ตอนที่ 2
ตนที่ 2 จิตวิญญาณอัญเชิญ..
“ห้ะ..?”ผมที่ร้องอุทานออกมาทำเหมือนกับว่าได้ยินไม่ชัด ผมตายแล้วจริงๆ แต่อยากจะรู้ว่าที่นี่มันคือที่ไหน..?
“เจ้าตายแล้ว..จากที่ข้าลองตรวจสอบดู สาเหตุการตายเป็นเพราะเจ้าหัวใจวาย แต่มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ดวงวิญญาณของเจ้าจะหลุดมาอยู่ในมิติของข้า..”
โอ๋~ ตายแบบเดียวกับคุณปู่เด๊ะๆ ผมที่รู้ดังนั้นก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อตายไปแล้ว
“คุณจะส่งผมไปเกิดใหม่อย่างนั้นหรอ..? เดี๋ยวสิก่อนอื่นเลย คุณเป็นใครกัน..?”ผมที่เริ่มตั้งคำถามกับคนตรงหน้า
“ข้าคือเทพธิดา มีนามว่าโซฟี..มีหน้าที่คอยควบคุมดูแลโลกที่มีชื่อว่า กาลัน..”
หลังจากที่ได้รับในคำตอบ ก็ทำให้ผมเริ่มที่จะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังคงรู้สึกใจแป๋วๆที่รู้ว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน..
“เอ๊ะ..เดี๋ยวนะ ถ้าฟังไม่ผิดเมื่อกี้คุณบอกว่าจะส่งผมไปเกิดใหม่ที่อีกโลกนึ่งใช่มั้ย..?”ผมที่รีบตั้งสติ ความคิดในตอนนี้ภาวนาขอให้เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
“ใช่..ข้าจะส่งเจ้าไปจุติที่กาลัน..”โซฟีที่ตอบกลับมา แต่สีหน้าของเธอยังคงแสดงความกระวนกระวายใจ
“ทำไมถึงไม่ส่งผมกลับไปเกิดใหม่ที่โลกเดิมกันล่ะ..?”
“ทำไม่ได้..โลกที่เจ้าจากมาอยู่ในการควบคุมดูแลของท่านผู้นั้น ข้าไม่อาจที่จะสามารถแทรกแทรงได้ เพราะฉะนั้นตัดใจซะเถอะ..”โซฟีที่พูดอธิบาย ยิ่งทำให้ผมเข้าใจในสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
สถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับพระเอกในสื่อแฟนตาซีที่ผมเคยเสพเลย คิดได้ดังนั้นแล้วจะรออะไรล่ะครับแจ่มแมวแบบสุดๆ ขอให้เป็นโลกเวทย์มนต์แฟนตาซีทีเถ๊อะ..
“โลกที่ผมจะต้องไปเกิดใหม่..มันเป็นโลกแบบไหนกันหรอครับ..?”ผมที่ถามกับเทพธิดา หัวใจกำลังเต้นโครมครามอย่างลุ้นระทึก
“โลกที่ข้าจะส่งเจ้าลงไปจุติ มันเป็นโลกที่ข้าดูแลอยู่นี้แหละ..มีทั้งเวทย์มนต์ที่โลกเดิมของเจ้าไม่มี อีกทั้งที่โลกแห่งนั้นก็ไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหรือล้ำสมัยเหมือนกับโลกเดิมของเจ้าด้วย ถ้าจะให้เปรียบล่ะก็คงจะเป็นยุคกลางของโลกที่เจ้าจากมานั่นแหละ อาจจะค่อนข้างลำบากแต่ยังไงๆเจ้าก็จะต้องไปเกิดใหม่ที่โลกแห่งนั้น..”
“เยส..!!!”ผมที่ดึงแขนเข้าหาลำตัว พร้อมส่งเสียงร้องออกมา ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนถูกรางวัลแจ๊คพ็อต นี่สินะ..คือความรู้สึกของพระเอกในสื่อที่เคยเสพ ต่อไปก็คงจะเป็นสิทธิพิเศษเกี่ยวกับพลังที่คนๆนี้จะต้องมอบให้สินะ จะเป็นพลังแบบไหนกันนะ ผมชักจะตื่นเต้นแล้วล่ะสิ
“เอาล่ะ..ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งเจ้าลงไปจุติที่โลกแห่งกาลันเลยล่ะกัน..”
“อะเร๊ะ..?”ผมที่ร้องอุทานออกมา หลังจากที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับพลังโกงๆที่พระเอกสมควรที่จะได้ ในระหว่างนั้นเทพธิดาโซฟีก็กางฝ่ามือมายังร่างของผม และก็ดูเหมือนว่ากำลังเตรียมที่จะเตะตูดส่งผมไปยังโลกที่เธอบอก
“ดะ…เดี๋ยว..!!!!”
“หืม..? มีอะไร..?”โซฟีที่เอียงคอถามด้วยความสงสัย ถึงมันจะน่ารักก็เถอะ แต่ยังจะมีหน้ามาถามอีก..!!!
“พลังของผมล่ะ..?”
“พลังอะไร..?”
