ตอนที่ 10
ตนที่ 10 เซย่า..
“หัวใสดีนิไอ้เวร..แกหาเรื่องผิดคนแล้ว..!!”
แป๊ะ..!!!
ผมที่ง้างฝ่ามือสุดกำลัง ก่อนตบเช็ดเข้าไปที่หัวของไอ้โล้นตรงหน้าจนหัวลั่น ซึ่งเมื่อมันโดนเข้าไปก็ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ทะ..ทำไม ถะ..ถึง ขยับตัวไม่ได้..”หญิงสาวปริศนาที่สบถออกมา ฝ่ามือที่กำลังจับด้ามดาบกำลังสั่นระรัวเป็นเพราะเธอพยายามที่จะฝืนการสะกดเพื่อขยับตัว แต่ก็ไม่ว่าจะพยายามยังไงเธอไม่สามารถที่จะทำได้..
“จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไรหรอกนะ..”ผมที่โกรธจัดจนเกือบที่จะยับยั้งตัวเองเอาไม่อยู่พูดขึ้น ในระหว่างนั้นก็ย่อตัวนั่งยองๆ พลางเก็บของที่ตกอยู่กลับเข้าย่าม
ชิ้ง..~
“แต่กับแกที่กล้ามาใช้เท้าเขี่ยของสำคัญของฉัน..”ผมที่หยิบมีดหมอออกมาจากย่ามและชักมันออกมาจากฝัก ถึงไอ้เวรตรงหน้าจะไม่ได้เป็นคนที่เขี่ยของสำคัญ แต่มันเป็นตัวการที่สั่งให้ลูกสมุนทำเรื่องทั้งหมด
“กะ..แกจะทำอะไร ถะ..ถ้าแกฆ่าฉันในโรงประมูลแห่งนี้ เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่..”ไอ้โล้นหัวใสที่ขยับปากพูดด้วยความยากลำบาก
“อ่อ..งั้นหรอ ฉันก็แค่บอกว่าแกเป็นคนขโมยไพ่จิตวิญญาณของฉันไปก็เท่านั้น หึๆ..”ผมที่คิดจะใช้แผนการเดียวกันกับที่ไอ้เวรนี่คิดจะใช้ในตอนแรก ต้องขอขอบใจมันที่พูดให้ผมได้รู้ถึงกฏระเบียบของโรงประมูลนี้
“นะโมพุทธายะ..!!”
ท่ามกลางสายตานับหลายคู่ของกลุ่มคนที่กำลังจับจ้องมองมาด้วยความตื่นตระหนก ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาพนมและร่ายคาถาเป่าลงไปที่ใบมีด ก่อนจะง้างและเตรียมที่จะวาดมันออกไปยังร่างของไอ้โล้นตรงหน้าแบบสุดกำลัง..
ฟุบ..!!!!
“อยะ..อย่านะ..!!!”
ฉับ..!!!!
ทันทีที่ผมทำการวาดมีดลงไป ไอ้โล้นที่เห็นดังนั้นก็ร้องลั่นออกมาด้วยความหวาดผวา ในเวลานี้มันกำลังหลับตาแน่น แต่หลังจากนั้นไม่นานนักมันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“หะ..หืม..ฮะ..ฮ่า ฮ่าๆ ๆ ๆ แกคงไม่กล้าสินะ..!!!”ไอ้โล้นที่ค่อยๆเกริ่นเสียงหัวเราะออกมา เพราะเห็นว่าคมมีดของผมไม่ได้ฟันถูกตัวของมัน
“ชิ..เดาไม่ผิดอาคมเสื่อมแล้วสินะ..”ผมที่จิปากสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนแรกก็วาดมีดออกไปยังร่างของไอ้โล้นแบบเฉียดๆ เพื่อต้องการจะให้คลื่นคมดาบผ่าร่างของมัน เพราะไม่อยากที่จะให้ใบมีดต้องแปดเปื้อนเลือดชั่ว แต่มันกลับไม่เป็นผลดูเหมือนว่าอมคมของมีดหมอจะเสื่อมสภาพลงไปในตอนที่ถูกลูกสมุนของมันใช้เท้าที่เป็นของต่ำเขี่ยเพื่อควานหาของ จึงทำให้อาคมของมีดหมอเสื่อมสภาพลงไป
“ฮ่าๆ ๆ .!!!”
