การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 100
การกลับมาของฮีโร่
ตอนที่ 100
“ชายคนนี้เป็นคนส่งเอกสารแจ้งความน่ากลัวของกิลด์ดัมพ์ให้ทางเราและยังเป็นคนลงมือทุบตีฮวางจุนเผิง?” ฐอินเรียบเรียงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดและวิเคราะห์เป็นฉากๆ
“ไม่ใช่สิ ฮวางจุนเผิงไม่ได้ถูกทุบตี แต่พวกเขากําลังโรมรันกันอยู่ แล้วมันเกี่ยวข้องกับกิลด์ดัมพ์ตรงไหน? เหตุผลอะไรทําไมทั้ง 2 ต้องต่อสู้แลกเลือดกัน?”
สถานการณ์มีเงื่อนงําบางอย่างซ่อนไว้อยู่ แต่จู่อินมีความมั่นใจสิ่งหนึ่ง นั้นก็คือเขาไม่สามารถฝักใฝ่คนใดคนหนึ่งได้
“นายจะยืนอยู่เฉยๆอีกนานไหม? เราต้องช่วยเขา!”
กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์เมตา ซึ่งเป็นหนึ่งในแฟนคลับฮวางจุนเผิง รีบอ้าวไปด้านหน้า
จูอินอดสายหัวไม่ได้ก่อนง้างมือบังเธอไว้
“อย่าพึ่งรู่วาม”
“ทําบ้าอะไรของนาย จะใจไม้ไส้ระกําไปถึงไหนไม่เห็นหรือไงฮวางจุนเผิงกําลังโดนกิลด์ดัมพ์จ้องเอาชีวิตอยู่?”
“หัดใช้หัวสมองคิดไตร่ตรองให้รอบคอบเป็นไหมเธอคิดว่ามันสมเหตุสมผลนักเหรอที่กิลด์ดัมพ์จะเป็นห่วงชีวิตพลเรือน?”
“นายกําลังพูดเรื่องอะไร เดียวนะ นายจะบอกฉันว่าฮวางจนเผิงเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ดัมพ์งั้นเหรอ”
“บนโลกไม่มีอะไรแน่นอน มีสิทธิ์เป็นไปได้ฮวางจุนเพิ่งปิดบังความสามารถของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ จึงมีหลายจุดน่าสงสัย”
“แล้วนายจะให้พวกเราทํายังไง ยืนดูอยู่เฉยๆงั้นเหรอในเมื่อมีข้อสงสัยหลายจุด ทําไมถึงไม่เข้าไปหยุดการต่อสู้ ถามพวกเขาจากปากโดยตรงไม่ดีกว่าเหรอ”
“เพราะพวกเราไม่มีพลังมากพอในการห้ามปรามพวกเขา
นะสิ”
กิลด์มาสเตอร์มีความคิดเห็นหลายอย่างปะปนกัน แต่ส่วนใหญ่เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน ในบรรดาพวกเขา ไม่มีใครแข็งแกร่งพอแทรกแซงเกลี้ยกล่อมให้ฮวางจุนเผิงและซูฮยอนสงบศึกชั่วคราว แม้จะมีข้อสงสัยคาใจอยู่ก็ตาม พวกเขาทําได้แค่เป็นผู้ชมเท่านั้น
นอกจากนี้ซูฮยอนยังสั่งให้พวกเขาอพยพพลเรือนออกไปจากจุดเกิดเหตุล่วงหน้า กลุ่มกิลด์มาสเตอร์ จึงไม่มี ใครกล้ากล่าวโทษว่าซูฮยอนเป็นหนึ่งในสมาชิกกิลด์ดัมพ์
ฉีก!! ฉัวะ!!
การโจมตีของซูฮยอนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆฮวางจุนเพิ่งยกแขน 2 ข้าง ตั้งฉากเหนือศีรษะเพื่อป้องกันคมดาบแม้จะป้องกันคมดาบได้แต่พลังเวทย์ของซูฮยอนทําให้ช่ วงแขนของฮวางจุนเพิ่งร้าวระบม
“ไอ้พวกโง่”
ฮวางจุนเผิงหวังยืมมือผู้ตื่นขึ้นคนอื่นถ่วงเวลาให้ คาดคะเนจากสถานการณ์ภายนอกปัจจุบัน เหมือนเขาจะไปเยือนยมโลกก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือ
ฉัวะ!! ฉัวะ!!
ซูฮยอนลงดาบใต้ช่วงแขนของฮวางจุนเผิงต่อเนื่อง ดาบเชือดเอวฮวางจุนเผิงอย่างไร้ความปรานี
ร่างกายฮวางจุนเผิงสั่นสะเทือนขึ้นลงไม่หยุด หนังตาเริ่มปรือ เสียงโอดครวญร่ําร้องพรั่งพรูออกมาจากปาก
ฟรี่บ!!
ฮวางจุนเพิ่งรีบพลิกตัววิ่งตะบึงทิ้งห่างซูฮยอน
ซูฮยอนไม่ยอมปล่อยให้เป้าหมายคลาดสายตา เขากระชับดาบพุ่งตรงตามไป
รัศมีดาบฟาดใส่กลางหลังฮวางจุนเผิง
ร่างกายของฮวางจุนเผิงสั่นเทิ้ม เขากัดฟันทนต่อความเจ็บปวดสาวเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างทรหด
ด้านหน้าฮวางจุนเผิงมีกลุ่มผู้ตื่นขึ้นยืนอยู่นับ 100 คนวิธีที่จะทําให้เขาสลัดซูฮยอนหลุด มีแค่วิธีนี้เท่านั้น
“ฉันต้องจับตัวประกัน!!” ฮวางจุนเพิ่งคิด
ซูฮยอนขอความร่วมมือจากผู้ตื่นขึ้นคนอื่น ให้อพยพพลเรือนไร้พลังออกห่างจากจุดเกิดเหตุ ฮวางจุนเผิงจึงพอคาดเดาอุปนิสัยของซูฮยอนได้
“หากฉันได้ตัวประกัน โอกาสหนีคงอยู่ไม่เกินไกลเอื้อม”
ฮวางจุนเผิงยื่นมือออกมาพยายามคว้าจับคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาที่สุด จูอินและกิลด์มาสเตอร์เมตาสัมผัสได้ว่าอะดรีนาลื่นของฮวางจุนเผิงเต็มไปด้วยความสารัทธ์
จ๊อินมีไหวพริบปฏิภาณดีกว่าคนอื่น จับผิดอะไรได้บางอย่าง
“หนีเร็ว!!”
วุป!!!
ม่านพลังเวทย์โปร่งใส่ก่อตัวขึ้นรอบๆจูอิน คลื่นพลังเวทย์กระแทกผู้คนที่อยู่รอบข้างกระเด็นห่างจากเขา
ผู้คนเริ่มกรีดร้องเสียงหวาดผวา…
“ทะ..ท่านครับ!!
เมื่อเห็นคนอื่นๆผลักกระเด็นถอยหลังไกลออกไปจ๊อินเลิกสนใจพวกเขาและก้าวเผชิญกับฮวางจุนเผิง
“หวังว่าจะได้ผล” จ์อินภาวนา
เขายื่นมือออกไปด้านหน้าแล้วรวบรวมพลังไว้บนฝ่ามือแรงลมเริ่มก่อตัวเป็นพายุขนาดย่อมๆ
เมื่อรวบรวมได้คงที่ จู่อินปล่อยการโจมตีใส่ร่างกายฮวางจุนเผิงที่กําลังพุ่งเข้ามา ลมที่จูอินสร้างขึ้นคือลมประเภทเดียวกันกับเมื่อครู่ที่ผลักคนอื่นๆให้กระเด็นออกไป แต่ครั้งนี้แรงลมมีความรุนแรงขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าฉีก!!