นั่นนนน..!!! ยัยเทพธิดานี้คิดจะกวนประสาทเทพบุตรอย่างผมอย่างแน่นอน ผมที่พยายามจะสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเริ่มอธิบายพล็อตเรื่องที่ควรจะเป็นให้คนตรงหน้าได้เข้าใจ..
หลังจากที่อธิบายและใช้เวลาพูดคุยกับโซฟีอยู่นาน แล้วก็ดูเหมือนว่าคนๆนี้จะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้าง
“เสียใจด้วย..ของแบบนั้นมันเกินขอบเขตอำนาจของข้า ข้าคงไม่สามารถประทานพลังอย่างที่เจ้าหวังหรือต้องการได้ แล้วอีกอย่างนึ่งจากสิ่งที่เจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ไอ้ตัวละครในเรื่องเหล่านั้นมันเป็นความผิดของพระเจ้าที่ทำให้เกิดความผิดพลาดทำให้คนๆนั้นตาย แต่ก็แน่นอนว่าเรื่องในครั้งนี้มันไม่ใช่ความคิดของข้า ใครใช้ให้ดวงวิญญาณของเจ้าหลุดเข้ามาในมิติของข้าเองล่ะ..?”
นั่นล่ะครับ..คำตอบที่ผมได้รับหลังจากที่ยกสื่อตัวอย่างในอนิเมะหรือมังงะให้ท่านเทพธิดาโซฟีได้รับฟัง มันช่างเป็นคำตอบที่บั่นทอนจิตใจของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก นี่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้เข้าใจอะไรเลย..
“อึก..”ผมที่กลืนน้ำลายลงคอ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันจะไม่ใช่ผมที่ถือไพ่เหนือกว่า ไม่สามารถร้องขออะไรได้เลยหรอ..ไม่น้า..~
“และอีกอย่างนึงที่ข้าจะบอกเจ้า พระเจ้าที่เจ้าพูดถึง ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ท่านผู้นั้นเป็นคนคอยควบคุมโลกที่เจ้าจากมา..”โซฟีที่อธิบายให้ฟังต่อ ทำให้ผมได้แต่คอตกนั่งหง่อย แต่แล้วผมก็ฉุกคิดถึงหนทางออกดีๆขึ้นมาได้
“ถ้าอย่างนั้นคุณโซฟีก็บอกพระเจ้าให้ทำอะไรสักอย่างสิครับ..”
“ไม่ได้..!!!!”โซฟีที่ตอบกลับเสียงดังทันควัน แถมยังหันหลังให้ผมลงไปนั่งยองๆเอามือกุมหัวด้วยร่างกายที่สั่นระริก เธอเป็นอะไรกันนะ..?
“ปะ..เป็นเพราะข้า ปะ..เป็นเพราะข้าที่ไปเผลอเปิดประตูวิญญาณทิ้งเอาไว้ จึงทำให้ดวงวิญญาณจากโลกอื่นหลงทางเข้ามา..ถ้าท่านผู้นั้นรู้ข้าต้องแย่แน่ๆ..”
อ้าว..!!!!! เสียงสบถพึมพำที่ถึงแม้จะเบา แต่ผมกลับได้ยินมันอย่างชัดเจนเต็มๆทั้งสองรูหู ยัยเทพธิดานี่สินะที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้ดวงวิญญาณของผมหลุดเข้ามาในมิติแห่งนี้ แต่ก็นะ..ยังไงก็ขอขอบคุณมากๆ
“อ้าว..หลุดปากออกมาแล้ว เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณโซฟีเองสินะครับ..”ผมที่พูดกับเทพธิดาโซฟี ทำให้ร่างของเธอถึงกับต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้ว่าตัวเธอเองนั้นได้หลุดปากปล่อยไก่ออกมาเสียแล้ว
“มะ..ไม่นะ มะ..มันไม่ใช่ความผิด ขะ..ของข้..”
“แย่จัง..เป็นเพราะคุณโซฟี ผมถึงไม่ได้กลับไปเกิดใหม่ในโลกของผม ทั้งๆที่โลกแห่งนั้นสุขสบายกว่าตั้งเยอะ โลกเวทย์มนต์อะไรนั่นใครมันจะไปอยากไปกัน..”ผมที่เอาแขนยันพื้น พลันเสแสร้งปั้นสีหน้าให้ดูหดหู่และเสียใจมากที่สุด แต่ภายในใจน่ะหรอ หึๆ
“ฮึก..!!! ข้าขอโทษ เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของข้าเอง..!!”โซฟีที่ผงะถอยหลังไปสามก้าว รอบๆดวงตาของเธอเริ่มที่จะปรากฏหยดน้ำตาออกมาให้ได้เห็น ในเวลานี้เธอนั้นยอมรับผิดว่าเรื่องทั้งหมดคือความผิดของเธอเอง..
