กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 585 แม้จะหลังชนฝาแต่ก็จะไม่หันหลังกลับ
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 585 แม้จะหลังชนฝาแต่ก็จะไม่หันหลังกลับ
บทที่ 585 แม้จะหลังชนฝาแต่ก็จะไม่หันหลังกลับ
TW : มีการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว
บทที่ 585 แม้จะหลังชนฝาแต่ก็จะไม่หันหลังกลับ
เป็นไปดั่งที่เซี่ยชิงหยวนคาดการณ์ไว้ ทันทีที่เซี่ยจื่ออี้ก้าวขาเข้าไปในบ้าน ในวินาทีต่อมา เธอก็ถูกไป๋อวิ๋นหลี่ดึงผมแล้วลากเข้าไปข้างใน
เซี่ยจื่ออี้รีบใช้มือข้างหนึ่งคว้าเข้าที่มือของไป๋อวิ๋นหลี่เพื่อลดแรงบนศีรษะของเธอให้น้อยลง ในขณะเดียวกันก็พยายามปกป้องหน้าท้องเล็ก ๆ ของตัวเอง
ไป๋อวิ๋นหลี่เตะประตูให้ปิดลง แล้วเหวี่ยงเซี่ยจื่ออี้ลงไปที่พื้น
ที่คางของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเคราบาง ๆ สีเขียวครึ้ม ผมของเขาค่อนข้างยุ่งไม่เป็นทรง แว่นตาขอบทองที่ชายหนุ่มสวมใส่นั้นไม่ได้ทำให้เขาดูสุภาพเรียบร้อยแม้เพียงครึ่งส่วน ทว่าเหมือนสัตว์ร้ายที่สวมเสื้อผ้าเสียมากกว่า
เขาชี้ไปที่เซี่ยจื่ออี้อย่างเดือดดาล แล้วเอ่ยว่า “คุณเห็นเสิ่นอี้โจวได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ก็เห็นของใหม่ดีกว่าของเก่างั้นสิ?”
เอ่ยจบ เขาก็ตบเข้าที่ใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้ “ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!”
เซี่ยจื่ออี้กัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียงร้องอันเจ็บปวดออกมา
หญิงสาวยกมือกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้ และนอนขดตัวอยู่บนพื้น เฉกเช่นที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วนในยามที่เขาทุบตีเธอ
เมื่อไป๋อวิ๋นหลี่ทำงานได้ไม่เป็นที่น่าพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายที่นำโดยเซี่ยเจิ้งและเสิ่นอี้โจวพุ่งเป้ามาสอบสวนและลงโทษเขาในทุกมิติ ทำให้ระยะเวลาเพียงหนึ่งปีกว่า ๆ นี้ การที่อธิบดีกระทรวงทำการตรวจสอบ จนทำให้ผู้ล้มลุกคลุกคลานจะก้าวหน้าเข้าไปในระบบราชการอีกสักก้าวนั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
แม้แต่ผู้นำระดับสูงของเขาก็ยังมาหาเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว “อวิ๋นหลี่ เรื่องที่คุณทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่องานนี้นั้นผมเข้าใจดี เพียงแต่ว่าคุณหัวรุนแรงแข็งข้อมากจนกระทรวงของเราได้รับข้อร้องเรียนมากมายในที่ประชุม”
“ผมเห็นว่าช่วงระยะนี้คุณเหนื่อยมาไม่น้อยแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ มิสู้ให้คุณพักร้อนและใช้เวลาอยู่กับเธอที่บ้านให้มากขึ้นจะดีกว่าเหรอ?”
หยุดพักร้อนระยะยาว แต่กลับสอบสวนเขาเป็นการส่วนตัว นี่ต่างอะไรจากการสั่งพักงานเพื่อสอบสวนและลงโทษกัน?
กลอุบายที่เข้าใช้เล่นงานเสิ่นอี้โจวในตอนแรก มาวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมตามสนองตัวเขาเองทั้งสิ้น
ไป๋อวิ๋นหลี่ขอให้เซี่ยจื่ออี้กลับไปขอความช่วยเหลือกับเซี่ยเจิ้ง ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนนี้ หัวใจของเซี่ยเจิ้งมีเพียงตงวั่งชุน จึงไม่สนใจเซี่ยจื่ออี้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาในฐานะลูกเขยเลย
และเพราะเรื่องของเซี่ยเจิ้ง เซี่ยจื่ออี้ซึ่งเคยได้รับการปฏิบัติจากไป๋อวิ๋นหลี่อย่างดี ในตอนนี้กลับกลายเป็นขวางหูขวางต่างนัก
ถ้อยคำเย็นชาเหน็บแนมถือเป็นเรื่องปกติ หากเขาไม่พอใจหรืออารมณ์ไม่ดีขึ้นมา หญิงสาวก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทุบตี แม้ว่าเธอจะตั้งครรภ์ ไป๋อวิ๋นหลี่ก็จะเลือกทำร้ายบริเวณที่ไม่โดนหน้าท้อง
เซี่ยจื่ออี้อดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอ พลางฟังวาจาของไป๋อวิ๋นหลี่ จากนั้นจึงหวนนึกถึงสองสามีภรรยาอย่างเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน
ในทันใดนั้นเอง เธอก็ผลักไป๋อวิ๋นหลี่ออกอย่างแรง แล้วเอ่ยคำทั้งที่ร่ำไห้ ”หากฉันจะเห็นของใหม่ดีกว่าของเก่าแล้วมันยังไง? คุณมันก็แค่คนขี้ขลาดตาขาวที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง! คุณไม่ได้รับความโปรดปรานในองค์กร แต่คุณกลับเอาความโกรธมาลงที่ฉัน ที่คุณโดนพักงานก็สมแล้ว!”