กรงเล็บฮวางจุนเผิงฉีกกระชากพายุ จ์อินรีดเค้นพลังเวทย์ออกมาถึงขีดสุดเท่านั้นทําได้ เพื่อรอรับการโจมตีดวงตา 2 ข้างปิดแน่น
“ได้โปรดเถอะ!!!”
จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนคําวิงวอนตอนเทพยดาฟ้าดินจะสัมฤทธิ์ผล จ์อินค่อยแง้มตาขึ้นแช่มช้าภาพตรงหน้าเขาเห็นฮวางจุนเผิงยืนนิ่งอยู่กับที่
“ฉันจับแกได้แล้ว!”
แหมะ!! แหมะ!!
มือของฮวางจุนเพิ่งหมายมั่นตะคลุบจ๊อิน กลับเจาะทะลุไหลของซูฮยอนแทน
ซูฮยอนคว้าจับแขนฮวางจุนเผิงแล้วออกแรงบีบ สักพักก็ได้ยินเสียงแตกดัง “กรอบ”
“อ๊ากกกกก.” ฮวางจุนเผิงร้องคราง
ฮวางจุนเพิ่งรีบถอนมือออกจากไหล่ของซูฮยอนเลือดสีแดงไหลจากหัวไหล่ก่อน น้าวลงใต้วงแขนตกลงสู่ช่วงเอวแม้บาดแผลผิวเผินของซูฮยอนจะดูร้ายแรง เขาก็ยังขยับได้อย่างคล่องตัว
“เหมือนกับในอดีตไม่มีผิด ยังชอบใช้ลูกไม้เดิมๆ”
ปัง!!
ระหว่างฮวางจุนเพิ่งถอนมือหมุนตัวหนี ซูฮยอนตัดสินใจเตะตัดขาอีกฝ่าย…
ขาของฮวางจุนเพิ่งสั่นระริกหัวเข่าทรุดฮวบลงพื้น เพราะอยู่ในร่างของสกิลกายมังกร ร่างกายของฮวางจุนเผิงจึงใหญ่โตกว่าปกติ ขนาดคุกเข่าต่ําลง ความสูงช่วงศีรษะยังอยู่ในระดับเดียวกับซูฮยอน
“ฉันรู้ว่าแกกําลังคิดอะไรอยู่ แกมันหน้าตัวเมียวางแผนพยายามจับตัวประกันผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพื่อเป็นโล่กันบังสินะ”
“บัดซบ!”
การคุกเข่าต่อหน้าคนหมู่มากนับว่าเป็นความอัปยศและเสีย ศักดิ์ศรี ฮวางจุนเผิงพยายามยันร่างกายให้ลุกขึ้นอีกครั้งขา 2 ข้างเกร็งตึง แม้จะอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ฮวางจุนเผิงยังมีความมั่นใจความแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในอํานาจอิทธิฤทธิ์ของสกิลกายมังกร
“อย่าขยับขั้ว”
ซูฮยอนกดไหล่ของฮวางจุนเผิงให้นั่งลง บาดแผลทั่วตัวแขนบิดผิดรูป ทําให้ฮวางจุนเผิงไม่อาจต้านทานกําลังของอีกฝ่ายได้
หัวเข่าของฮวางจุนเผิงจูบพื้นเป็นรอบที่ 2 ร่างกายห่อเที่ยวไร้กําลังวังชา
ฮวางจุนเผิงเงยหน้าสบสายตาซูฮยอน
สายตาซูฮยอนเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน
“ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหม..” ซูฮยอนพูดพลางยกดาบชี้ฟ้า
“ว่าฉันคนนี้จะเป็นคนฉุกกระฉากแกลงมาจากจุดสูงสุด”
“ใจเย็นก่อนมิตรสหาย เรามาจับเข่าคุยกันดีกว่า”
ในขณะซูฮยอนกําลังลงดาบ เสียงตะโกนรีบร้อนดังออกมาจากด้านหลัง กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์เมตารีบรุดหน้าเดินมาหามีกิลด์มาสเตอร์คนอื่นๆตามติดมาสมทบ
กิลด์มมาสเตอร์เมตาหยุดอยู่ตรงหน้าซูฮยอน
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนาย 2 คน แต่นายคงรู้จักคนที่นายกําลังป้ยี่ปู่ย่ําอยู่สินะ หากพวกนายมีความผิดพ้องหมองใจกัน หันหน้าเข้าหากัน แก้ปัญหาด้วยวาจาดีกว่าไหม”
ฉัวะ!!