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยรับผิดชอบหรือทำอะไรสักอย่างทีเถอะครับ..”ผมที่พูดกับเทพธิดาตรงหน้า ในขณะที่ยังคงแสดงสีหน้าหดหู่อยู่
“ถะ..ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ตะ..แต่ข้าไม่สามารถมอบพลังให้แก่เจ้าได้จริงๆ ไม่ใช่ว่ามอบไม่ได้ แต่ไม่มีพลังอำนาจพอที่จะมอบให้..”โซฟีที่พูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความลำบากใจ ซึ่งเมื่อพบเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้โกหก เธอคงจะลำบากใจมากจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้เป็นไง ผมจะขอให้คุณโซฟีช่วยอะไรผมสัก 3 อย่างจะได้หรือเปล่าครับ..?”ผมที่คิดจะต่อรองหาข้อเสนอมายื่นให้แก่คนตรงหน้า แต่โซฟีกลับไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“มันเป็นความผิดของคุณนะครับ..”ผมที่พูดตอกย้ำ และมันก็เป็นผล..
“ขะ..เข้าใจแล้ว ไหนเจ้าลองว่ามาซิ..”
“ผมไม่อยากที่จะไปเกิดใหม่..ผมอยากที่จะไปยังโลกแห่งนั้นด้วยร่างเดิมของผม..”ผมที่ร้องขอข้อเสนอข้อแรก เหตุผลที่ผมไม่อยากจะไปเกิดใหม่ มันก็แน่นอนว่าไม่มีอะไรมารับประกันว่ายัยเทพธิดานี่จะไม่ลบความทรงจำของผม
“อะไรกัน..ถ้าเรื่องแค่นั้น..”
ฟุบ..~
โซฟีที่โบกสบัดฝ่ามือไปในอากาศ หลังจากนั้นจู่ๆร่างของใครบางคนก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของเธอ ในลักษณะที่ร่างๆนั้นกำลังนอนหงายหน้าแน่นิ่งอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วไอ้ร่างที่ว่า มันก็คือร่างของผมเองนั่นแหละ ตอนนี้ผมเป็นดวงวิญญาณจริงๆสินะ
“ข้านำร่างกายของเจ้ามาแล้ว ที่เหลือเจ้าก็แค่ผสานดวงวิญญาณเข้าสู่ร่าง ส่วนเรื่องร่างกายข้าก็ทำการฟื้นฟูเท่าที่จะทำได้ให้แล้ว เจ้าจะไม่หัวใจวายตายอีกต่อไป..”โซฟีที่พูดอธิบาย ในระหว่างนั้นผมก็สังเกตุเห็นว่าเธอกำลังทำอะไรสักอย่างกับร่างผมอยู่ แต่เท่าที่ดูๆแล้วมันคงจะเป็นการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกาย เอ๊ะ..แต่เดี๋ยวก่อนนะ..
“เห๋..~ ไหนคุณบอกว่าแทรกแซงที่โลกแห่งนั้นไม่ได้ แล้วนี่คุณเล่นเอาร่างของผมมา พระเจ้าจะไม่ตำหนิคุณหรอครับ..?”ผมที่ถามเทพธิดาด้วยความสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นคนบอกเองว่าแทรกแทรงโลกที่ผมจากมาไม่ได้
“ฮะ..เฮือก ลืมคิดไปเสียสนิท..ยะ..แย่แล้วไง แบบนี้แย่แน่ๆ มะ..ไม่น้า..!!!”โซฟีที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ ก่อนที่เธอจะหันกลับไปนั่งยองๆสติแตกอยู่คนเดียว ไอ้ผมที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความเอือมระอา..
นี่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลยสินะ..!! ทำไมคนแบบนี้ถึงได้มาเป็นเทพธิดากันนะอยากจะรู้จริงๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ เมื่อร่างกายมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าแล้ว ถึงผมจะไม่เข้าใจแต่จู่ๆร่างที่เป็นวิญญาณก็ลอยกลับเข้าร่างที่เป็นกายหยาบไป..
“อื้อ..~”ผมที่ลืมตาขึ้นมา และค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมานั่ง ในตอนนี้ความรู้สึกของผมเหมือนกับว่าได้เกิดใหม่เลยก็ว่าได้
“แย่แน่ๆ แย่แน่ๆ..”โซฟีที่ยังคงสติแตกอยู่กับการกระทำของตัวเอง
“คุณโซฟี..”
“หะ..ห๊ะ..?”โซฟีที่ได้ยินในคำพูดของผม ค่อยๆหันหน้ากลับมา..
“อย่างน้อยๆคุณก็ยังมีความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นผมจะไม่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ผมจะไปยังโลกแห่งกาลันก็ได้..”
“จะ..จริงๆนะ..”
“แต่เงื่อนไขก็ยังเหลืออีกสองอย่างนะครับ..”ผมที่ทำสีหน้าจริงจังและเคร่งเครียด ทำให้สีหน้าของเทพธิดาโซฟีต้องผันเปลี่ยนมาเคร่งเครียดด้วยเช่นกัน
“ขอถามก่อนนะครับ ก่อนที่เราจะมาตกลงกันเรื่องข้อเสนอ โลกที่ผมกำลังจะไปมันเป็นโลกเวทย์มนต์ เพราะฉะนั้นอะไรกันล่ะที่จะมารับรองความปลอดภัยของตัวผม ในเรื่องของพลังคุณโซฟีก็ไม่สามารถมอบมันให้ผมได้ ขืนไปทั้งแบบนี้มีหวังได้ตายอีกรอบแหง่ๆ..”ผมที่ระวังตัวและให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะถ้าให้เดาแล้วการที่จะไปยังโลกแห่งนั้น โดยที่ไม่มีพลังมันไม่ต่างอะไรกับการไปฆ่าตัวตาย
“อื้ม..~ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ แต่ถ้ามาลองคิดๆดูแล้ว โลกที่เจ้ากำลังจะไป มันเป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ก็จริง ทุกชีวิตมีพลังเวทย์ไหลเวียนอยู่ภายในกาย แต่ก็ไม่สามารถใช้มันออกมาได้..”
