การกลับมาของฮีโร่
ตอนที่ 109
โฮกกกกก
อูโรโบรอสเปล่งเสียงคํารามดังสนั่นจนทําให้แก้วหูซูฮยอนสั่น สะเทือนเขายกมือกุมหู 2 ข้างพลางหันไปพูดกับมิรุที่เกาะอยู่บนหัว
“มิรุเข้าไปหลบอยู่ในมิติย่อยก่อน”
สิ้นเสียงซูฮยอน มิรุสยายปีกออกแล้วถลาเข้ามิติย่อยหน้าตั้งราวกับว่ามันรอคําสั่งนั้นมานานแล้ว ดูท่าทางมิรุจะกลัวอูโรโบรอสอยู่ไม่ใช่น้อย
แม้มิรุจะตัวโตขึ้น แต่เขาก็ยังอยู่ในช่วงวัยเด็กอยู่ดี”ซูฮยอนคิด
อายุของมิรุยังไม่ถึงขวบครึ่ง ถ้าเปรียบเป็นมนุษย์ มันยังอยู่ในช่วงหัดเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว สัตว์อสูรและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นปฏิปักษ์กันมาเนิ่นนาน
อูโรโบรอสถือได้ว่าเป็นสัตว์อสูรชั้นสูง ซูฮยอนจึงเข้าใจได้ทําไมมิรุถึงเกรงกลัวมันนัก แม้มิรุจะแสดงท่าที่เกรงกลัวออกมา แต่ซูฮยอนอดภูมิใจเล็กๆไม่ได้ที่มิรุมีจิตใจอาจหาญพยายามฝืนทนไม่ร้องไห้ฟูมฟาย
ซูฮยอนรวบรวมสมาธิและเรียกใช้สกิลทุกอย่างออกมา [กายาทรหด][ร่างแยกเงา] [เพลิงพิโรธ :รูปแบบฟีนิกซ์] [สกิลจําแลง]
กี้น ก็ม
ปักษาหลายตัวบินฉวัดเฉวียนรอบตัวซูฮยอน พวกมันเป็นปักษาที่สร้างขึ้นมาจากเพลิงพิโรธสีคราม
นัยน์ตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีครามเช่นกัน ร่างกายของซูฮยอนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงปักษาพร้อมด้วยแสงสว่างวาวโรจน์
“การต่อสู้ครั้งนี้ ฉันต้องมีสมาธิไปกับมันไม่ควรวอกแวก
ไปเลย”
กี้ กี้ม
ปักษาหลายสิบตัวกระโจมเข้าหาอูโรโบรอสพร้อมกัน ซูฮยอนกระโดดเหยียบอากาศ 2-3 ครั้ง แล้วสะบัดดาบโจมตีเกล็ดอูโรโบรอส
ฉัวะ!!
โฮกกกกก
เกล็ดของอูโรโบรอสหนาและมีความคงทนสูงมาก แม้ปลายดาบซูฮยอนจะมีพลังเวทย์โคจรอยู่ ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ สัตว์อสูรหลังจากซูฮยอนฟาดดาบลงบนตัวสัตว์อสูร
ปลายประสาทเหมือนกําลังแจ้งเตือนภัยอันตราย เขาจึงรีบถีบตัวถอยห่างออกมา
หรือ!!
ปลายหางของอูโรโบรอสกระหวัดฟาดจุดที่ซูฮยอนเคยยืนโชคดีซูฮยอนกระโดดหลบออกมาก่อนทําให้ปลายหางเฉียดเส้นผมไปอย่างหวุดหวิด
ซ่า!! ซ่า!!
แรงกระแทกทําให้ชายฝั่งทรุดตัวลงกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่น้ําทะเลเริ่มหนุนสูงขึ้น
ทุกครั้งที่อูโรโบรอสยกหางหรือขยับร่างจะเกิดลมกระโชกแรงเสมอ..
เท้าซูฮยอนแตะพื้นแผ่วเบา ร่างกายโซซัดโซเซคล้ายคนเมาเมื่อทรงตัวได้มั่นคง เขายันพื้นและกระโดดขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง
ฉัวะ!! นิ้วt!!