ซูฮยอนเมินเฉยคําแนะนําเธอและตวัดดาบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วพริบตา ทําให้พวกเขานิ่งเงียบ ตาค้าง ปากอ้า เส้นริ้วยาวสีแดงลากตามสรีระร่างกายของฮวางจุนเผิง
“ชะช่วยด้วย”
ฮวางจุนเผิงกระเสือกกระสนเอื้อมมือเปื้อนเลือดไปทางผู้ตื่นขึ้นด้านหลังซูฮยอน
ร่างกายของฮวางจุนเผิงถูกผ่าครึ่ง ร่างแยกออกเป็นสองซีก
ซูฮยอนหันหลังกลับ สายตาองอาจจ้องมองผู้ตื่นขึ้น ที่เคยออกปากห้ามปรามการกระทําของเขา
“พวกเราขอโทษที่เสียมารยาทขัดจังหวะคุณโดยไม่จําเป็นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณคงไม่ถือสาพวกเรา”
“นายเป็นบ้าหรือไง เขาลงมือฆ่าคนอยู่ทนโท่ ยังไปขอโทษอีก”
ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป นอกจากแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดออกมาฮวางจุนเพิ่งนอนเสียชีวิต ผู้ตื่นขึ้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นศพนักแสดงชาวจีนชื่อดัง นอนจมกองเลือดบนพื้น
“ฉันมีข้อกังขาซักถามอีกฝ่ายสักหน่อย” จูอินพูดให้กิลด์มาสเตอร์คนอื่นๆฟัง
จู่อินก้มมองศพของฮวางจุนเผิง สกิลกายมังกรหมดอิทธิฤทธิ์พร้อมกับความตายที่ไม่มีวันหวนกลับร่างกายบึกบึนกลับคืนสภาพเดิม
“คุณช่วยไขความกระจ่าง อธิบายต้นสายปลายเหตุให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม”
“อ่า.. ”
ซูฮยอนยกมือเกาหัว จูอินและกลุ่มผู้ตื่นขึ้นจ้องมองซูฮยอนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นระคนระแวง
“นั่นสินะ ฉันเห็นด้วย” ซูฮยอนตอบกลับ
“ฉันบรรลุเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย แต่จะอธิบายให้พวกเขาเชื่อยังไงดีหนอ?”เขาตั้งคําถามตัวเอง
คิ้ว! คิ้ว!
เหนือศีรษะซูฮยอนมิรุร้องคํารามด้วยสีหน้าระรื่น ซูฮยอนนั่งอยู่บนก้อนหินชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นเศษซากปรักหักพังจากอาคาร C&D จูอินยื่นผ้าพันแผลให้ ซูฮยอนไม่ปฏิเสธความหวังดีเขาทําความสะอาดบาดแผลและรักษาอาการเบื้องต้น
ตามร่างกายมีบาดเจ็บหร็อมแหร็มหลายจุด แต่ที่สาหัสสากรรจ์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นบริเวณหัวไหล่
“งั้นมังกรตัวนี้ ก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของคุณสินะ” จูอินพูดพลางช่วยซูฮยอนพันแผล
รู้อินอยากคุยกับซูฮยอนเป็นการส่วนตัว จึงพูดหว่านล้อมกิลด์มาสเตอร์คนอื่นๆให้รอเขาอย่างสงบเจียมตัวให้เวลาสักพักเขาจะไปอธิบายให้ทุกคนฟัง มีกิลด์มาสเตอร์บางคนหน้าเจ้าหน้างอตีตราซูฮยอนเป็นผู้ก่อการร้ายพวกเขาเป็นแฟนคลับฮวางจุนเผิง ในเมื่อดารานักแสดงชื่อดังของจีนเสียชีวิต ต้องมีคนรับผิดชอบการตายของฮวางจุนเพิ่งและคนที่พวกเขาหมายตาคือซูฮยอน…ก่อนจากไปพวกเขามองซูฮยอนตาเขียว
“ใช่แล้ว เขาชื่อว่ามิรุ”
ซูฮยอนเหลียวมองใบหน้าจ๊อิน ซึ่ง กําลังตั้งอกตั้งใจตรวจเช็คความเรียบร้อยของผ้าพันแผล
“มิรุเหรอ? มันมีความหมายไหม?”