“หื้ม..? ทำไมถึงใช้ไม่ได้ล่ะครับ..?”อะไรกันฟ่ะ..ทุกๆคนมีพลังเวทย์แต่ดันใช้ไม่ได้เนี้ยนะ แบบนี้มันก็ไม่ใช่โลกเวทย์มนต์ที่เรารู้จักน่ะสิ
“จากที่ข้าลองแอบๆส่องความทรงจำของเจ้าดูแล้ว จะขออธิบายแบบยกตัวอย่างให้เจ้าเข้าใจได้ง่ายๆเลยล่ะกัน ทุกๆชีวิตที่โลกแห่งกาลันนั้นไม่สามารถใช้พลังเวทย์ออกมาแบบเป็นรูปธรรมได้ จึงจำเป็นจะต้องมีสื่อกลางในการปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา
โดยการอัญเชิญจิตวิญญาณในรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นสื่อกลางในการปลดปล่อยพลังเวทย์..”โซฟีที่อธิบายลากยาว ถึงผมจะเข้าใจในสิ่งที่อธิบายมาทั้งหมด แต่ก็อย่ามาแอบส่องความทรงจำของคนอื่นเขาสิฟ่ะ..!!
“หมายถึงอัญเชิญจิตวิญญาณในรูปแบบสิ่งมีชีวิตและใช้มันเป็นสื่อกลางในการปลดปล่อยพลังเวทย์ใช่หรือเปล่าครับ..?”
“ประมาณนั้น จริงๆถึงจะบอกว่าเป็นสื่อกลางก็เถอะ แต่ผู้อัญเชิญก็แค่เรียกมันออกมาด้วยพลังเวทย์ สิ่งมีชีวิตที่ถูกอัญเชิญออกมา จะมีระดับความแข็งแกร่งในตัวของมันเอง อีกทั้งยังสามารถพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นไปได้เรื่อยๆ โดยที่ผู้อัญเชิญแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลยนอกจากเรียกมันออกมา
ส่วนเรื่องที่ว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอมันก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตาที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด แต่ถึงจะอ่อนแอยังไงก็ยังสามารถที่จะพัฒนาขึ้นไปได้ เรื่องยิบย้อยพวกนี้ลองไปศึกษาหาความรู้หลังจากที่ได้ไปเยือนเอาเองล่ะกัน มันค่อนข้างที่จะซับซ้อนและยืดยาวน่ะ..”
‘แต่ไอ้เรื่องยิบย้อยที่ว่านั่นมันขึ้นอยู่กับความเป็นความตายของผมเลยนะ..!!!’ผมที่ได้แต่กู่ร้องอยู่ภายในใจด้วยความหัวเสีย..
‘เอ้..แบบนี้คนที่โลกแห่งกาลันก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาที่แค่มีพลังเวทย์น่ะสิ โลกแห่งซัมมอนเนอร์งั้นเหรอ ก็เจ๋งดีแห๊ะ..’
“ถ้าอย่างงั้นขอแค่เป็นจิตวิญญาณอัญเชิญดีๆสักตัว ท่านเทพธิดาโซฟีคงจะมอบมันให้ผมได้สินะ..?”ผมที่เปิดประเด็นร้องขอข้อเสนออย่างที่สองด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับ
“ข้าได้ทำการมอบมันให้แก่เจ้าแล้ว จิตวิญญาณอัญเชิญของเจ้า ข้าได้ดึงสิ่งมีชีวิตแถวๆสถานที่สุดท้ายที่เจ้าตายในโลกของเจ้ามาใส่ๆให้..”โซฟีที่ตอบกลับและเหมือนจะพยายามฝืนยิ้มออกมา หลังจากที่เธอพยายามจะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าให้แก่ผม
ตะ..แต่เดี๋ยวก่อน..ไอ้คำที่บอกว่าหามาใส่ๆให้ทำไมฟังดูแล้ว มันถึงรู้สึกแหม่งๆเหมือนกับว่าขอไปทียังไงยังงั้น และไอ้ที่บอกว่าเอาสิ่งมีชีวิตในสถานที่สุดท้ายที่ผมตายมาใส่เป็นจิตวิญญาณอัญเชิญให้ สถานที่สุดท้ายที่ตายมันก็คือป่าช้าไม่ใช่หรอฟ่ะ ผมชักเริ่มที่จะรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วล่ะสิ หวังว่าคงจะไม่ใช่แมลงหรือคางคกอะไรจำพวกนี้นะ
เอ๊ะ..ต่อให้ไม่ใช่คางคกหรือแมลง ไอ้จิตวิญญาณอัญเชิญของคนในโลกแห่งกาลัน ถ้าเดาๆดูแล้วก็คงจะไม่ธรรมดา ยิ่งเป็นโลกแห่งเวทย์มนต์แล้ว เผลอๆมันอาจจะมีคนที่มีจิตวิญญาณอัญเชิญเป็นมังกรก็ได้ และนี่อะไรเล่นเอาสิ่งมีชีวิตในโลกของผมมาใส่ แบบนี้มีหวังได้ตายฮ้องของจริงแน่ๆ..!!!
