กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 549 ไม่อยากรออีกแล้ว
บทที่ 549 ไม่อยากรออีกแล้ว
บทที่ 549 ไม่อยากรออีกแล้ว
เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าปฏิกิริยาของทั้งสองคนนั้นไม่ถูกต้อง จึงเอ่ยถาม “มีอะไรกันรึเปล่า?”
เสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่วรีบส่ายหน้าระรัวราวกับงูหางกระดิ่ง “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”
เซี่ยชิงหยวนเองก็ไม่ได้เปิดโปง เพียงกล่าวว่า “รีบล้างมือแล้วมากินข้าวเถอะค่ะ”
เสิ่นอี้โจวไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเดินไปยังประตูเพื่อล้างมือ
ในขณะที่ล้างมือ ชายหนุ่มก็พลันได้ยินเสียงลูกเจี๊ยบร้องออกมาจากตะกร้าด้านข้าง เมื่อก้มศีรษะมองไปก็พบกับลูกเจี๊ยบขนปุยเจ็ดตัว สีเหลืองห้าตัว และอีกสองตัวเป็นสีผสม
ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงดังว่า “เมื่อเช้าพี่สาวเถียนพาคุณไปซื้อลูกเจี๊ยบเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเดินออกไปพลางตอบ “ใช่ค่ะ ลูกเจี๊ยบทั้งหมดที่สามารถหาซื้อได้ในหมู่บ้านอยู่ที่นี่หมดแล้วน่ะ”
หญิงสาวเงียบลงครู่หนึ่ง “หลังกินข้าวเสร็จ ขึ้นไปข้างบนหน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
หลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลิน ซึ่งเดิมทีต้องการออกมาดูลูกเจี๊ยบ จู่ ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าซุปไก่บนโต๊ะไม่หอมอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงจ้องมองเสิ่นอี้โจวที่เดินตามเซี่ยชิงหยวนขึ้นบันไดไปด้วยความกังวล
เซี่ยชิงหยวนบอกเสิ่นอี้โจวถึงเรื่องที่ไปรวบรวมลูกเจี๊ยบมาในวันนี้ “ฉันคิดว่านอกจากจะได้ลูกเจี๊ยบในเมืองแล้ว เรายังสามารถไปหามาจากบนภูเขาได้อีกนะ ตอนนี้ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว เป็นเวลาที่ไก่ป่าเริ่มออกไข่ อีกทั้งบนภูเขายังมีกระต่ายที่สามารถไปจับมาเลี้ยงได้ด้วย”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “จริงสิ เราต้องคิดหาหนทางจากหลาย ๆ ด้านเข้าไว้”
มาตรการที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เริ่มนำไปปรับใช้กับบริเวณอื่น ๆ ของอำเภอรุ่ยแล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ทว่ายังเผชิญกับการขาดแคลนสิ่งของจำเป็นที่สำคัญ
สิ่งของที่ขาดแคลนเหล่านี้ไม่สามารถพึ่งพาการจัดสรรจากภาครัฐได้เสมอไป
เซี่ยชิงหยวนรวบผมของเธอและพูดต่อ “วันนี้ฉันเหลือบไปเห็นที่เชิงเขา จึงคิดขึ้นมาว่าเรายังสามารถเพาะเห็ดได้ด้วยนะ พืชผลบนภูเขาอย่างเช่น หน่อไม้ เห็ดหูหนู ตลอดจนเห็ดต่าง ๆ สามารถเก็บเอามาตากแห้งแล้วนำไปขายได้ อีกทั้งบนภูเขายังมีน้ำผึ้งอยู่ไม่น้อย เมื่อเราพัฒนาวิธีการเก็บรักษาให้ดีขึ้นแล้ว เราก็สามารถส่งออกไปขายข้างนอกได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องเส้นทางการค้านั้นฉันพอจะมองหาให้ได้ เพียงแค่สายสัมพันธ์ของอาจารย์ซึ่งสะสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็มากเกินพอแล้ว”
มณฑลอวิ๋นมีสภาพแวดล้อมเป็นใจ ทั้งในเรื่องสภาพภูมิอากาศและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ สิ่งของที่กล่าวมาข้างต้นจึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
สิ่งที่ไม่ได้หายากในสายตาของชาวเมืองในมณฑลอวิ๋น กลับกลายเป็นของภูเขาอันหาได้ยากยิ่งสำหรับดินแดนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล รวมถึงเมืองชายฝั่ง
เดิมทีเธอคิดว่าจะค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ แต่เมื่อเห็นว่าแม่สามีต้องพาเด็กออกไปด้วยเพราะกังวลเรื่องอาหารการกิน หญิงสาวจึงไม่ต้องการรออีกต่อไป
ในเมื่อเธอเองเคยปริปากเอ่ยกับปี่เหลาซานตั้งแต่แรก แล้วจะรั้งรอไปเพื่ออะไรอีก?
