใช้ของจริงหรือไม่
เพราะยิ่งขนาดหินอีเธอร์ใหญ่แค่ไหน ราคาก็ยิ่งแพงขึ้นด้วยเช่นกัน
ดันเจี้ยนสีแดง ส่วนใหญ่จะพบหินอีเธอร์ที่มีขนาดเท่ากับ เม็ดขาว
ส่วนดันเจี้ยนสีส้ม จะมีขนาดเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
แต่ถ้าคุณโชคดี คุณอาจพบหินอีเธอร์ที่มีขนาดเท่ากับหินอ่อนก็ได้
“คุณเพิ่งเคลียร์ดันเจี้ยนระดับสีเหลืองมาใช่ไหม?”ลีคยองช็องถามอย่างส่งสัย
ซูฮยอนพยักหน้าตอบกลับ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ซูฮยอนต้องโกหกเขา
เมื่อลีคยองช็องเห็นซูฮยอนพยักหน้ายืนยัน สีหน้าของเขาก็ดูเปล่งปลั่งขึ้น
<<อย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด>>
เป็นเรื่องที่ยากมากๆที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับสีเหลือง เพราะมันต้องใช้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ B มากถึง 10 คน
แต่ถึงจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้ มันก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้หินอีเธอร์ 100 เปอร์เซ็น
เพราะมีบางกรณีเหมือนกัน ที่ในดันเจี้ยนไม่มีหินอีเธอร์เลยสักชิ้น
ในเมื่อมีหินอีเธอร์คุณภาพดีๆมากองอยู่ตรงหน้า ทำไม ลีคยองช็อง จะไม่รับซื้อมันล่ะ
แต่ปัญหาคือ…ทำไม ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ C ถึงมีหินอีเธอร์ไซซ์ใหญ่ขนาดนี้ได้
ลีคยองช็องเริ่มเกิดความส่งสัยขึ้นมาในใจ
หลังจากเงียบอยู่นาน เขาจึงตัดสินใจถามซูฮยอนกลับไป
“หินอีเธอร์ก้อนนี้ คุณมั่นใจไหม ว่าคุณได้มันมาอย่างถูกต้อง?”
“ใช่ ผมมั่นใจ”
ถึงแม้ซูฮยอนจะยืนยันแล้วก็ตาม แต่ลีคยองช็องก็ยังคงแคลงใจอยู่ดี
เพราะเขาไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่า คำที่ซูฮยอนพูดคือเรื่องจริง
ดูเหมือนลีคยองช็องจะไม่ค่อยเชื่อคำตอบของซูฮยอนมากนัก
เมื่อความเงียบเริ่มปกคลุม ซูฮยอนจึงตัดสินใจลุกจากที่นั่ง
“ผมจะไปขายร้านอื่น”
ซูฮยอนขี้เกี้ยจเสียเวลากับที่นี้อีกแล้ว
มันยังมีร้านค้าอีกมากมายที่รับซื้อหินอีเธอร์
เขายืนมือออกไปหาลีคยองช็องเพื่อทวงหินอีเธอร์คืน
“อ่าเดียวก่อน ใจเย็นๆ ฉันจะซื้อมันเอง”
ลีคยองช็องกำหินในมือไว้อย่างแน่นหนา ราวกับว่าเขากลัวจะเสียหินอีเธอร์ก้อนนี้ไป
“เธอจะขายให้ฉันกี่วอนล่ะ”
ลีคยองช็องเริ่มพูดคุยราคากับซูฮยอน
เมื่อหินเธอร์ไม่สามารถประเมินราคาได้ ผู้นำมาขายจะต้องตั้งราคาเอง….
“ผมเองก็ไม่เคยตั้งราคามันมาก่อนเลยด้วยสิ คุณตั้งราคาให้ผมหน่อยแล้วกัน”
ซูฮยอนใช้ความเร็วที่ตามองไม่ทัน ไปหยิบหินอีเธอร์ที่ลีคยองช็องถือไว้
เมื่อลีคยองช็องรู้สึกว่า หินอีเธอร์ในมือของเขาหายไป เขาก็หันไปมองซูฮยอนด้วยสายตาเบิกกว้าง
<<เร็วมาก ตั้งแต่เมื่อไรกัน?>>
กระดูกสันหลังของลีคยองช็องสั่นไปด้วยความหวาดกลัว
ซูฮยอนหยิบหินอีเธอร์ที่เหลือในกระเป๋าขึ้นมา กองไว้บนโต๊ะแล้วพูด..