“อ่ะ..ถ้าอย่างนั้นไปดีมาดีนะ..”โซฟีที่จู่ๆก็พูดขึ้น จึงทำให้ผมหลุดออกภวังค์ ตะกี้ว่าอะไรน่ะ..? เฮ้ย..แล้วไอ้วงเวทย์ใต้ขาของผมนี้มันคืออะไร อย่าบอกนะว่ายัยเทพธิดานี่คิดที่จะเตะตูดส่งผมแล้ว
“ฮะ..เฮ้ยๆ ดะ..เดี๋ยวก่อน ยังเหลือข้อเสนออีกข้อนึง..”ผมที่ชันตัวลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าไปหาโซฟี แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีกำแพงที่มองไม่เห็นมากั้นกลางระหว่างร่างของผมกับยัยเทพธิดานี้เอาไว้
“จะ..จริงสิ ลืมไปเสียสนิทเลย..!!!”
เฮ้ย..!! นี่คิดจะกวนประสาทกันสินะ..!!! เวรล่ะไง..ยังไม่รู้วิธีเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญออกมาเลย
“ผะ..ผมจะต้องทำยังไงถึงจะสามารถเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญออกมาได้..?”ผมที่ถามโซฟีด้วยความร้อนรน เพราะในเวลานี้ตรงบริเวณขาของผมเริ่มที่จะสลายหายไปที่ละนิด และมันกำลังลามขึ้นมาจนถึงหัวเข่าอย่างรวดเร็ว
“อะ..เอ่อคือ ต้องควบคุมพลังเวทย์ และหลับตาเพ่งสมาธินึกถึงจิตวิญญาณที่อยู่ภายในตัวล่ะมั้งนะ..”โซฟีที่รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว แต่ขอทีเถอะอย่ามั้งสิฟ่ะ..!!!
“ขะ..ขอบคุณ คุณโซฟีมากๆนะครั..เอ๊ะ..แต่เดี๋ยวนะ..ควบคุมพลังเวทย์..? แล้วได้ใส่พลังเวทย์เข้ามาในตัวให้ผมหรือเปล่า..?”
ผมที่ตัดใจในข้อเสนออย่างที่สาม เพราะคงจะขอไม่ทันแล้ว จึงเลือกที่จะใช้เวลาในช่วงจังหวะสุดท้ายกล่าวอำลากับเทพธิดาตรงหน้าแทน แต่จู่ๆผมก็ฉุกคิดถึงใจความสำคัญในการเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญขึ้นมาได้
“จะ..จริงด้วย..ยะ..แย่แล้ว..เรื่องที่สำคัญที่สุดแต่ข้ากลับลืมมันไปได้ยังไง..!!”
คำตอบที่ผมได้รับจากโซฟีในครั้งนี้ มันก็ทำให้ผมได้แต่ยืนสตั๊น ถ้าไม่ติดว่าคนตรงหน้าเป็นสาวสวยหน้าตาน่ารัก ผมก็อยากจะกระโจนเข้าไปต่อยสักทีให้รู้แล้วรู้รอด ติดอยู่เพียงแค่มันมีกำแพงที่มองไม่เห็นมากั้นเอาไว้เท่านั้น ไม่อย่างงั้นยัยเทพธิดาบ้านี่ก็คงจะหน้าหง่ายไปนานแล้ว..(ไรต์:สรุปก็จะต่อยไม่ใช่หรอฟ่ะ..!!!)
“โซฟี..”
“วะ..ว่ายังไง..?”
“ระวังจะลืมหายใจนะ ไอ้เทพธิดาเฮงซว..!!!!!!”
ช้างที่ตะโกนข่มขู่โซฟีทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนที่ร่างกายของชายหนุ่มจะสลายหายไป เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาได้ถูกส่งตัวออกจากมิติแห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย..
“เฮ้อ..เรานี่ขี้ลืมจริงๆ..”