“ตอนนั้นฉันมันตาบอดเอง มีคนตั้งมากมายแต่กลับเลือกคุณ!”
เอ่ยจบ หญิงสาวก็หัวเราะออกมา น้ำตาของเธอร่วงหล่นปะปนไปกับรอยยิ้ม ในใจนั้นทั้งเจ็บปวดทั้งโกรธ
แรงผลักเมื่อครู่ของผู้เป็นภรรยาเป็นสิ่งที่ไป๋อวิ๋นหลี่คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง และเขาไม่ทันได้ระวังตัวจึงถูกเธอผลักจนเซถอยหลังไปหลายก้าว กระทั่งเอวด้านหลังของเขาชนเข้ากับมุมหนึ่งของโต๊ะ
เขากุมบั้นเอวที่เจ็บปวดของตัวเองเอาไว้ ความโกรธพลันพุ่งทะยาน จึงเอ่ยสบถก่นด่า “นังผู้หญิงสารเลว! ฉันจะทุบตีเธอให้ตายเลย!”
เอ่ยจบ เขาก็ก้าวเข้ามาและเตะเข้าที่ท้องของเซี่ยจื่ออี้
“โอ๊ย!” เซี่ยจื่ออี้ร้องคร่ำครวญและถูกเขาเตะจนล้มลงกับพื้นโดยตรง
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในช่องท้องทำให้ใบหน้าของเธอซีดเผือดพร้อมงอตัวแน่น
ไป๋อวิ๋นหลี่ราวกับว่าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น จึงเตะเข้าที่แผ่นหลัง ศีรษะ และหน้าท้องที่ถูกกุมไว้แน่น “ผมทำให้คุณตาบอด! ผมทำให้คุณเสียใจ! ผมทำให้คุณเห็นของใหม่ดีกว่าของเก่า!”
เขาเตะเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ไป๋อวิ๋นหลี่ตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์
แม้จะเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดแสนสาหัสของเซี่ยจื่ออี้ ทว่าในใจเขากลับลิงโลดด้วยความสุข
จนกระทั่งเซี่ยจื่ออี้ไม่สามารถเปล่งเสียงคร่ำครวญได้ จนกระทั่งคราบเลือดกองใหญ่กระจายอยู่ใต้ร่างของหญิงสาว เมื่อนั้นเองที่ไป๋อวิ๋นหลี่กลับมามีสติรู้คิดอีกครั้ง
ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นเลือดบนพื้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน
แต่แทนที่เขาจะเข้าไปช่วยพยุงให้เซี่ยจื่ออี้ลุกขึ้น เขากลับใช้เสื้อผ้าของเซี่ยจื่ออี้เช็ดเลือดออกจากเท้าของตัวเอง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้ดี และออกจากบ้านโดยไม่หันกลับมามอง
เซี่ยจื่ออี้ซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น มองดูแผ่นหลังของไป๋อวิ๋นหลี่ที่กำลังเดินจากไป แล้วเอื้อมมือออกไปพร้อมเอ่ย “ช่วย… ลูกของฉันด้วย”
ทว่าคำตอบที่เธอได้รับคือเสียงปิดประตูอันเมินเฉยไร้เยื่อใย
น้ำตาแห่งความอาฆาตแค้นไหลออกมาจากดวงตาของเซี่ยจื่ออี้ หญิงสาวทำได้เพียงทิ้งมือซึ่งไร้เรี่ยวแรงลงข้างกาย
ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานแค่ไหน แต่เธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาของคนตระกูลเสิ่นดังขึ้นอยู่ไม่ไกลจากประตูมากนัก
เธอจะตายไปอย่างนี้ไม่ได้
เธอไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้
ด้วยความคิดนี้ เธอจึงปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของตนอีกครั้งเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนจะค่อย ๆ คลานไปยังประตู
…
เพียงพริบตาก็เข้าสู่เดือนสิงหาคม นักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้รับคัดเลือกต่างได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยแล้ว