“นี่คือจำนวนหินอีเธอร์ที่ผมมี คุณสามารถประเมินราคาได้เลย”
“แต่ผมบอกไว้ก่อน ผมจะยอมรับ แค่ครั้งเดี่ยวเท่านั้น ถ้าราคามันต่ำกว่าที่ผมคิดไว้ ผมจะไปขายร้านอื่น”
ในสมองของ ลีคยองช็อง ตอนนี้เริ่มคิดว่าควรรับซื้อมันกี่วอนดี ถึงจำทำให้ซูฮยอนพอใจ….
* * *
-เงินฝาก 640,000,000.
-ยอดคงเหลือ 640,012,200.
เมื่อเจรจาราคากันเรียบร้อย พนักงานของลีคยองช็องก็วิ่งไปที่ธนาคารที่ใกล้ที่สุด เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีของซูฮยอน
ใช้เวลาไม่นานยอดเงินก็แจ้งเตือนผ่านมือถือของเขา
ใครจะไปคิดแค่ขายหินไม่กี่ก้อนจะทำให้เขารวยอู้ฟู่ขนาดนี้
ซูฮยอนพยักหน้าอย่างพอใจแล้ว เก็บกระเป๋าขึ้นมา
“ขอบคุณครับ ผมได้เงินแล้ว”
“ฉันก็ต้องขอบคุณเธอเหมือนกัน”
ทั้ง ลีคยองช็อง และ ซูฮยอน ต่างยื่นมือไปจับซึ่งกันและกัน
เงิน 640 ล้านวอน มันเป็นจำนวนเงินที่ ลีคยองช็อง เสนอให้ซูฮยอน
ด้วยการที่ ลีคยองช็อง ซื้อหินอีเธอร์หลายๆก้อนในครั้งเดียว
ถ้าลีคยองช็อง ขายมันออกไปได้ เขาคงได้เงินค่านายหน้าอีกหลายบาทเลยทีเดี่ยว
แต่กลับกัน เมื่อซูฮยอนเห็นจำนวนเงินในบัญชี เขากลับสงบนิ่ง
<< 640 ล้าน..>>
ถึงแม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่เยอะ
แต่ถ้าไปเทียบกับในอดีตของซูฮยอน
เขามีเงินมากกว่านี้หลายเท่านัก
ที่สำคัญ ในอนาคตต่อให้คุณมีเงินเยอะแค่ไหม มันก็ไม่มีประโยชน์
เพราะมันเปรียบเสมือนกระดาษเช็ดก้นเท่านั้น
“ถ้าในอนาคตคุณอยากขายหินอีเธอร์อีก ติดต่อผ่านทางผมได้เลยนะครับ”
“ได้ครับ หวังว่าครั้งต่อไปผมจะเหมือนแบบนี้นะครับ”
ลีคยองช็องหัวเราะพร้อมกับเหงื่อที่เริ่มก่อตัวขึ้น
<<เด็กคนนี้หัวหมอจริงๆ>>
การเจรจาเมื่อครู่ ทำให้ลีคยองช็อง ต้องประเมินราคาของมันออกมาให้ดีๆ
เพราะซูฮยอนให้โอกาสเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้ามันออกมาไม่ถูกใจซูฮยอน เขาคงหนีไปร้านอื่นโดนไม่ลังเล
<<เป็นเด็กรับมือยากจริงๆ>>
<<เด็กคนนี้คงไม่ใช่ แรงค์ C ธรรมดาแน่ๆ>>
เมื่อดูจากภายนอกดูเหมือนซูฮยอนจะเป็นคนอัธยาใสดี ดูไม่มีพิษภัยอะไร
แต่ลีคยองช็องเชื่อว่า ซูฮยอนต้องซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้แน่ๆ
เพราะออร่าที่ซูฮยอนปล่อยออกมามันคล้ายๆกับ
‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ S นามว่า ยูจินซอง ในอดีต
เอาคือ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
ลีคยองซ็องรู้สึกว่า ทั้ง ซูฮยอน และ ยูจินซอง มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน
แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเหมือนกันยังไง เพราะ ซูฮยอนอยู่แค่ แรงค์ C เท่านั้น
* * *
<<ถ้าฉันยังสามารถหาหินฮีเธอร์ฮีเธอร์ได้อีก ในอนาคตฉันก็ไม่ต้องกังวนเรื่องเงินอีกต่อไป>>
ซูฮยอนเดินไปที่สถานีกังนัม แล้วไปหาตู้ ATM เพื่อตรวจสอบว่ายอดเงินมันเข้าจริงไหม
ถ้าแม่ของเขามาเห็นเงินฝากของซูฮยอนตอนนี้ เธอจะมีอาการยังไงกันนะ?