หลังจากที่ช้างจากไปแล้ว โซฟีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แต่จะว่าไป เจ้ามนุษย์คนนั้นยังจะมีหน้ามาขอพลังจากเราอีก ที่ต้องโกหกไปว่ามอบให้ไม่ได้ จากที่ดูๆภายในความทรงจำคร่าวๆของเจ้านั้นแล้ว มันไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
ถึงที่โลกแห่งนั้นความเป็นอยู่ส่วนใหญ่ของสิ่งมีชีวิตจะถูกกำหนดด้วยพลังเวทย์ก็ตาม แต่ก็ยังมีพลังงานปริศนาที่อยู่ภายในโลกแห่งนั้น แถมยังมีปริมาณมหาศาลและมีมวลที่หน่าแน่นยิ่งกว่า สำหรับคนที่โลกแห่งกาลันแล้ว ไม่มีใครที่สามารถสัมผัสหรือรู้วิธีใช้พลังงานปริศนาดังกล่าว
แต่ถ้าเป็นเจ้ามนุษย์คนนั้นจะต้องรู้วิธีใช้มันแน่ๆ เอ้..แต่ไอ้พลังงานปริศนาที่ว่ารู้สึกว่าในอดีตที่โลกเดิมของเจ้ามนุษย์คนนั้น จะเคยมีพลังงานปริศนาแบบเดียวกันอยู่ด้วยสินะ
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้มวลพลังเบาบางและจางลง มันจึงทำให้คนในยุคสมัยปัจจุบันไม่สามารถใช้พลังที่ว่าได้ ประกอบกับมีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่เข้ามาทดแทน พลังดังกล่าวจึงค่อยๆถูกลืมและหายไปตามกาลเวลา ไอ้พลังที่ว่ารู้สึกจะถูกเรียกว่าพลังแห่งไสยศาสตร์..สินะ”โซฟีที่พูดคนเดียว พร้อมกับชายคางเดินวนเวียนไปมาด้วยความกังวลใจอยู่ๆลึกๆ
“ถ้าขืนเป็นแบบนั้น..เจ้ามนุษย์คนนั้นคงจะสร้างความโกลาหลให้แก่โลกแห่งกาลันได้ไม่น้อย..”โซฟีที่คาดการณ์ถึงผลลัพธ์ มันก็ยิ่งทำให้สีหน้าของเธอแสดงความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก..
“แต่ก็เถอะนะ..อีกไม่นานโลกแห่งกาลันก็คงจะต้องพบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อยู่ดี..”โซฟีที่สบัดฝ่ามือไปในอากาศ ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีนาฬิกาทรายเรือนใหญ่ปรากฏออกมาลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ
“เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 10,000 ปี..ก่อนที่หายนะจะมาเยือน..”หญิงสาวที่พูดขึ้น ถึงแม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีสำหรับมนุษย์มันอาจจะเป็นช่วงเวลาอันแสนยาวนาน แต่สำหรับเธอแล้ว มันคงไม่ต่างอะไรกับช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเพียงเท่านั้น
✢✢✢✢✢✢✢✢✢✢✢✢
ตัดกลับมาที่ทางด้านของช้าง..
ฟ้าว..!!!!!!!
“จ๊ากกกกกกกก..!!!! ไอ้เทพธิดาเฮงซวย ส่งมาดีๆไม่ได้หรอฟ่ะ..!!!!!!!”ผมที่กู่ร้องออกมาจนเสียง ทำไมน่ะหรอ..? ก็เพราะในตอนนี้ผมกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า และกำลังดิ่งทะยานลงสู่พื้นดินทางเบื้องล่าง
ในเวลานี้สถานที่ๆอยู่ทางเบื้องล่างของผมคือผืนป่าขนาดใหญ่ ถ้าคิดจะส่งมาแบบนี้ทำไมไม่ให้ร่มชูชีพมาด้วยฟ่ะ..!! ส่วนของเดี๋ยวค่อยลงไปหาฟาร์มเอาทีหลัง แล้วตอนนี้มันใช่เวลามาเล่นมั้ยฟ๊าาาา..!!!!
“จ๊ากกกกกกกกกก..!!!!!”
ฟ้าว..!!!!!!
ตู้ม..!!!!!!!
พรวด..!!!
“แค่กๆ..เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ..?”
ราวกับปฏิหาร์ที่ร่างของผมตกลงยังทะเลสาปแห่งนึ่งถือว่าโชคยังดี ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะกลายเป็นปุ๋ยให้กับผืนป่าแห่งนี้ไปแล้ว
หลังจากที่ตั้งสติได้ ผมก็รีบว่ายน้ำมุ่งหน้าเข้าหาฝั่งที่อยู่ไม่ไกลก่อนเป็นอันดับแรก ทันทีที่ขึ้นมาบนฝั่งได้ก็นอนแอ้งแม้งหายใจด้วยความเหนื่อยหอบอยู่พักใหญ่ๆ
“แฮก ๆ ๆ ๆ..”
ฟุบ..!!~
“ไม่ใช่ความฝันจริงๆสินะ..”ผมที่ชันตัวลุกขึ้นมานั่ง พลางแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพบว่าข้างบนนั้นมีดวงดาวมากมายที่ลอยเด่นเป็นสง่า แถมยังมีดวงจันทร์สีฟ้าสว่างที่สาดแสงส่องลงมายังพื้นผิวของโลกใบนี้ ในเวลานี้เป็นเวลากลางคืน..
“อันดับแรกเลย สิ่งที่ต้องทำก็คือ..”ผมที่เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ พร้อมกับหลับตาลงเพ่งจิตตามคำแนะนำของยัยเทพธิดาเฮงซวยนั่น แต่ผมกับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอะไรเลยแม้แต่น้อย..