นอกเหนือจากการเลื่อนตำแหน่งและคำสั่งย้ายของเสิ่นอี้โจว ยังมีจดหมายตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนครหลวงของเซี่ยชิงหยวนอีกด้วย
หลังจากกลับมาอยู่ในละแวกบ้านที่นี่กว่าสองเดือน ตระกูลเสิ่นก็มีข่าวดีอีกครั้งที่เรียกว่ามงคลคู่มาพร้อมกัน
เฟิงหว่านเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยนครหลวงได้จริง ๆ ด้วย ตอนนี้ พวกเราก็นับว่าเป็นรุ่นน้องของเลขาธิการเสิ่นแล้ว”
เอ่ยจบ เธอก็ตบปากตัวเองเบา ๆ พร้อมหัวเราะออกมา “ดูฉันสิ ยังจะเรียกว่าเลขาธิการเสิ่นอยู่อีก ตำแหน่งของสามีคุณสูงกว่านั้นมากแล้วในคราวนี้ อนาคตของเขาไม่มีขีดจำกัดแล้วจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนผลิยิ้มบาง ๆ “พี่สาวหว่านสุภาพเกินไปแล้วค่ะ”
หลิงหลินเองก็เอ่ยติดตลกขึ้นมาว่า “พี่สาวชิงหยวนเก่งทั้งในด้านการหาเงินและหาความรู้ แถมที่สำคัญยังสวยงดงาม ทั้งยังตั้งท้องอีก พวกคุณว่าใต้ฟ้านี้ไหนเลยจะมีคนที่ยอดเยี่ยมแบบเธออีกล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะพลางลูบท้องที่เพิ่งนูนออกมาจากการตั้งครรภ์ แล้วเอ่ย “เธอก็ ตอนนี้ช่างพูดช่างเจรจาเสียจริง ดูท่าว่าเลขาธิการฉู่ของเธอจะแข็งขันไม่เบาเหมือนกันนะ”
หลิงหลินและฉู่ซิงอวี่แต่งงานกันได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่หญิงสาวกลับตั้งครรภ์ได้เกือบสี่เดือนซะแล้ว
ใบหน้าของหลิงหลินที่เพิ่งแต่งงานพลันแดงเรื่อด้วยความเขินอายเมื่อเซี่ยชิงหยวนกล่าวให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้ จึงเอ่ยอย่างอาย ๆ ว่า “พี่สาวชิงหยวน!”
พวกเขาหัวเราะขบขันกัน และในตอนที่ตงวั่งชุนซึ่งมาพร้อมกับเซี่ยเจิ้งกำลังจะกล่าวเอ่ยสักสองสามประโยค ก็มีคุณป้าคนหนึ่งเข้ามาและกระซิบบางอย่างข้างหูของเธอ
สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงมองไปยังเซี่ยเจิ้งที่กำลังพูดคุยกับพวกเสิ่นอี้โจว ก่อนจะหันกลับมาและออกไปพร้อมกับคุณป้าคนนั้น
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนเห็นภาพตรงนี้ หญิงสาวจึงเอ่ยถามเฟิงหว่านซึ่งอยู่ข้าง ๆ ว่า “ผู้หญิงคนนั้นเมื่อครู่เป็นคนของครอบครัวไป๋อวิ๋นหลี่ใช่ไหมคะ? เธอมาตามหาตงวั่งชุนทำไม?”
เฟิงหว่านมองตามทิศทางสายตาของเซี่ยชิงหยวนไป ก่อนที่สีหน้าเข้าใจจะฉายชัดบนใบหน้าของเธอ
เธอบึนปากพลางเอ่ย “คุณไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่ผู้อำนวยการเซี่ยเมินเฉยต่อทุกเรื่องแล้วมาคบหากับตงวั่งชุน เซี่ยจื่ออี้ก็สร้างปัญหามากมายอยู่ตลอดเวลา ฉันว่าเธอคงได้ยินข่าวว่าผู้อำนวยการเซี่ยกำลังจะแต่งงานกับตงวั่งชุนนั่นแหละ จึงมีความคิดเลวร้ายขึ้นมาอีกแล้ว”
เฟิงหว่านพูดพร้อมกับสั่นศีรษะ “เซี่ยจื่ออี้คนนี้น่ะ ในวันนั้นเธอถูกทุบตีจนแท้งลูกไป ก็ไม่รู้จักจะหยุดพักเสียบ้าง”
ความเข้าใจพลันปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน “เธอเป็นคนที่แม้จะหลังชนฝาแต่ก็จะไม่หันหลังกลับนั่นแหละค่ะ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสิ่นอี้โจวก็มองมายังเซี่ยชิงหยวนพร้อมชี้ไปที่นอกประตู
เซี่ยชิงหยวนจึงมองไปออกไป และพบว่ามีชายในเครื่องแบบสองสามคนกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของไป๋อวิ๋นหลี่