เมื่อซูฮยอนตรวจสอบเรื่องต่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว
เขาจึงหยิบหินฮีเธอร์ ที่เขาเหลือไว้อีกก้อนขึ้นมา
[หินฮีเธอร์เกรดสูงสุด]
ถ้าเขาเผลอขายหินก้อนนี้ไป เขาคงได้เป็นบ้าแน่ๆ
หินอีเธอร์ก้อนนี้
คุณภาพของมันแตกต่างกับของที่ซูฮยอนขายให้กับลีคยองช็องลิบลับ
เพราะเกรดที่ซูฮยอนถืออยู่มันดีกว่าหลายเท่า
จะมีอย่างเดียวที่เหมือนกัน นั้นก็คือ ชื่อของมัน
มี 2 เหตุผล ที่จำให้ซูฮยอนต้องทุ่มกำลังทั้งหมดให้การเคลียร์ดันเจี้ยนกับลีจุนโฮ
เหตุผลที่ 1. เขาไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายเกินขึ้นที่กวางจู
เหตุผลที่ 2. เขาอยากได้หินอีเธอร์ที่อยู่ตามดันเจี้ยน
ในอนาตคหินอีเธอร์เกรดสูงสุด ราคาของมันไม่เคยตกเลยสักนิด มันมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
เพราะหินอีเธอร์เกรดสูงสุด ยังคงเป็นที่นิยมในการสร้างอาวุธที่มีอนุภาพร้ายแรง
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีข่าวลืออีกว่า มี มหาเศรษฐีคนหนึ่ง ทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อกว้านซื้อหินอีเธอร์เกรดสูงสุด
เพราะเขาเชื่อว่า หินอีเธอร์เกรด สูงสุด สามารถทำให้เขาเยาว์วัยลงได้
เพราะฉะนั้น หินอีเธอร์เกรดสูงสุดจึงเป็นไอเทม ที่ผู้คนต่างใฝ่หา
<<ไม่ใช่แค่นั้น ไอเทมอะไรก็แล้วแต่ที่สร้างมาจากหินอีเธอร์เกรดสูงสุด ต่อให้มันไม่สมบูรณ์ มันก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ดี>>
ความจริง ผู้อัญเชิญที่ซูฮยอนประลองด้วยมันก็เป็นเพียงแค่เศษกระดูก
ต่อให้มันมีหินแห่งชีวิตของลิชชี่ แต่ถ้ามันขาดหินอีเธอร์เกรดสูงสุดไปละก็ มันไม่มีทางขยับร่างกายของมันได้แน่ๆ
เพราะในหินอีเธอร์เกรดสูงสุด มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเวทย์ที่มหาศาล
ซูฮยอนรู้อยู่แกใจ ว่าเจ้าหินอีเธอร์เกรดสูงสุดมันมีคุณค่ามากแค่ไหน
เพราะในอดีต ซูฮยอนก็เคยใช้อาวุธที่สร้างมาจากมันด้วยเช่นกัน
อาวุธที่ว่าคือ ดาบบัลมุงก์
มันคือไอเทม ที่ตั้งชื่อตามดาบศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานของชาวเยอรมัน
ซึ่งฤทธิ์เดชของมันสามารถฟาดฟันและสังหารมังกรได้อย่างง่ายดาย
ดาบบัลมุงก์ที่ซูฮยอนเคยใช้ในอดีต มันถูกตีขึ้นมาจากหินอีเธอร์เกรดสูงสุด