“แบบนี้ซวยของจริง..”ผมที่สบถออกมา ในใจเริ่มที่จะรู้สึกหวั่นๆ ก่อนจะเริ่มสอดส่องสายตามองไปรอบๆ แต่ก็พบเพียงแต่ความเงียบสงัด มันเงียบแบบชนิดที่ว่าไม่มีเสียงของลมหรือสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆเลยทั้งสิ้น
“เกลียดบรรยากาศแบบนี้เข้าไส้..”ผมที่สบถออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อจากนั้นก็ทำการเปิดย่าม เพื่อตรวจดูสิ่งของที่ติดตัวมาด้วย เผื่อจะพอมีอะไรที่มันใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ตอนนี้ได้บ้าง แต่มันก็มีแต่ของที่ไร้ประโยชน์ ขอโทษน่ะครับปู่..~ แต่มันก็ไร้ประโยชน์จริงๆนั่นแหละ..
“ยังดีที่มีไฟฉาย..ฮะ..เฮ้ย ทำใจดีๆเอาไว้ อย่าพึ่งเสียนะ..”
ในเวลานี้อุปกรณ์ที่พอจะเป็นประโยชน์เพียงหนึ่งเดียวดันติดๆดับๆ เหมือนจะเป็นเพราะน้ำเข้า ผมนั้นใช้เวลาเคาะมันอยู่นาน จนในที่สุดมันก็สามารถที่จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ..
แต่มันก็คงจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเสียเท่าไหร่ ถ้าจะเปิดไฟฉายและเดินไปไหนมาไหนในป่าที่ต่างโลก ผมจึงตัดสินใจปิดมันและเริ่มที่จะออกเดินทาง เพื่อตามหาบ้านเรือนและผู้คนก่อนเป็นอันดับแรก..
ฟุบ..~ ฟุบ..~
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..
ผมที่กำลังเดินอยู่ภายในป่ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้มันช่างวังเวง แถมยังน่ากลัวยิ่งกว่าป่าช้าเสียอีก และตั้งแต่ที่ผมย่างกายเข้ามาภายในป่าแห่งนี้ ผมก็สัมผัสได้ว่ามันเหมือนกับมีใครที่กำลังคอยแอบมองผมอยู่ตลอดเวลาจากรอบทิศทาง..
ฟุบ~ ฟุบ~
ผมที่รีบเร่งฝีเท้าเปลี่ยนจากการเดินมาเป็นกึ่งวิ่ง ส่วนสายตาก็ยังคงหันกลับไปมองยังทางด้านหลังด้วยความหวาดระแวง จนไม่ได้มองทางข้างหน้า..
ผลัก..!!
“โอ้ย..!!!”
ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่ ผมก็ได้วิ่งไปชนเข้ากับอะไรบางอย่าง จนหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า สัมผัสแรกที่ผมชนกับเจ้าสิ่งนั้น มันรู้สึกนุ่มๆคล้ายคลึงกับขนของสัตว์
และทันทีที่ผมตั้งสติและมองสิ่งที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้า ใบหน้าของผมก็พลันต้องซีดเสียไปในทันที เมื่อผมพบเข้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตสี่ขาขนาดใหญ่ขนปุกปุย ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ดวงตาของมันกำลังฉายแววเปล่งประกายคล้ายเลือด
“จ๊ากกกกกก..!!!! หมี..!!!!!!!!”ผมที่ร้องตะโกนออกมาจนสุดเสียง ในตอนนี้ร่างกายกำลังสั่นกลัวจนไม่สามารถขยับได้
“โฮก..!!!!”หมียักษ์ที่ส่งเสียงคำรามใส่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กตรงหน้า การคำรามของมันปรากฏเป็นคลื่นเสียงทำให้ผมของช้างเกิดการปลิวไสว ก่อนที่มันจะยกกรงเล็บอันแสนคมกริบขึ้นสูงและเตรียมพร้อมที่จะตะปปลงใส่สิ่งมีชีวิตตรงหน้า..
ฟุบ..
ตู้ม..!!!!!!
ผมที่รีบกลิ้งตัวหลบออกมาทางด้านข้าง ทำให้การโจมตีของเจ้าหมียักษ์พลาดเป้า ทำให้กรงเล็บของมันตะปปลงไปยังพื้นดิน แต่ผมก็ต้องหน้าเสียหนักยิ่งกว่าเก่า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่าตรงบริเวณพื้นดินที่หมีตะปปกรงเล็บลงไป มันส่งผลทำให้เกิดเป็นหลุมยุบขนาดเล็กๆ แต่ถ้าโดนเข้าไปคงจะไม่ต้องอธิบายสภาพ เละแน่นอน..
“กะ..เกือบไปแล้ว..”ผมที่ยืนมองร่างของเจ้าหมี ที่ในตอนนี้ได้ชักกรงเล็บกลับเข้ามา
หมีกับโลกแฟนตาซี..ดูธรรมดาจัง แต่ไอ้ตัวธรรมดาๆนี้มันสามารถตะปปพบให้ร่างขาดครึ่งได้อย่างง่ายๆเลย
ซูม..~
จู่ๆทันใดนั้นอุณหภูมิรอบๆบริเวณก็ร้อนลุ่มขึ้นมา ก่อนที่ร่างของเจ้าหมียักษ์จะปรากฏเปลวเพลิงที่ลุกโชนไปทั่วทั้งร่าง
“มะ..ไม่ ขำนะเว้ย..ติดไฟได้ด้วย..!!”