“มีสิ มิรุในภาษาบ้านเกิดของฉัน แปลว่ามังกร”
“มังกร? เป็นมังกรก็ยังมีชื่อมังกร ฮ่า ฮ่า” จูอินหัวเราะเสียงดังราวกับว่าคําตอบของซูฮยอนเป็นเรื่องตลก ถึงแม้มันจะไม่ได้ตลกมากขนาดนั้นก็ตาม..
“น่าแปลกจริงๆ”
“อะไรเหรอที่ว่าแปลก” ซูฮยอนถาม
“ไม่กี่นาที่ก่อนหน้า คุณแสดงท่าทางเป็นคนมุทะลุโหดเหี้ยมไร้ความปรานี แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นละมุนละม่อมมากขึ้น บุคลิกภาพของคุณตอนนี้แตกต่างกันราวเป็นคนละคนเลย”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ซูฮยอนเคยได้ยินคําพูดคล้ายๆแบบนี้จากปากคนอื่นเหมือนกัน เวลาเขาอยู่ในโหมดต่อสู้ทั้งอารมณ์และท่าทางเปลี่ยนไปจนราวกับเป็นคนใหม่
“คุณบอกว่า “ภาษาบ้านเกิดของฉัน” คุณเป็นคนประเทศไหนล่ะ เกาหลี? หรือ ญี่ปุ่น? แต่จากรูปร่างภายนอกคุณเหมือนคนเกาหลี
“ฉันเป็นคนเกาหลี
“อย่าบอกนะว่าคุณคือ คิมซูฮยอน?”
ซูฮยอนมองหน้าอีกฝ่ายแล้วถามด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ“นายรู้ได้ไง?”
“จะมีสักกี่คนอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่มีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้ คุณแข็งแกร่งกว่าจินตนาการของฉันอีก”
จูอินพูดถูก ในประเทศเกาหลีไม่มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนไหนอายุเท่าซูฮยอนเลยสักคน ไม่สิต้องบอกว่าในบรรดาแรงค์ S ทั้งหมดเขามีอายุน้อยที่สุด
“ฉันได้ยินคนอื่นพูดกันว่า คุณกําลังก่อสงครามกับ กิลด์ดัมพ์อยู่”จูอินพูด
มันเป็นข้อมูลจริงที่ผู้ตื่นขึ้นทั่วโลกรับรู้มาสักพักใหญ่ๆ
“ทําไมคุณต่อสู้กับฮวางจุนเผิง หรือว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวโยงถึงกิลด์ดัมพ์”
“ใช่” ซูฮยอนเหลือบมองศพของฮวางจุนเผิงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“เขาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ดัมพ์”
“คุณหมายความว่าไง?”