ซูฮยอนเหวี่ยงดาบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงโจมตีใส่เกล็ดอูโร โบรอสอย่างไรก็ตามเกล็ดของสัตว์อสูรมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่สัตว์อสูรได้
เพราะอูโรโบรอสมีขนาดตัวใหญ่โอฬาร ซูฮยอนจึงทําได้เพียงสร้างแผลถลอกหรือมแหร็มเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะกระหน่ําโจมตีมันมากแค่ไหนก็สร้างแผลฉกรรจ์ไม่ได้
กระนั้นการที่สัตว์อสูรจัดการยาก กลับไปกระตุ้นความท้าทายของซูฮยอน
“ฉันต้องกรีดลึกลงไปมากกว่านี้ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนโซรมศัสตราวุธใส่อูโรโบรอสไม่ยั้ง
“ฉันต้องเฉือนสัตว์อสูรบ้านี้ ขาดให้ได้!”
วุป!!
ซูฮยอนรวบรวมพลังเวทย์ไว้ที่ดาบและถีบตัวหันปลายดาบเล็งแทงไปที่เกล็ดของอูโรโบรอสซึ่งเป็นจุดที่เขาโจมตีซ้ําๆมาได้สักพัก
ใหญ่ๆ
ฉีก!!
การโจมตีครั้งนี้ของซูฮยอนสร้างบาดแผลได้ค่อนข้างลึก เลือดโรโบรอสไหลรินออกมาจากชั้นผิวหนังแต่สัตว์อสูรไม่ได้เปล่งเสียงคํารามเจ็บปวดออกมา บาดแผลที่ซูฮยอนคิดว่าลึกสําหรับมันคงเป็นได้แค่รอยขีดข่วนเล็กๆ
ไม่นานหลังจากซูฮยอนสร้างบาดแผลให้สัตว์อสูรสําเร็จเงาอะไรบางอย่างผาดก่ายอยู่เหนือหัวซูฮยอน
เขารีบกระดุ้งเท้าหลบด้วยความร้อนรน สมองหมุนวนประมวลผลภาพที่ปรากฏตรงหน้า
หรือ!!
ตูม!!
น้า น้าทะเลกระ
ส่วนหางของอูโรโบรอสกระแทกลงไปบนผิวน้ํา น้ําทะเลกระเพื่อมขึ้นลงอย่างน่ากลัว
อีก!
ซูฮยอนกลืนน้ําลายด้วยความวิตก ขณะมองหางทรงพลังผ่านหน้าไปอย่างฉิวเฉียด
“การฟาดหางเพียงครั้งเดียวของมัน สามารถบดขยี้ร่างกายของฉันได้ง่ายๆ ‘ซูฮยอนคิด
เขาวิเคราะห์มาตลอดว่าอูโรโบรอสคงเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเฉื่อยๆ เพราะขนาดตัวที่ใหญ่เทอะทะ แต่พอมาเผชิญจริงจังการเคลื่อนไหวของมันกลับเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
สัตว์อสูรไม่มีคลื่นพลังเวทย์ในร่างกาย ความแข็งแกร่งของมันหมดเป็นผลมาจากขนาดตัวและมัดก้าม เกล็ดของมันยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเพราะมันเปรียบเสมือนชุดเกราะที่ไม่มีวันแตกหัก การสร้างบาดแผลให้มันแต่ละครั้งจึงเต็มไปด้วยความยากลําบาก
ซูฮยอนสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ว่ามอนสเตอร์ที่พบเจอมาตลอดชีวิตมีตัวไหนบ้างมีลักษณะเหมือนอูโรโบรอส อย่างไรก็ตามเหมือนในความทรงจํา จะไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมีความสามารถคล้ายมันเลย
บาดแผลถลอกเล็กๆสินะ
สายตาซูฮยอนจ้องเขม็งไปยังจุดๆหนึ่ง
“มาลองดูอีกครั้ง
ซูฮยอนกระโจนเข้าหาอูโรโบรอสอีกหน
วุป!
บูม!!
ระหว่างที่ซูฮยอนกําลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศเสียงหางฉีกกระฉากลมพุ่งตรงมาหาเขา
หางของอูโรโบรอสโจมตีซูฮยอนพลาดเป้า ร่างกายของซูฮยอนที่ลอยอยู่ตรงหน้าของมันหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ฟืดฟาด!! ฟืดฟาด!!