ผมที่พูดออกมาด้วยความหวาดกลัวยกกำลังสอง ใจนั้นวิ่งหนีไปไกลแล้ว แต่ตัวกลับไม่ขยับก้าวขาไม่ออก
“โฮก..!!!!!!!!!”
หมียักษ์ติดไฟที่หันหน้ามาจ้องมองผม ก่อนที่มันจะค่อยๆเคลื่อนตัวเดินตรงเข้ามาใกล้อย่างไม่เร่งรีบ เหมือนมันจะรู้ว่าเหยื่อกลัวจนไม่สามารถที่ขยับตัวได้
“วะ..เวรล่ะไง ทะ..ทำยังไงดี..!!!”ผมที่สติแตกกระเจิง แต่ก็พยายามที่จะรวมรวบมันกลับเข้ามา พลันหลับตาลงเพื่อทำสมาธิอีกครั้ง ส่วนฝ่ามือก็กางออกไปข้างหน้า
‘ขะ..ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ..!!’ผมที่หลับตาปี๋ พร้อมกับสวดภาวนาอยู่ภายในใจ ในตอนนี้ผมสัมผัสได้ว่าเจ้าหมียักษ์มันก็ได้เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟุบ..!!!
เสียงที่เหมือนกับว่ามีอะไรหวดแหวกอากาศ ถึงแม้จะหลับตาอยู่ก็สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังง้างกรงเล็บอีกครั้ง
“ขอร้องล่ะ..จะเป็นตัวอะไรก็ได้..จงออกมาจิตวิญญาณอัญเชิญของผม..!!!!!!!”ผมที่กู่ร้องออกมาจนสุดเสียง ในขณะที่ยังคงหลับตาแน่น
“โฮก..!!!!”
ฟุบ..!!!!!
“ตายฮ้อง..!!!”ผมที่สัมผัสได้ถึงกรงเล็บของเจ้าหมียักษ์ที่กำลังตะปบวาดแหวกอากาศลงมา แต่ในขณะเดียวกันนั้น ผมก็ยังสัมผัสได้อีกว่า มันเหมือนมีแสงสว่างอะไรบางอย่างที่ปรากฏออกมาอยู่ต่อหน้าของผมด้วยเช่นกัน
วิ๊ง..!!!!!!”
ผลั๊วะ..!!!!
ตู้ม..!!!!!!!!!!!!
“นะ..นี่มันอะไรกัน..?”เสียงใสๆของเด็กผู้หญิงที่ดังขึ้นอยู่ต่อหน้าของผม ทำให้ผมค่อยๆรวบรวมสติลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าคือหญิงสาวผมสีดำสลวย ไม่ใช่เด็กผู้หญิงอย่างที่คิด ทันทีที่เธอหันหน้ากลับมามองผม ผมถึงกับต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าของเธอนั้นสวยเป็นอย่างมาก ดวงตากลมโตสีดำ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเลือด..ใช่ฟังไม่ผิดหรอกครับ รอบๆปากของเธอมีเลือดที่ติดอยู่
“ฮะ..เฮ้ย..?”ผมที่ร้องอุทานออกมา เมื่อสายตาของผมเหลือบมองผ่านหญิงสาวตรงหน้าไป ก็พบว่าเจ้าหมียักษ์ที่เข้ามาจู่โจม บัดนี้อยู่ห่างจากตัวของผมไปไกลกว่า 20 เมตร
วูบ..!!~ วาบ..!!~
แต่แล้วก็มีแสงสว่างสีเขียวที่วูบวาบติดๆดับๆ ต้นต่อมาจากหญิงสาวตรงหน้าไม่ผิดแน่ จากที่ตอนแรกผมโฟกัสแค่ใบหน้าของเธอ มันจึงทำให้ในเวลานี้สายตาของผมค่อยๆเลื่อนต่ำมองลงมา
ตุบ..!!!
ผมที่เข่าอ่อนทรุดตัวลงไปคุกเข่าโดยอัตโนมัติ ร่างกายเกิดการสั่นกลัวแบบยกกำลังสาม หลังจากที่ได้เห็นในสิ่งที่ไม่คาดฝัน ซึ่งไอ้สิ่งที่ว่าก็คือสาวสวยตรงหน้าของผมนั้นไม่มีร่างกาย มีเพียงแค่อวัยวะภายในและใส้ที่เหมือนจะผูกติดกับคอเอาไว้ ประกอบกับแสงสว่างสีเขียวที่วูบวาบติดๆดับๆ ทำให้ผมบรรลุได้ในทันทีว่าสิ่งที่ยัยเทพธิดาโซฟีนั้นพูด มันหมายความว่ายังไงกัน..
“กระสือ..เอาจริงดิ…??”
“ก็เออน่ะสิ..นี่มันเรื่องอะไรกัน..?”
Chapters
Comments
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 18 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 17 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 16 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 15 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 13 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 12 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 11 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 10 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 9 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 8 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 7 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 6 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 5 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 4 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 3 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 1 เมษายน 29, 2022
MANGA DISCUSSION