กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 551 ปีนหน้าต่าง
บทที่ 551 ปีนหน้าต่าง
บทที่ 551 ปีนหน้าต่าง
ผู้ชายคนนี้ เซี่ยชิงหยวนมีภาพในความทรงจำ
ในวันที่เธอมาถึงอำเภอรุ่ยวันแรก ผู้ชายคนนี้นั่งมองเธออยู่ข้างกองฟาง ทั้งยกยิ้มให้เธอด้วย
เธอได้ยินเถียนกุ้ยฟางกล่าวว่าเขาแซ่กวน คนพาลเสเพลซึ่งเป็นที่เลื่องลือในหมู่บ้าน
เมื่ออันธพาลกวนผู้นี้ไม่ทำอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่กินกับนอน พ่อแม่ของเขาพยายามหาเก็บเงินอย่างยากลำบากทั้งชีวิตเพื่อแต่งสะใภ้นามว่าไต้เอ่อร์เข้าบ้าน ทว่าต่อมาหญิงสาวทนไม่ได้กับชีวิตที่ยากจนและสิ้นหวังเช่นนั้น จึงหนีไป
หลังจากพ่อแม่ของอันธพาลกวนเสียชีวิต เขาแทบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน และไปอาศัยอยู่ในกระท่อมมุงจากที่ถูกทิ้งร้างว่างเปล่า
คนในหมู่บ้านเห็นเขาน่าสงสาร จึงให้อาหารบ้างบางครั้งคราว บ้างก็เห็นเขากินอาหารที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน บางทีก็เห็นเขานอนอยู่บนกองหญ้าหรือบนพื้นหญ้าอย่างเกียจคร้าน กินแล้วก็นอน ไม่ทำอะไร
สำหรับอันธพาลกวนผู้นี้ เถียนกุ้ยฟางกำชับเธอไว้ว่า “เขาไม่ใช่คนเลวร้ายนัก แต่ก็ไม่ใช่คนดีเช่นกัน อย่าได้ออกไปคบค้ากับเขานะ”
และถึงแม้เถียนกุ้ยฟางจะไม่ได้บอกกล่าวอะไร เซี่ยชิงหยวนก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา ด้วยเพราะสายตาที่เขามองเธอนั้นน่าอึดอัดอย่างยิ่งเช่นกัน
เดิมทีอันธพาลกวนกำลังนอนอยู่หลังกองฟาง ซึ่งเป็นมุมอับสายตาของเซี่ยชิงหยวนและเถียนกุ้ยฟางพอดี เมื่อเซี่ยชิงหยวนหันกลับมาจึงเห็นเขา
เขาไม่กะพริบตาหรือหลบเลี่ยง ซ้ำยังสบสายตากับเซี่ยชิงหยวนพร้อมผลิยิ้มมีเลศนัย “คุณนายเสิ่น”
เมื่อเขายิ้ม จึงเผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปาก อีกทั้งท่าทางของเขาก็ดูคุกคามด้วยเล็กน้อย
เซี่ยชิงหยวนก้าวถอยหลังและก้มศีรษะลงโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
อันธพาลกวนเองไม่ได้สนใจ สายตาของเขาจ้องมองเซี่ยชิงหยวนอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวหันกลับไปนอน
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางหันหลังกลับและมุ่งหน้ากลับบ้านไม้ไผ่
อันธพาลกวนที่อยู่ข้างหลังเธอซึ่งหญิงสาวมองไม่เห็น จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหญิงสาว แล้วกลืนน้ำลาย
…
หลินตงซิ่วรู้ว่าเสิ่นอี้โจวจะไปพักค้างคืนในเมือง เธอจึงเอ่ยบอกเซี่ยชิงหยวนว่า “เข้านอนแต่หัวค่ำเถอะ ปิดประตูหน้าต่างให้ดี”
อันที่จริง เธอรู้สึกว่าบ้านไม้ไผ่นี้ออกแบบในลักษณะที่ป้องกันได้เฉพาะสุภาพบุรุษ แต่ไม่ใช่กับโจรผู้ร้าย
เป็นไปไม่ได้ที่คนจะอาศัยอยู่ภายในบ้านโดยไม่เปิดหน้าต่างเพื่อการระบายอากาศ และตราบใดที่หน้าต่างยังเปิดอยู่ คนภายนอกก็สามารถปีนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นี่ แต่ทหารปลดประจำการเองก็อาศัยอยู่ไม่ได้ใกล้ ๆ นัก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใจกล้าโดยธรรมชาติ
เซี่ยชิงหยวนหวนนึกถึงเรื่องที่บังเอิญเผชิญหน้ากับอันธพาลกวนเมื่อกลางวัน เปลือกตาขวาของเธอก็พลันกระตุกขึ้น พลางเอ่ยตอบแม่สามีไปว่า “ค่ะ”
ด้วยความไม่สบายใจอยู่ลึก ๆ ก่อนเข้านอน เธอจึงไปหยิบบางอย่างจากห้องครัว และหลังจากปิดไฟ หญิงสาวก็โปรยถั่วเหลืองเป็นวงกลมรอบหน้าต่างภายใต้แสงจันทร์ ก่อนจะเอนกายนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