อูโรโบรอสมองสํารวจรอบๆผลุบลิ้นเข้าออก
ซูฮยอนเคลื่อนไหวร่างกายได้เร็วกว่าอูโรโบรอสเพราะมีรูปร่างสันทัดเขาไปปรากฏตัวอีกครั้งบนหลังของอูโรโบรอสและวิ่งไปตามแนวกระดูกสันหลัง
อูโรโบรอสชะเง้อกลับมามอง แล้วรู้ทันทีว่าซูฮยอนคิดจะทําอะไรต่อไปรอบนี้ซูฮยอนเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบหอกยาวออกมาหอกที่ว่าคือ หอกปราบมังกร
ซูฮยอนจับหอกให้แน่นกระชับมือ ปลายหอกเล็งไปที่แผลเปิดตรงหน้าซึ่งเขาฝากรอยแผลเอาไว้ก่อนหน้านี้
“หนึ่ง สอง
วุป!!
เปลวเพลิงสีครามลุกท่วมห่อหุ้มรอบตัวหอก
สาม
ซูฮยอนหยุดอยู่กับที่กะทันหัน เท้าข้างหนึ่งกระแทกพื้นไปด้านหน้ามือเหนี่ยวหอกไปด้านหลัง
ตุม!!
ซูฮยอนขว้างหอกออกไปสุดแรงแขน หอกปราบมังกรบินลู่ลมอย่างรวดเร็วและตรงดิ่งสู่บาดแผลของอูโรโบรอสด้วยความแม่นยําอย่างไรก็ตามครั้งนี้หอกปราบมังกรแตกต่างจากเดิมเพราะตอนนี้ตัวหอกยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ตามปกติเมื่อผู้ใช้ขว้างหอกออกไปตัวหอกจะแยกออกจากกันทันที
เสียงกรอบแกรบดังออกมาจากหอกปราบมังกรตัวหอกสั่นสะเทือนราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างยับยั้งมันไว้..
ซูฮยอนบ่นงมงํากับหอก “ขอล่ะทนอีกหน่อยเถอะ”
หรือ!!
อูโรโบรอสสะบัดหางอีกครั้ง ขณะเดียวกันหอกปรามมังกรก็โจมตีบาดแผลที่ซูฮยอนบรรจงฝากไว้
โฮกกกก!!
อูโรโบรอสคํารามออกมาด้วยน้ําเสียงเจ็บปวดเป็นครั้งแรก
เมื่อหอกปราบมังกรสัมผัสกับบาดแผลมันก็แตกเป็นชิ้นเล็กๆนับพันชิ้น สําหรับอูโรโบรอสขนาดตัวใหญ่โต หอกปราบมังกรก็เปรียบเสมือนไม้จิ้มฟันอย่างไรก็ตามมันจะกลับตาลปัตร หากหอกเล่มหนี้งอยู่ๆก็แตกกระจายออกเป็นหอกเล่มเล็กๆนับพันชิ้น
หรือ!!
ปัง!!
อูโรโบรอสเหวี่ยงหางไปซ้ายทีขวาที่ ซูฮยอนรีบกระโดดออกมาจากตัวของมัน ไปยืนอยู่บนชายฝั่ง เพราะความเจ็บปวดทําให้อูโรโบรอสม้วนตัวเป็นวงกลมตั้งแต่มันมีชีวิตมา มันไม่เคยได้รับความเจ็บปวดเท่าครั้งนี้มาก่อนอูโรโบรอสกวาดมองรอบตัวเพื่อตามหาร่างของซูฮยอน
ซูฮยอนที่ไปถึงชายฝั่งได้อย่างปลอดภัยตะโกนออกคําสั่ง
“เด็กๆไปงับมันเลย!!”
เกี้ย
ฟีนิกซ์หลายตัวสยายปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
หรือ!
ตูม!! ตูม! ตูม!!
ฟีนิกซ์ฉวยโอกาสที่เผลอขณะอูโรโบรอสกําลังแลซ้ายแลขวาบินโฉบโจมตีเข้าไปที่ดวงตา
อูโรโบรอสหลับตาลง ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแล่นไปทั่วใบหน้า
โฮกกก!!