“เขาคือกิลด์มาสเตอร์ ถ้าระบุให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาผู้ก่อตั้งกิลด์ดัมพ์ขึ้นมา”
“อะไรนะ?”จ๊อินพิเคราะห์ใบหน้าฮวางจุนเผิงด้วยสีหน้าขวัญหนีดีฝ่อ
“เขาเป็นถึงนักแสดงชื่อดัง มีแฟนคลับนิยมชมชอบทุกเพศทุกวัย เพราะการเข้าถึงบทละครที่สมจริง ทําให้เขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีตก ฉากหน้าเป็นนักแสดงฉากหลังเป็นกิลด์มาสเตอร์แห่งกิลด์ดัมพ์?” จูอินคิด
“ช่วงที่ผ่านมาฮวางจุนเผิงแสดงหนังให้ทางฮอลลีวูดหลายเรื่อง เขาจึงริเริ่มสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างกิลด์ในอเมริกา สุดท้ายก็สามารถดึงโคลอี้จากกิลด์สตาร์มาอยู่ใต้อาณัติได้และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทําให้รากฐานกิลด์ดัมพ์ในอเมริกาหยั่งรากลึกกว่าประเทศอื่น”
“แล้วยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ทําไมกิลด์ดัมพ์ถึงไม่ค่อยมีบทบาทความเคลื่อนไหวในประเทศจีนเท่าที่ควร”
“เพราะมีคนจับตาตามติดชีวิตฮวางจุนเผิงมากเกินไปสําหรับฮวางจุนเผิงการปฏิบัติแผนการในฮอลลีวูดสะดวกสบายมากกว่า”
“พูดมามีเหตุผล
รู้อินสองจิตสองใจไม่รู้ว่าควรเชื่อดีไหม แต่ฟังจากน้ําเสียงและเรียบเรียงเรื่องราวของซูฮยอน
มีน้ําหนักน่าเชื่อถือพอสมควร ฮวางจุนเผิงปกปิดพลังผู้ตื่นขึ้นเอาไว้
หากนําฐานะนักแสดงชื่อดังระดับโลกผนวกกับฐานะผู้ตื่นขึ้นฮวางจุนเผิงจะถูกคนอื่นยกย่องกลายเป็นคนสูงศักดิ์ไร้ที่เปรียบแต่น่าเสียดายที่เขาเลือกทางเดินผิดความบ้าคลังและความโหดเหี้ยม ต่างจากภาพลักษณ์ที่คนอื่นๆชื่นชอบเขา
“จริงสิมีอีกเรื่องที่ลืมบอกไป” ซูฮยอนเอ่ย
“หืม? เรื่องอะไรเหรอ ถึงขั้นคอขาดบาดตายไหม?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ซูฮยอนลองยืดหดหัวไหล่ตรวจความแน่นหนาของผ้าพันแผล ก่อนโน้มตัวโก่งโค้ง
“ขอบคุณมาก ขอบคุณพวกนายจริงๆถ้าไม่ได้การช่วยเหลืออพยพพลเรือนจากพวกนาย ไม่รู้จะมีผู้บริสุทธิ์กี่คนต้องสังเวยชีวิตและก็ขอโทษที่โกหกเรื่องที่ระบุในเอกสารด้วย”
“คุณจะขอโทษทําไม? ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องขอโทษและที่สําคัญไปกว่านั้นคําขอบคุณ ควรเป็นทางพวกเรามากกว่า” จู่อินกระโดดลงมาจากหินพลางยื่นมือจับซูฮยอน
ซูฮยอนจับมือตามมารยาท จ์อินถอนหายใจออกมาและหย่อนก้นนั่ง
“เอาหล่ะในเมื่อปัญหาและข้อสงสัยถูกคลี่คลายเวลายังเหลืออยู่ ฉันอยากคุยกับคุณหน่อย คงไม่เสียมารยาทนะ?”
“นายอยากคุยอะไร?”