ฉั๊วะ..!!!!!
ตุบ..×2
ในขณะที่ไอ้โล้นกำลังระเบิดเสียงหัวเราะ จู่ๆก็มีเสียงของคมมีดที่วาดตัดอากาศดังขึ้น พุ่งแสกหน้าผ่ากลางให้ร่างของมันแยกออกเป็นสองส่วน
“อ้าว..ไม่เสื่อมนี่หว่า..แบบนี้ก็เจ๋งไปเลย..~”ผมที่พูดขึ้นพร้อมกับฉีกรอยยิ้ม และมันก็ทำให้ผมได้รู้ข้อมูลเพิ่มขึ้นมาอีกว่า ถ้าอยู่ในโลกใบนี้ไม่ว่าจะผิดกฏหรือข้อห้ามใดๆ คาถาอาคมก็จะไม่มีวันเสื่อม..
“อโหสิให้ด้วย..”ผมที่พูดกับซากศพตรงหน้า ความรู้สึกหลังจากที่ได้ฆ่าคนเป็นครั้งแรกมันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบาย ร่างกายของผมในเวลานี้กำลังสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่สามารถหยุดสั่นได้ แต่ก็นะ..ถ้าขืนปล่อยเอาไว้ มันก็คงจะต้องไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีกแน่ๆ
“ฆะ..ฆ่าไปแล้ว..”
“กระ..กรี๊ด..!!!”
“จะ..เจ้าเด็กนั่นฆ่าคนในโรงประมูลเปียโน้..!!”
แต่แล้วจู่ๆเสียงของผู้คนที่กำลังมุ่งดูก็ดังขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถขยับตัวหรือวิ่งหนีได้เลย เมื่อผมเห็นดังนั้น จึงรีบก้มลงไปหยิบไพ่จิตวิญญาณของตัวเอง ก่อนจะเอามันเก็บเข้าไปภายในย่าม และทำการคลายมนต์สะกด..
เป๊าะ..!!!
ฟุบๆ ๆ ๆ
ท่ามกลางความตื่นตระหนก หลังจากที่ผมดีดนิ้ว ร่างกายของทุกๆคนก็หลุดจากมนต์สะกด และกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ โดยที่หญิงสาวปริศนาหลังจากที่หลุดออกจากมนต์สะกด ร่างของเธอก็เซไปทางด้านหน้า แต่ก็ยังสามารถที่จะตั้งหลักเอาไว้ได้ทันจึงไม่เสียหลักล้มลงไป..
ซึ่งคาถาที่ผมใช้สะกดทุกๆคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ คือคาถาสะกดการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันกับนะจังงัง แต่ที่เลือกใช้คาถานี้เป็นเพราะมันมีคำร่ายที่สั้นกว่า แถมยังให้ผลลัพธ์ครอบคลุมหลายเป้าในรัศมีที่กำหนด ต่างจากนะจังงังที่จะหยุดเป้าหมายได้เพียงแค่เป้าหมายเดียว
“นะ..นี่ ธ..เธอน่ะ..”เสียงของหญิงสาวปริศนาคนเดิมที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาหาผม และเมื่อผมหันไปมองเธอ จู่ๆภาพที่เห็นมันกลับเบลอและพร่ามัว วะ..เวรแล้วไง เผลอใช้คาถาสะกดนานไปหน่อย
ตุบ..
และสิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นก็คือภาพของหนองโพคู่โตที่กำลังเด้งดึ๋งดั๋งตรงเข้ามาใกล้ ก่อนที่สติของจะดับวูบลงไป..
หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อได้สติอีกครั้งผมก็สัมผัสได้ว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่แขนทั้งสองข้างกำลังไขว้หลังอยู่ อีกทั้งยังถูกล่ามด้วยโซ่ล็อคติดกับเก้าอี้เอาไว้
“อื้อ..~”ผมที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา สถานที่ๆผมกำลังนั่งอยู่ในเวลานี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมสีเทาที่มีขนาดความกว้างไม่มากนัก ตรงด้านหน้ามีเก้าอี้อีกตัวถูกจัดวางเอาไว้ ในลักษณะที่หันหน้าเข้าหาเก้าอี้ของผม..
แกร๊ก..!!
เสียงของประตูห้องที่อยู่ทางด้านหน้าสุดหลังเก้าอี้กำลังถูกเปิดออก ก่อนจะปรากฏให้เห็นร่างของคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามา คนแรกเป็นชายวัยกลางคน แต่กลับมีใบหน้าที่หล่อเหลา เขาคนนั้นอยู่ในชุดสูทสีดำแบบย้อนยุค ส่วนคนที่กำลังเดินตามหลังมา ถ้าผมจำไม่ผิดคือผู้หญิงปริศนาคนเดียวกันกับที่เข้ามาช่วยผมเอาไว้
“จิตวิญญาณอัญเชิญจงออกมา..!!!”ผมที่ไม่รู้ว่าชบาตื่นหรือยัง แต่ผมก็ได้เรียกเธอออกมา เพราะไม่มีทางเลือกจากสถานะการณ์ขับขันที่กำลังเกิดขึ้น แต่ทว่ากลับไม่มีวี่แววว่าชบาจะปรากฏตัวออกมา
“เปล่าประโยชน์..โรงประมูลแห่งนี้มีหินดาเนีย เธอเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญออกมาไม่ได้หรอก..”ชายตรงหน้าที่พูดอธิบายให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าของผม
“ขอแนะนำตัวก่อน..ฉันเปียโน้ เจ้าของโรงประมูลแห่งนี้..”ชายตรงหน้าที่กล่าวแนะนำตัว พร้อมกับยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ส่วนฝ่ามือทั้งสองข้างเอามาผสานตั้งวางอยู่บนตักอย่างสุขุม..
‘มะ อะ อุ โอ อุ โอ อะ โอ มะ ฯ คาถาสะเดาะ..’ผมที่นั่งก้มหน้าบริกรรมคาถา ก่อนจะออกแรงสะบัดข้อมือสุดกำลัง ส่งผลทำให้โซ่กุญแจมือที่กำลังพันธนาการพลันต้องหลุดออกในทันที
เคร้ง..!!!!
ทันทีที่โซ่กุญแจมือหลุดออก คนทั้งสองตรงหน้าก็ถึงกับผงะหน้าเสียด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งผมก็ได้แต่ฉีกรอยยิ้ม แสดงออกให้พวกเขาเห็นว่าผมไม่ได้คิดที่จะขัดขืนแต่อย่างใด
“ผมชื่อหมื่นกรินณ์ คชสาร หรือจะเรียกสั้นๆว่าช้างก็ได้ครับ..”ผมที่แนะนำตัว พลางยื่นฝ่ามือออกไปหาเปียโน้ เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าลังเล ก่อนจะค่อยๆเอื้อมแขนมาจับมือกับผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท แต่ผมไม่ค่อยชอบให้ใครมาจับล็อคแขนล็อคขาสักเท่าไหร่..”ผมที่พูดกับเปียโน้ ก่อนจะตบท้ายด้วยการฉีกรอยยิ้ม ถึงกับทำให้ความสุขุมที่เขามีพลันต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็นความกดดันในทันที
“ว่ามาสิครับ..คุณจะต้องมีเหตุผลแน่ๆที่จับผมมาขังเอาไว้..”
“นายท่าน..มีปัญหาอะไรหรือเปล่า..?”