ร่างกายของมันสั่นเพิ่ม
หรือ!!
ตูม! ตูม!!
อูโรโบรอสฟาดหางสะเปะสะปะ ดวงตา 2 ข้างปิดแน่นหัวใหญ่โตกระแทกพื้นดังปัง ชายฝั่งที่มีหาดทรายสีขาวถูกทําลายจนไม่เหลีอเค้าเดิมน้ําทะเลหนุนท่วมสูงขึ้น ราวกับว่าเมื่อคือมีพายุเข้า
หลังจากความเจ็บปวดบรรเทาลง อูโรโบรอสค่อยๆลืมตาขึ้นและพิจารณาสภาพแวดล้อม
ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี โขดหินรูปทรงสวยงามแตกละเอียดกองระเกะระกะเหมาะแก่การแอบมันพยายามมองหาร่างกายของซูฮยอน แต่ก็ไม่พบ
ตูม! ตูม!
โฮกกกก
นักเวทย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองโมรอสหลั่งไหลออกมาเต็มสองข้างถนนหลังจากได้ยินเสียงคํารามก้องกังวานขึ้น แผ่นดินสั่นทะเทือนเสียงคํารามของอูโรโบรอสแพร่กระจายไปทั่วเกาะ กําแพงป้อมปราการสูงใหญ่ ไม่อาจปิดกั้นเสียงคํารามอูโรโบรอสจากพวกเขาได้
“เกิดอะไรขึ้น ทําไมอยู่ดีๆเจ้าสัตว์อสูรนั่นถึงฟาดงวงฟาดงา?”
“นักเวทย์แห่งความมืดกําลังทําบ้าอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าพวกมันวางแผนจะฆ่าพวกเขาทุกคน”
“เสียงคํารามของมัน ทําให้ข้ารู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้”
นักเวทย์ยืนแน่นขนัดบนท้องถนนคาดเดาไปต่างๆนาๆ ในหมู่พวกนักเวทย์มีมัลคอล์มแทรกอยู่ด้วย แต่เพราะหลังค่อมทําให้เขาดูตัวเล็ก
มัลคอล์มเงยหน้ามองขึ้นไปเหนือกําแพงเขาเห็นจุดดําๆจุดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นหัวของอูโรโบรอส
แน่
“ทําไมอูโรโบรอสถึง…”
“ท่านมัลคอล์ม! เกิดอะไรขึ้น?”
“อูโรโบรอสอยู่ในการดูแลของท่านไม่ใช่เหรอ? หวังว่าท่านจะมีคําอธิบายให้พวกเราฟัง”
นักเวทย์ตาดีบางคนสังเกตมัลคอล์มอยู่ท่ามกลางฝูงชนจึงตัดสินใจร้องทักขึ้น เสียงของเขาดังออกไปเป็นทอดๆ ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆโดยปกติพวกเขาไม่มีทางสนใจไยดีต่อมัลคอล์มแน่นอน
แต่เมื่อมีเหตุการณ์คลุ้มคลั่งของอูโรโบรอส มัลคอล์มเป็นเพียงคนเดียวที่พวกเขาหวังพึ่งได้ เพราะเจ้าตัวรู้เรื่องอูโรโบรอสดีกว่า
ใครๆ
“ข้าก็หาคําตอบไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใดทําให้อูโรโบรอสแสดงอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมา”มัลคอล์มกล่าวตอบ
“ หมายความว่าไง? ทําไมท่านถึงไม่รู้ว”
“ใช่ ท่านขาดความรับผิดชอบมาก!