หลังจากออกไปข้างนอกมาทั้งวัน เซี่ยชิงหยวนย่อมรู้สึกเหนื่อยล้า พอเอนตัวนอนบนเตียงและพลิกตัวเพียงสองครั้ง ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจฝืนทนความง่วงและผล็อยหลับไป
ระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น เธอพลันได้ยินร้องอ้อแอ้ของเสิ่นทิงหลาน จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากนอกหน้าต่าง
เซี่ยชิงหยวนเบิกตาตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน
ตั้งแต่ตอนที่เธอตั้งครรภ์ เซี่ยชิงหยวนแทบจะไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มเลย เพราะจะตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนเมื่อลูกน้อยส่งเสียง
เวลาที่เสิ่นอี้โจวอยู่บ้านก็นับว่าดีอยู่บ้าง ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมากล่อมลูก ๆ ก่อนที่พวกเขาจะไปปลุกเธอเข้า
เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมเงี่ยหูตั้งใจฟัง ปรากฏว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่นอกหน้าต่างจริง ๆ!
ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความตื่นตัวที่มีมากขึ้นตั้งแต่เลี้ยงดูลูก ๆ
หญิงสาวลุกจากเตียงทันที ก่อนจะซ่อนหมอนไว้ใต้ผ้าห่ม ทำเหมือนว่ามีคนนอนอยู่
จากนั้นจึงหยิบคานหามที่เธอนำมาวางไว้ที่ข้างเตียงก่อนเข้านอน และรีบเดินไปยืนข้างหน้าต่างเพื่อคอยดูความเคลื่อนไหว
เธอเอียงหูไปข้าง ๆ และตั้งใจฟัง พบว่าเป็นเสียงคนปีนขึ้นบันได!
ท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นระรัว เลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของเธอดูเหมือนจะเร็วขึ้น แม้แต่แก้วหู หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือน
เสิ่นทิงหลานซึ่งนอนอยู่ในเปลกลับตื่นขึ้นมา เด็กน้อยกระทืบเท้าเล็ก ๆ ของเธอ ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังเซี่ยชิงหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างแม่นยำ
เธอดูเหมือนตื่นเต้นมาก ปากเล็ก ๆ นั้นผลิยิ้ม และกำลังจะส่งเสียงร้องออกมาพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยชิงหยวนพลันสะดุ้ง แล้วรีบยกนิ้วชี้วางลงบนริมฝีปาก พร้อมส่ายหน้าให้ลูกสาว
เสิ่นทิงหลานมองมาที่ผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตกลอกไปมา พลางหัวเราะอย่างเงียบ ๆ
เด็กน้อยยกมือเข้าปาก พลางขยับปากดูด เพื่อเป็นการบอกใบ้เซี่ยชิงหยวนว่าตัวเองหิว
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและกระซิบบอกด้วยรูปปากแบบไม่มีเสียงว่า “อีกสักพัก เดี๋ยวแม่ป้อนนมให้นะ”
แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงปีนหน้าต่างซึ่งดังมาจากข้างนอกนั้นหยุดลง ทำเอาเซี่ยชิงหยวนกลั้นหายใจ
ค่ำคืนอันเงียบสงบ เงียบงันจนเหลือแต่เสียงลมหายใจของตัวเอง
ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนไม่อาจนั่งลงได้ เสียงข้างนอกหน้าต่างก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนจับคานหามในมือแน่นขึ้นจนนิ้วขาวซีดขาดเลือด
หญิงสาวจ้องเขม็งไปยังพื้นตรงหน้าอย่างแน่วแน่ ภาพสะท้อนของหน้าต่างนั้นได้รับแสงจันทร์สาดส่องมาพอดิบพอดี ทำให้ภาพเงานั้นตกกระทบเป็นเงาบนพื้น
ทันใดนั้น ก็มีวงรีครึ่งวงโผล่ออกมาจากขอบหน้าต่าง!
และมันคือหัวของผู้ชาย!