ในแววตาของเสิ่นอี้โจวเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ชิงหยวน คุณทำให้แนวคิดทั้งหมดของเราที่ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างสามารถลงมือปฏิบัติจริงแล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ผมจะไปปรึกษาหารือกับพวกเขาในตอนบ่ายนะ”
เขาหยิบเสื้อคลุมแขนยาวบาง ๆ ออกมา “ช่วงบ่ายนี้ผมต้องออกไปลาดตระเวน มื้อเย็นคงไม่ได้กลับมากินข้าวด้วย ปิดประตูบ้านให้ดีและรีบเข้านอนกันนะ”
เซี่ยชิงหยวนอึกอักเพราะต้องการจะกล่าวบอกอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ตอบไปเพียงว่า “ค่ะ”
เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อทหารปลดประจำการมาถึงที่นี่แล้วจะทำให้มีกำลังคนมากขึ้น เสิ่นอี้โจวคงไม่จำเป็นต้องไปอีก
แต่ความเข้มงวดกวดขันในการป้องกันชายแดนนั้นเกินกว่าที่หญิงสาวจินตนาการไปมากนัก
แม้แต่ในประเทศจีนในอีกกว่ายี่สิบปีต่อมา เมืองชายแดนบางแห่งในมณฑลอวิ๋นก็ยังคงต้องอาศัยผู้คนและทหารในการลาดตระเวนร่วมกัน
ผู้พิทักษ์ชายแดนเหล่านี้มีทั้งชายชรา เด็ก และผู้หญิง พวกเขาหลายคนนั้นคอยปกป้องชายแดนมาตลอดชีวิต
ก่อนที่ประเทศจีนจะเรืองอำนาจ ไม่เพียงแต่ประชาชนอาสาสมัครที่จัดตั้งยามชายแดนขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกองทหารยิงระเบิดนิวเคลียร์ของกองทัพ เรือติดปืนใหญ่ของกองทัพเรือ กองพลโจมตีเที่ยวเดียวของกองทัพอากาศ… ล้วนแล้วแต่เป็นความสิ้นหวังและโศกนาฏกรรมในยุคนี้
เธอมองดูแผ่นหลังของเสิ่นอี้โจวที่จากไป ร่างผอมสูงค่อย ๆ หายลับไปในป่าไผ่
หญิงสาวพลันพึมพำออกมา “อี้โจว ดูแลตัวเองด้วย ทุกคน ดูแลตัวเองด้วยนะ”
…
ในช่วงบ่าย ชายหนุ่มสองคนที่ช่วยสร้างห้องน้ำและห้องส้วมได้ขึ้นโครงร่างใหญ่เรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่ในท้ายที่สุด หลังคาจะถูกตีปิดพร้อมกับตีผนังปิดล้อมทั้งสี่ด้าน จึงถือเป็นอันเสร็จสิ้น
เมื่อพวกเขาเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนซื้อลูกเจี๊ยบกลับมา พวกเขาจึงสร้างเพิงเล็ก ๆ ขึ้นมาสองหลังให้เธอ โดยสร้างยกสูงขึ้นจากพื้นราวสิบสองเซนติเมตร หลังหนึ่งสำหรับเลี้ยงไก่ และอีกหลังหนึ่งสำหรับเลี้ยงเป็ด พวกเขายังช่วยปูฟางไว้ข้างในด้วย
ด้านข้างเพิงไม้มีกรงไม้ไผ่ทำมือขนาดเล็กสองกรง ซึ่งมีรูอยู่ด้านบน พร้อมกับฝาไม้ไผ่เพื่อใช้สำหรับใส่ลูกเจี๊ยบลูกเป็ด
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเพิงสองหลังนั้น พลางชื่นชมยินดีในใจ “สวยมากจริง ๆ ค่ะ”
ชายหนุ่มทั้งสองยิ้มด้วยความเขินอาย “คุณนายเสิ่นชมเชยเกินไปแล้วครับ”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงนำลูกเจี๊ยบไปไว้ในกรง หยิบไม้ไผ่ที่ถูกผ่าเอาไว้ ซึ่งอยู่ข้าง ๆ มาเติมน้ำลงไป แล้วใส่ข้าวที่เหลือจากมื้อกลางวันลงไปในรางไม้ไผ่อีกอัน
ในตอนแรกนั้น ลูกเจี๊ยบยังตื่นกลัวอยู่ แต่เมื่อเซี่ยชิงหยวนขยับออกไปเล็กน้อย พวกมันก็ค่อย ๆ มาล้อมรอบรวมตัวกันจิกกินข้าวบนพื้น
เสิ่นอี้หลินที่ในตอนแรกแอบดูอย่างข้าง ๆ ทว่าเซี่ยชิงหยวนกลับสังเกตเห็นเข้า เขาจึงหัวเราะเบา ๆ พลางเดินออกมา “พี่สะใภ้”
เซี่ยชิงหยวนกวักมือเรียกเด็กชาย “มานี่สิ”
เสิ่นอี้หลินจึงเดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยถาม “ชอบลูกเจี๊ยบไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยังจำได้ว่าเมื่อก่อน ตอนที่เธออยู่ที่หมู่บ้านซีสุ่ย หลินตงซิ่วนำลูกเจี๊ยบกลับมาที่บ้านสองตัว และเสิ่นอี้หลินก็อุ้มพวกมันไว้อย่างดีอกดีใจ ทั้งยังไม่อยากจะปล่อยพวกมันไป
ตอนนั้นอายุเพียงสี่หรือห้าขวบ เด็กชายรับหน้าที่ให้น้ำและให้อาหารลูกเจี๊ยบเองทั้งหมด
ต่อลูกเจี๊ยบก็เติบโตเป็นแม่ไก่และเริ่มออกไข่ เขาก็ยังคงจับแมลงให้มาให้แม่ไก่ทุกวัน
แต่แล้วครอบครัวของเสิ่นสิงก็มาที่เล้าไก่ทุกวี่วันเพื่อเอาไข่ออกไป หลินตงซิ่วจึงไม่อยากจะเลี้ยงไก่อีก ส่วนเสิ่นอี้หลินก็จมอยู่กับความเสียใจในเรื่องนี้อยู่นานทีเดียว
เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “ชอบครับ”
เซี่ยชิงหยวนยื่นมือออกไปหาเขา “ถ้าอย่างนั้นก็เอาไข่ไก่ป่าที่เธอเก็บมาได้วันนี้มาให้พี่สิ”
เสิ่นอี้หลิน “ครับ?”