“ท่านต้องหาทางแก้ปัญหาเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินคําเร่งเร้าจากคนรอบข้าง มัลคอล์มถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมเม็ดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากชั้นผิวหนัง
ทุกคนกดดันเค้นถามหาความจริงจากเขา ซึ่งเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใจเย็นๆทุกคน ข้าสามารถคลายข้อสงสัยได้”
ระหว่างฝูงชนกําลังชุลมุนเสียงแหบพร่าดังขึ้นขัดจังหวะนักเวทย์ทุกคนหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน นักเวทย์แห่งความมืดชายชรายืนอยู่ไม่ห่างจากจุดชุลมุนมากนักการแต่งกายสวมใส่เสื้อคลุมสีดําทั้งตัว
การปรากฏตัวของเขาทําให้กลุ่มนักเวทย์แหวกทางให้อีกฝ่ายเหมือนรู้งานมัลคอล์มจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าประหลาด
“แร้ง เข้ามาทําอะไรที่นี่?”มัลคอล์มถาม
“ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากันนานเลยนะมัลคอล์ม” นักเวทย์แห่งความมืดชายชรานามว่าแร้ง เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าและพูดว่า
“เพื่อนเก่าแก่ของข้า”
ฉ่า!! ฉ่า!!
ร่างกายของซูฮยอนเสียวซาบซ่านไปทั่วตัว ของเหลวบางชนิดหยดลงมาจากเพดานด้านบน ใต้เท้ามีแอ่งน้ําเพิ่งนอง จุดที่เขายืนอยู่ปัจจุบันเป็นโพรงถ้ํามืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง
ซูฮยอนทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายโคลงเคลงไปมาจะล้มอยู่รอมร่อยังดีที่เขาใช้มือ 2 ข้างยันกําแพงพยุงตัวไว้
“เฮ้อ โชคดีที่ฉันยังไม่ตาย”
วุป!!
ซูฮยอนจุดประกายเปลวเพลิงไว้บนฝ่ามือเพื่อส่องสว่างนําทางภาพแรกที่สายตาเห็น คือพื้นที่กว้างยาวสุดลูกหูลูกตา ทางเดินคดโค้งเล็กน้อยเหมือนทางลาดชัน ข้างบนมีของเหลวสีดําเคลือบเอาไว้เป็นหย่อม ๆ
“ของเหลวพวกนี้น่าจะเป็นพิษ แถมยังเป็นพิษร้ายแรงซะด้วย”
ฉ่า!!
ของเหลวสีดําหยดลงบนหัวไหล่ของซูฮยอน เมื่อหยดกระทบลงบนวัตถุมันก็ระเหยกลายเป็นไอสีขาว ความรู้สึกแสบร้อนเหมือนน้ําร้อนลวกแล่นซ่านไปทั่วหัวไหล่สักพัก ก่อนจางหายไป
โชคดีที่ซูฮยอนสวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ฟอลคอนทับไว้อีกชั้นหนึ่งเกราะศักดิ์สิทธิ์ฟอลคอนสามารถป้องกันการกัดกร่อนจากของเหลวสีดําได้มากกว่าที่ซูฮยอนคิดไว้
“สภาพอากาศชุ่มชื้นและร้อนอบอ้าว”
ครืน!!
พื้นที่โดยรอบเกิดแรงสั่นสะเทือน ซูฮยอนต้องคว้าจับผนังยันตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม ดูเหมือนว่าอูโรโบรอสกําลังเคลื่อนไหว
“ฉันเข้ามาในที่นี่ได้ เพราะอาศัยช่วงที่อูโรโบรอสกําลังดิ้นทุรนทุรายแต่ว่า…”
หลังจากที่ซูฮยอนสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่อูโรโบรอสเขาก็อาศัยจังหวะที่มันกําลังดิ้นพล่านกระโจนเข้าปาก ตรงดิ่งสู่หลอดอาหารแผนที่ซูฮยอนคิดเอาไว้คือตั้งใจบ่อนทําลายอูโรโบรอสจากภายใน
“ถ้าฉันดึงดันต่อสู้กับมันซึ่งๆหน้า คงเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่” ซูฮยอนถอนหายใจออกมาพลางเกาหัวแกรกๆ