ในขณะที่ผมกำลังพูดกับเปียโน้ จู่ๆก็มีเสียงทุ่มๆของใครบางคนที่กล่าวถามดังมาจากทางด้านนอกของห้อง
“ไม่มีอะไร..”เปียโน้ที่ชำเลืองตามองมาที่ผมอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจตะโกนบอกใครบางคนที่รออยู่นอกห้อง
“อะ..เออคือ ธะ..เธอเป็นคนที่ก่อเรื่องในโรงประมูลของฉันใช่หรือเปล่า..? ผู้หญิงคนนี้คือพยานรู้เห็นเพียงคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม..”เปียโน้ที่ถามผม พร้อมกับผายมือออกไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“สวัสดีครับ..”
“สะ..สวัสดี..ขอแนะนำตัว ฉะ..ฉันชื่อเซย่า..”หญิงสาวปริศนาที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ สีหน้าของเธอนั้นกำลังแสดงออกถึงความตกตะลึงปนสงสัย เซย่า..งั้นหรอ..? ถ้าให้เดาจิตวิญญาณอัญเชิญของเธอคงจะเป็นม้าเปกาซัส ถุ้ย..!!
“อย่างที่คุณพูดครับ ผมเป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในโรงประมูลของคุณ..”
“เป็นเธอจริงๆสินะ..”
“แต่..ไอ้เวรสามตัวนั่นมันคิดที่จะขโมยของๆผม แล้วผมก็รู้มาว่าคนที่กล้าขโมยของในโรงประมูลแห่งนี้ ผู้เสียหายสามารถจัดการกับผู้ที่ขโมยได้เลย โดยไม่ผิดกฏข้อบังคับของโรงประมูล..”ผมที่อธิบายลากยาว เมื่อเปียโน้ฟังจนจบก็หันไปมองพยานรู้เห็นเพื่อขอคำยืนยัน
“เป็นอย่างที่เด็กคนนี้พูด..เขาเกือบจะถูกเจ้าสามคนนั้นขโมยไพ่จิตวิญญาณไป..”เซย่าที่ให้การยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง แต่ขอทีเถอะ..ถึงผมจะเตี้ยและหน้าใสแต่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ..!!!
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉันต้องขอโทษเธอด้วยที่โรงประมูลของเราปล่อยปะละเลยเรื่องมารตราการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้า..”เปียโน้ที่ก้มหัวขอโทษผม..
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ติดใจอะไร แต่ถ้าจะให้ดีช่วยคืนย่าม..อ่อ..หมายถึงช่วยคืนกระเป๋าของผมมาด้วยครับ..”
“ได้..แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรานั้นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ สิ่งที่เธอต้องการจะเอามาขาย เรายินดีรับซื้อและให้ราคา 2 เท่าจากราคาเดิม..”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขอขอบคุณมากๆครับ..”
ผมที่พูดกับเปียโน้ หลังจากนั้นเขาก็ลุกเดินออกจากห้องไป เวลาผ่านไปไม่นานนักเปียโน้ก็กลับมาพร้อมกับย่ามของผม
“ขอบคุณครับ..”ผมที่เปิดย่ามเพื่อตรวจดูสิ่งของ ก่อนจะพบว่าทุกอย่างยังคงอยู่ครบ รวมไปถึงไพ่จิตวิญญาณของกระต่ายสายฟ้าก็ด้วย
“นี่ครับ..สิ่งที่ผมต้องการจะเอามาขาย..”ผมที่หยิบไพ่จิตวิญญาณออกมา ก่อนจะยื่นมันส่งให้กับเปียโน้ แต่พอเขารับและทำการตรวจสอบ ดวงตาของเขาจู่ๆก็เบิกกว้างขึ้น แถมยังมีสีหน้าอึ้งๆ และก็ไม่ใช่เพียงแค่เปียโน้ เซย่าที่ยืนดูอยู่ทางด้านหลังก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกัน
จะตกใจอะไรกันขนาดนั้นกับอีแค่ภารกิจระดับ E แถมยังเป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าธาตุสายฟ้าแค่ระดับ 1 ดาว
“ธะ..เธอเป็นคนล่ามันอย่างนั้นหรอ..?”
“ใช่ครับ..”
“ปารตี้ของเธอมีกี่คน..?”