“เป็นที่แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นจอมวายร้ายใช่ไหม” จูอินเท้าคางถาม สายตาตรึงอยู่บนศพฮวางจุนเผิง
ซูฮยอนยิ้มตอบ “ใช่ เขาเป็นอย่างที่นายเปรียบ เทียบนั้นแหละ”
“งั้น นายวางแผนจะทําอะไรต่อไป?” จูอินถาม ความคลางแคลงทั้งหลายแหล่เกี่ยวกับตัวตนของซูฮยอน ถูกฝังกลบลบเลือนหายไปจนหมดสิ้น
“ทําอะไรต่อไปงั้นเหรอ ก็มีอีกหลายเรื่องนะที่รอฉัน
สะสาง
อาคาร C&D ที่สูงที่สุดในกว่างโจวถล่มเสียหายย่อยยับและฮวางจุนเผิงเสียชีวิต แต่สงครามระหว่างกิลด์ดัมพ์ยังไม่จุดไคลแม็กกิลด์มาสเตอร์ฮวางจุนเผิงถูกกระชากลงนรกแล้วก็จริงทว่ากิลด์ดัมพ์ไม่ได้หายไปพร้อมกับเขา
“คุณมีความแค้นส่วนตัวกับกิลด์ดัมพ์หรือปาว” จูอินถามพลางเงยหน้ามองซูฮยอนโดยตรง
“ไม่นะ ฉันไม่เคยมีความแค้นส่วนตัวกับพวกมัน”
“แล้วทําไมคุณถึงลงทุมลงแรงมากขนาดนี้ด้วย? ฉันเข้าใจความตั้งมั่นของคุณดี พูดตรงๆไม่อ้อมค้อม ฉันรู้สึกสับสนว่าการกระทําของคุณทั้งหมด ได้ผลอะไรตอบแทน?”
“เอ๊ะ สิ่งที่ฉันลงมือทํา ไม่ใช่คนมีญายธรรมทุกคนต้องทําหรอกเหรอ?”
“คําอธิบายยังคลุมเครือไม่ชัดเจนอยู่ดี ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทําไมนายถึงเป็นคนลงมือทําทั้งหมด”
“แล้วทําไมฉันต้องงอมืองอเท้า รอให้คนอื่นลงมือทําก่อนด้วยล่ะ?”
รู้อินเป็นใบ้หลังจากได้ยินคําตอบซูฮยอน
“ถ้าฉันไม่ทํา โลกก็ไร้แววการเปลี่ยนแปลง มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัวของฉัน ที่ไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ ทนดูโลกบ่อนทําลายไปมากกว่านี้”
รู้อินไม่ตอบกลับ ซูฮยอนพูดถูก แต่บนโลกจะมีสักกี่คนเถรตรงเห็นความสําคัญของประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนส่วนตน ต่อให้คนผู้นั้นจะทราบว่าอะไรถูกอะไร
ถ้ามีความเป็นความตายเกี่ยวข้อง พวกเขาต้องเลือกประโยชน์ส่วนตนอยู่แล้ว
“ฉันคงต้องไปแล้ว ขอขอบคุณนายอีกครั้ง” ซูฮยอนโก้งโค้งศีรษะให้จูอินและเดินจากไป
“เขาคือฮีโร่ ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง “ฐอินบ่นพึมพําออกมาขณะสายตาจับจ้องแผ่นหลังซูฮยอนเลื่อนหายไปเรื่อยๆ
ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทอดน่องไปตามเส้นทางในอุดมคติของตนได้ มักถูกผูกมัดด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ แต่ซูฮยอนต่างออกไป เขาสามารถเดินไปไหนก็ได้ตามความปรารถนานอกจากนี้เขายังมีพลังกล้าแกร่งและมีหลักเหตุผลคอยค้ําจุน
เมื่อมองผ่านๆการตัดสินใจเป็นศัตรูกับกิลด์ดัมพ์คืออะไรที่ ง่ายดายมาก พูดด้วยลมปาก จะพูดอะไรก็ได้ไม่มีใครห้ามแต่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ไหม เป็นเรื่องของอนาคตไม่มีใครฝืนกําหนดโชคชะตาได้
มีผู้ตื่นขึ้นหลายคนครอบครองพลังอันน่าเกรงขาม ทว่าจะมีสักกี่คน นึกคิดใช้พลังของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ไม่นอกลู่นอกทาง
จ๊อินรู้สึกตัวเองหน้าชา เขามีลางสังหรณ์ ในอนาคตข้างหน้าไม่วันใดวันหนึ่ง ซูฮยอนจะกลายเป็นที่เลื่องลือเคารพนับถือของทุกคนในฐานะ (ฮีโร่]