ซูฮยอนเริ่มมั่นใจมากขึ้น เขาในตอนนี้อาจสังหารอูโรโบรอสสําเร็จจริงๆก็ได้ สัตว์อสูรใหญ่โตตัวนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาดตัว เกล็ดหนาและผิวหนังที่แข็งแกร่ง คมดาบซูฮยอนทําอะไรมันไม่ได้เลยนอกจากบาดแผลถลอกกว่าจะฝากรอยเลือดไว้บนตัวของมันได้แต่ละครั้งหืดขึ้นคอ
เป็นที่แน่ชัดหากซูฮยอนยังตะบี้ตะบันโจมตีไม่คิดชีวิต ฝ่ายที่พลาดพลั้งคงหนีไม่พ้นเขา อย่างไรก็ตามในเมื่อภายนอกทําอะไรไม่ได้แต่ภายในก็ไม่แน่
“เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ไม่ได้มีไว้พิชิตตั้งแต่แรก
เป้าหมายหลักของการทดสอบครั้งนี้ ไม่ใช่การมอบความปราชัยให้แก่อูโรโบรอส แต่จุดประสงค์หลักคือการเอาชีวิตรอด
ภารกิจสําคัญของการทดสอบ คือให้หลบหนีการจับกุมของเหล่านักเวทย์ทั้งหลายแล ที่พยายามจับตัวเขาเป็นเครื่องสังเวยภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน
“เฮ้อ ดูเหมือนฉันจะไม่สามารถเดินไปตามเป้าหมายหลักได้จริงๆ”
สิ่งที่เขาต้องทําทั้งหมดคือการเอาชีวิตให้รอด เป็นเรื่องปกติและพบเห็นได้ทั่วไป อัตราความสําเร็จในการทดสอบขึ้นอยู่กับการกระทําและเส้นทางที่ผู้ทดสอบเลือกเดิน ฉะนั้นซูฮยอนจึงเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง การตัดสินใจต่อสู้กับอูโรโบรอสเป็นสิ่งถูกต้องและเขาจะทําให้สําเร็จ
“ฉันควรสํารวจที่ไหนก่อนดี?”ซูฮยอนบ่นพึมพํา
ภายในท้องของสัตว์อสูรเหมือนทางลาดชันที่มีหนทางคดเคี้ยวไปมาดังนั้นเขาจึงเดินมะงุมมะงาหราไม่ดูตาม้าตาเรือไม่ได้
ที่สําคัญเวลาเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก สําหรับซูฮยอนการอดทนต่อของเหลวสีดําๆลักษณะเหมือนพิษประมาณ 1-2 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องยากหากนานกว่านี้ ก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร
โชคดีที่ร่างกายซูฮยอนทนต่อการกัดกร่อนของพิษได้ถ้าคนทั่วไปไม่มีพลังหล่อเลี้ยงบังเอิญหลงเข้ามา คงละลายกลายเป็นแอ่งเลือดเพียงเสียววินาที
ครืน!! ครีน!
“เอ่อ?”
ทันใดนั้นเอง อูโรโบรอสที่ชูหัวขึ้นก็ค่อยๆน้าวตัวลงมาซูฮยอนเอื้อมมือไปคว้าผนังเพื่อไม่ให้ร่างกายเกลือกกลิ้งไปกับพื้น ทุกครั้งที่อูโรโบรอสเลื้อยผนังเซลล์จะค่อยๆคดงอและยืดตรงในเวลาต่อมา
ครืน
พื้นที่ซูฮยอนเหยียบอยู่สั่นสะเทือนไปสักพักใหญ่ๆ ก่อนค่อยๆสงบนิ่งลงเขามั่นใจว่าตอนนี้อูโรโบรอสอาจหยุดพักเหนื่อยหรือไม่ก็จําศีลเหมือนเดิม
“อยากรู้จริงๆว่ามันกําลังทําอะไรอยู่?
ร่างกายของซูฮยอนรู้สึกสบายขึ้น เมื่ออูโรโบรอสหยุดการเคลื่อนไหว
แม้ภายนอกเขาจะดูเฉยๆไม่วิตก แต่ภายในใจกลับมีความกังวลผสมมาด้วยนิดหน่อย
ฟ้อ!!
ซูฮยอนหันหน้าไปมองต้นตอของเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนเสียงขู่ของงูสายตาของเขามองเห็นปากเล็กๆนับไม่ถ้วนผลุบลิ้นเข้าผลุบลิ้นออก
ภายในตัวของอูโรโบรอสมีสายตาหลายพันคู่จ้องเขม็งมาทางซูฮยอน
MANGA DISCUSSION