“ผมไม่มีตี้หรอกครับ ปกติจะลุยเดี่ยว..”
“หละ..เหลือเชื่อ..จิตวิญญาณอัญเชิญของเธอคงจะแข็งแกร่งมากสินะ…”เปียโน้ที่พูดกับผมด้วยสีหน้าที่ยังคงอึ้งไม่เสื่อมคลาย..
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ..เออคือ ทำไมต้องทำหน้าตกใจกันขนาดนั้นด้วย มันก็แค่จิตวิญญาณมอนเตอร์ระดับ 1 ดาว ส่วนภารกิจก็เป็นเพียงแค่ภารกิจระดับ E เท่านั้นเอง..”
“นะ..นี่อย่าบอกนะเธอรับภารกิจทั้งๆที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย..”
“กะ..ก็คงงั้นแหละครับ ช่วยอธิบายให้ผมรู้ด้วย..”
“กระต่ายสายฟ้าถึงจะเป็นจิตวิญญาณมอนเตอร์ระดับ 1 ดาว แต่ความร้ายกาจเทียบเท่าได้กับจิตวิญญาณมอนเตอร์ระดับ 3 ดาวเลยทีเดียว เธอก็น่าจะรู้ถึงพื้นฐานไม่ใช่หรอว่าระดับดาวไม่ใช่ตัวชี้วัดถึงระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ
จิตวิญญาณมอนเตอร์บางตัว ถึงต่อจะให้อยู่ในระดับ 3 ดาว ก็อาจจะมีความแข็งแกร่งที่น้อยกว่าระดับ 1 ดาวก็มีให้เห็นอยู่เยอะ ยกตัวอย่างเช่นหมีเพลิงคำรามที่อยู่ในระดับ 1 ดาว แต่การจะล่ามันนั้น จำเป็นจะต้องใช้ผู้อัญเชิญที่มีจิตวิญญาณอัญเชิญระดับ 3 ดาวขึ้นไป หรือใช้ผู้อัญเชิญที่มีจิตวิญญาณอัญเชิญระดับ 1-2 ดาว จำนวน 10 คน ถึงจะสามารถล่ามันได้ ซึ่งกระต่ายสายฟ้าก็เช่นกัน”เปียโน้ที่อธิบายให้ผมฟัง มันก็ทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมคุณลากอสถึงเคยพลาดท่าให้หมีเพลิงคำรามทั้งๆที่เป็นจิตวิญญาณมอนเตอร์ระดับ 1 ดาว
ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อน ในตอนนี้ผมเริ่มที่จะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าระดับพลังไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงระดับความแข็งแกร่ง แต่เป็นเอกลักษณ์และสกิลในการโจมตีของสิ่งมีชีวิตนั้นๆต่างหากที่เป็นตัวบ่งชี้
“ถ้ามันดุร้ายขนาดนั้น ทำไมถึงไปอยู่ในภารกิจระดับ E ได้ละครับ..?”
“เหตุผลเป็นเพราะว่ามันไม่ได้เป็นที่ต้องการของท้องตลาด มันจึงถูกลดระดับและจัดให้อยู่ในหมวดภารกิจระดับ E ส่งผลทำให้ค่าตอบแทนลดน้อยถอยลงไปด้วย จนทหารรับจ้างหรือนักผจญภัยส่วนใหญ่แทบไม่มีใครอยากที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับภารกิจนี้เลย
ส่วนสาเหตุที่มันไม่เป็นที่ต้องการของท้องตลาด ก็คงจะเป็นเพราะว่าในโลกนี้มีผู้อัญเชิญที่มีจิตวิญญาณอัญเชิญธาตุสายฟ้าอยู่น้อยมากๆ มันจึงไม่เป็นที่ต้องการ ยกเว้นเพียงแต่ผลึกแกนวิญญาณที่ดรอปจากบอสของกระต่ายสายฟ้าล่ะนะที่มีราคาค่อนข้างสูง..”เปียโน้ที่อธิบายให้ผมฟัง ก่อนที่ผมจะเอามือล้วงเข้าไปภายในชุดเกราะเบา ทำเอาคนทั้งสองผงะอีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก
ฟุบ..
ผมที่หยิบถุงเงินออกมา ทำให้คนทั้งสองเริ่มที่จะสงบลง หลังจากนั้นผมก็เปิดถุงและควานหาของบางอย่าง ก่อนจะหยิบก้อนหินสีเหลืองที่ดรอปได้จากบอทกระต่ายสายฟ้าออกมา และส่งให้กับเปียโน้
“นะ..นี่ มะ..มัน..ผลึกแกนวิญญาณของบอสกระต่ายสายฟ้า มะ..ไม่ผิดแน่..”เปียโน้ที่พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ฝ่ามือของเขาที่กำลังตรวจสอบผลึกในมือกำลังสั่นระรัว ส่วนสาเหตุเป็นเพราะการที่จะล่าบอสของกระต่ายสายฟ้านั้น จำเป็นจะต้องมีผู้อัญเชิญจิตวิญญาณอัญเชิญระดับ 3 ดาว จำนวน 5 คน ถึงจะสามารถล่าได้..
“อันนั้นผมก็จะขาย ในราคาตามที่คุณตกลงกับผมเอาไว้..”ผมที่ชี้นิ้วไปยังก้อนผลึกในมือของเปียโน้ ก่อนจะชูสองนิ้ว และยิ้มออกมาอย่างกรุมกริม..
“ตะ..ตกลง..ดะ..เด็กๆ..!!!!”เปียโน้ที่หันไปตะโกน ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีคนวิ่งเข้ามาภายในห้อง คาดว่าน่าจะเป็นคนรับใช้..
“ไพ่จิตวิญญาณ 3 ใบ ราคาใบล่ะ 1 เหรียญเงิน แต่ค่าตอบแทนที่เราตกลงกันเอาไว้คือ 2 เท่า รวมแล้วก็จะเป็น 6 เหรียญเงิน ส่วนผลึกแกนวิญญาณของบอสกระต่ายสายฟ้าราคาเดิมทีจะตกอยู่ที่ก้อนล่ะ 50 เหรียญเงิน ถ้าคูณเข้าไปแล้วก็จะเป็น 1 เหรียญทองพอดี รวมทั้งหมด 1 เหรียญทองกับอีก 6 เหรียญเงิน..”เปียโน้ที่พูดกับผม พร้อมทั้งคำนวณค่าตอบแทนที่ผมจะได้รับให้อย่างเสร็จสรรพ ซึ่งผมก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นคนรับใช้ของเปียโน้ก็ได้นำไพ่จิตวิญญาณและผลึกแกนวิญญาณวิ่งออกจากห้องไป ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานนักคนรับใช้คนเดิมจะวิ่งกลับเข้ามาพร้อมกับถุงเงิน..
“นี่..คือเงินของเธอ..”เปียโน้ที่รับถุงเงินจากคนรับใช้มา ต่อจากนั้นเขาก็นำมันยื่นส่งมาให้ผม ซึ่งทันทีที่ผมรับถุงเงินมา ผมก็เก็บมันเข้าย่ามไปในทันที..
“ไม่ลองตรวจสอบก่อนหรอ..?”เปียโน้ที่ถามผมด้วยความสงสัย
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เท่าที่ผมได้คุยกับคุณเปียโน้ก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนไม่ดี..”ผมที่ตอบกลับอย่างมีชั้นเชิง เอาจริงๆก็ลอกเลียนแบบมาจากพระเอกในนิยายนั้นแหละ เพราะการวางตัวกับคนรวยๆ มันอาจจะเป็นผลดีต่อเราในภายภาคหน้าก็เป็นได้
“ฉันชักเริ่มที่จะสนใจในตัวเธอขึ้นมาแล้วล่ะสิ..”เปียโน้ที่พูดกับผมด้วยรอยยิ้ม นั่นไง..เห็นมั้ย
“ขอโทษด้วยครับผมชอบผู้หญิง..”ผมที่ตอบกลับแบบทันควัน และจากคำตอบมันก็ทำให้บรรยากาศตึงเครียดในช่วงแรกต้องผันเปลี่ยนไปในทันที
“ฮ่าๆ ๆ ๆ”
“คิกๆ..”
เปียโน้ที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ส่วนเซย่าที่ไม่ได้พูดอะไรมานานก็แอบที่จะส่งเสียงหัวเราะคิกคักให้ได้ยิน.. หัวเราะอะไรเดี๋ยวก็จับทำเมียให้หรอก..กรรซ..!!!
“เอาล่ะ..ถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี ผมขอตัวก่อนนะครับ..”ผมที่พูดกับเปียโน้พร้อมกับค่อยๆชันตัวลุกออกจากเก้าอี้
“ให้ฉันไปส่งหรือเปล่า..?”เปียโน้ที่ถาม..
“ไม่เป็นไรครับ..”
“ถ้างั้นฉันจะให้เด็กๆไปส่งล่ะกัน และถ้ามีโอกาสหวังว่าเราจะได้ร่วมธุระกิจกันอีก..”เปียโน้ที่พูดพร้อมทั้งยื่นฝ่ามือเข้ามาหาผม
“ยินดีครับ..ถ้าค่าตอบแทนดีแบบนี้ ผมจะรับภารกิจของโรงประมูลนี้มาทำบ่อยๆ..”ผมที่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มและจับมือกับเปียโน้..
“จะ..เจ้าหนู..เจ้าพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วย..”เซย่าที่พูดขึ้น..
“ได้สิครับ ก็พอจะว่างอยู่ แต่ก่อนหน้านั้น..คุณเซย่าอายุเท่าไหร่หรอครับ..?”ผมที่ถามกับเซย่าด้วยความข้องใจ
10 นาทีต่อมา
ณ หน้าโรงประมูลเปียโน้..
“เอาจริงสิ..? นี่นายอายุ 19 จริงๆหรอเนี้ย..!”เซย่าที่ถามผม สีหน้าของเธอกำลังบ่งบอกว่าไม่เชื่อในสายตา หลังจากที่ได้รู้ความจริงว่าผมนั้นมีอายุที่เท่ากับเธอ..
“จริงๆ ฉันแค่เตี้ยเฉยๆ..”ผมที่เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกแทนตัวเองว่าฉัน หลังจากที่ได้รู้ว่าอายุของเราทั้งสองนั้นเท่ากัน
“งะ..งั้นสินะ..จริงสิ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในโรงประมูลเป็นฝีมือของนายเองสินะ..? ทำได้ยังไงกัน..? ใช้วิธีไหน..? หรือว่าเป็นเวทย์พิเศษจากอุปกรณ์..?”เซย่าที่เปิดประเด็นยิงคำถามใส่ผมด้วยความใคร่รู้..
“อะ..เอ่อคือ..เป็นฝีมือของฉันเองแหละ ส่วนที่เหลือบอกไม่ได้เป็นความลับ..”ผมที่ตอบกลับแบบยิ้มๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้เค้นเอาไว้ความ แต่สีหน้ายังคงแสดงความสงสัยให้ได้เห็น..
“แล้วเซย่าไปทำอะไรที่โรงประมูลหรอ..?”
“ฉันแค่ไปเดินเล่นน่ะ..จริงๆฉันถูกคุณพ่อไหว้วานให้มาพาใครคนนึงไปที่เมืองหลวง แต่ยังไม่รู้ข้อมูลของคนที่กำลังตามหาเลย..”
“อ่อ..”ผมที่พยักหน้าเข้าใจ ในเวลานี้ผมและเซย่ากำลังยืนคุยกันอยู่ที่หน้าโรงประมูล โดยที่โรงประมูลแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงบริเวณทางสามแยก ซ้ายมือและขวามือของผมคือชุมชน ส่วนทางด้านหน้าจะมีร้านขายของตลอดแนวทางเดินเหมือนตลาด และมีผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้ส่อยเป็นจำนวนมาก
“ยังไงก็ขออวยพรให้ตามหาคนๆนั้นให้พบล่ะกัน ส่วนฉันขอตัวก่อนพอดีมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ..”
“แล้วพบกันใหม่..”เซย่าที่พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เล่นเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยแห๊ะ
“แล้วพบกันใหม่..อ่อจริงสิ มันอาจจะไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่ช่วยรับเอาไว้จะได้หรือเปล่า..คิดเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่เธอได้ช่วยฉันเอาไว้”ผมที่เอามือล้วงเข้าไปในย่าม ก่อนจะหยิบเงินจำนวนนึงออกมาจากถุง และยัดเยียดใส่เข้าไปในมือของเซย่า มือโครตนุ่ม..~
“มะ..ไม่เป็นไ..”
“รับไปเถอะ..ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่สบายใจ..”ผมที่พูดกับเซย่า เมื่อเธอเห็นแววตาของผมก็ยอมที่จะรับเงินเอาไว้
“ขอบใจนะ..จะรับเอาไว้..”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ..”ผมที่โบกมืออำลา ก่อนจะเดินจากเซย่าไป ซึ่งเธอก็ได้โบกมือให้ผมด้วยเช่นกัน
“เป็นผู้ชายที่แปลกจัง..~..”เซย่าที่พูดพลางจ้องมองตามแผ่นหลังของช้างที่กำลังเดินลับหายเข้าไปในฝูงชน
“เฮ้อ..~ ท่านพ่อนะท่านพ่อ อยู่ๆก็สั่งให้มาพาใครก็ไม่รู้กลับไปที่เมืองหลวง ข้อมูลของคนๆนั้นก็ไม่ยอมส่งมาให้..”เซย่าที่ถอนหายใจ พลางสบถบ่นพึมพัม เพราะเธอนั้นได้รับคำสั่งจากผู้เป็นพ่อให้มาพาใครคนนึงกลับไปที่เมืองหลวง ส่วนข้อมูลของคนๆนั้นจะส่งมาให้ทีหลัง หลังจากที่เธอเดินทางมาถึงเมืองฟาเซียแล้ว..
พับๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีนกพิราบตัวนึงที่บินลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะบินมาเกาะลงบนไหล่ของหญิงสาว โดยที่ขาของมันมีม้วนกระดาษที่ผูกเชือกติดเอาไว้อยู่
“มาแล้วสินะ..”เซย่าที่แก้เชือกเอาม้วนกระดาษมา ก่อนจะปล่อยนกพิราบไป ต่อจากนั้นเธอก็คลี่เปิดม้วนกระดาษเพื่อที่จะทำการอ่านข้อความ
[ถึงเซย่า..]
ชายหนุ่มคนที่พ่อต้องการจะให้เจ้าพาตัวมาที่เมืองหลวง เป็นชายหนุ่มที่มองเผินๆภายนอกจะดูเหมือนเด็ก สวมใส่เสื้อกับกางสีขาวและสวมชุดเกราะเบาทับเอาไว้ จุดเด็นของเขาจะพกกระเป๋าสีแดงที่มีรูปร่างแปลกตาติดตัวเอาไว้ตลอด ถ้าเจอตัวของเขาแล้ว จงบอกว่าลูกเป็นลูกของพ่อ และพาตัวเขามาที่เมืองหลวง ส่วนชื่อของชายหนุ่มคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดเขามีชื่อว่า หมื่นกรินณ์ คชสาร แต่พอจะเรียกเขาด้วยชื่อสั้นๆว่าช้าง..
“อยะ..อย่าบอกนะว่า..!!!!”ทันทีที่เซย่าอ่านข้อความในกระดาษจบ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมา เพื่อมองหาชายหนุ่ม แต่ทว่าเขานั้นได้จากไปแล้ว..
Chapters
Comments
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 18 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 17 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 16 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 15 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 13 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 12 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 11 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 10 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 9 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 8 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 7 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 6 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 5 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 4 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 3 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 1 เมษายน 29, 2022
MANGA DISCUSSION