กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 538 คำเยินยอสอพลอ
บทที่ 538 คำเยินยอสอพลอ
บทที่ 538 คำเยินยอสอพลอ
แปลงผักทางทิศตะวันออกในเวลานี้กำลังคึกคัก
นอกจากเถียนกุ้ยฟางและผู้หญิงในหมู่บ้านอีกจำนวนหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่จากศูนย์บรรเทาความยากจนที่รับผิดชอบในการเรื่องการเพาะปลูกก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เขาและเถียนกุ้ยฟางกำลังยุ่งอยู่กับการโดนผู้หญิงเหล่านี้ลากไปมาเพื่อดูแปลงผักของพวกเธอ
เถียนกุ้ยฟางชี้ไปยังผักในแปลงหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ผักในแปลงของเธอใช้ไม่ได้ ทั้งเหลืองทั้งแห้งบาง”
เธอก้มตัวลงไปบีบเบา ๆ “เธอดูสิ แก่ขนาดนี้ เหนียวไปหมด”
เธอโบกมือ “ไม่ได้ ใช้ไม่ได้”
ใบหน้าของหญิงสาวพลันบูดบึ้งเล็กน้อย “แก่นิดแก่หน่อยแล้วกินไม่ได้รึไง? มันทำให้ได้เคี้ยวมากขึ้นนะ”
ได้ยินดังนั้น เถียนกุ้ยฟางจึงหัวเราะออกมา “เธอบอกว่าได้เคี้ยวงั้นเหรอ? แล้วทำไมเธอไม่กินเองล่ะ? ฉันเห็นเธอมาเก็บผักที่นี่เมื่อวานเพื่อนำไปเป็นอาหารไก่ที่บ้านนี่ ศูนย์บรรเทาความยากจนของประชาชนมีไว้เพื่อสร้างหนทางสู่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่เพื่อให้เราฉกฉวยใช้ประโยชน์จากมันนะ”
เธอได้ยินเรื่องเหล่านี้จากสามีมาไม่น้อย ย่อมทำให้ปริปากเอ่ยได้อย่างคล่องแคล่ว
ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นพลันแดงก่ำ ก่อนเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ จะพูดเรื่องไม่น่าฟังแบบนี้ไปทำไมกัน!”
เอ่ยจบก็มุดหลบไปหลังคนอื่นไม่ยอมออกมาอีก
เถียนกุ้ยฟางเองไม่ได้สนใจ เธอกล่าวเสริมกับเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคุณป้าคุณพี่ทั้งหลายรายล้อมเสียจนเหงื่อท่วมตัว “คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกค่ะ คุณภาพไม่ถึงก็คือไม่ถึง หากคุณปล่อยไป พวกเธอจะหลอกคุณด้วยของที่ด้อยกว่านี้ในอนาคตอีก”
ผู้หญิงคนเมื่อครู่นั้นเธอรู้จักดี หญิงสาวครอบครองที่ดินอยู่หลายแปลง ทั้งยังปลูกพืชผักไว้ไม่น้อย ทว่าเป็นคนขี้เกียจมาก จึงปล่อยปละละเลยแปลงผัก มีเพียงแปลงผักสองแปลงที่อยู่ใกล้บ้านเท่านั้นที่พืชผลพอใช้ได้ โดยปกติจะเก็บพืชผักจากสองแปลงนี้มากินเอง ส่วนผักที่เหลือก็เอาไว้เลี้ยงไก่และเป็ด
เจ้าหน้าที่ระบายยิ้มอย่างซาบซึ้งกับถ้อยคำของเถียนกุ้ยฟาง “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณพี่สาวเถียนมากครับ”
เซี่ยชิงหยวนซึ่งมองดูเหตุการณ์นี้อยู่ห่าง ๆ ก็พลันตระหนักได้ว่าคนที่เสิ่นอี้โจวแนะนำมานั้นเหมาะสมแล้ว
เธอเดินเข้าไปพร้อมตะโกนเรียก “พี่สาวกุ้ยฟาง”
เมื่อเถียนกุ้ยฟางเห็นเซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาหาพร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน เธอก็เอ่ยตอบกลับไปด้วยไมตรีจิต “อ้าว น้องชิงหยวน!”
หากแต่ระยะเวลาเพียงครึ่งวัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นราวกับว่ารู้จักกันมานานหลายปี และนี่ก็เป็นความสามารถหนึ่งของเถียนกุ้ยฟาง
เมื่อทุกคนได้เห็นเสิ่นทิงอวิ๋น ก็พลันมีถ้อยคำชมเชยพัดมาอีกระลอก เป็นสุธนกุมารข้างกายพระโพธิสัตว์หรือยังไงกันนะ ทำไมถึงได้รับคำชมเชยสรรเสริญอันไพเราะเสนาะหูเช่นนี้อยู่เรื่อยมาไม่มีหยุด
บางคนมองดูใบหน้าที่ขาวนวลผุดผ่องของเสิ่นทิงอวิ๋นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัส แต่เมื่อพวกเขาเห็นมืออันหยาบกร้านของตนก็พลันรั้งมือกลับไป
เพราะเกรงว่าหากแตะต้องไป เด็กน้อยจะร้องไห้งอแงเอาได้
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยขึ้นว่า “พวกคุณตามสบายเถอะค่ะ ฉันแค่จะยืนดูอยู่ข้าง ๆ น่ะ”
จากนั้นหญิงสาวก็ก้าวเท้าออกไป ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ในขณะที่ดูพวกเธอทำงาน
ทว่าแท้จริงแล้ว หางตาของเธอกำลังเฝ้าสังเกตผู้หญิงที่เหลือว่ามีใครพอจะใช้การได้บ้างหรือไม่
ศูนย์บรรเทาความยากจนมีคนไม่มากนัก จึงทำได้เพียงเลือกคนในพื้นที่เท่านั้น
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง พืชผักที่ต้องส่งไปยังกองทัพในวันพรุ่งนี้ก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อย น้ำหนักรวมราว 50 กิโลกรัม มันหวานและแป้งข้าวโพดจำนวนหนึ่ง ซึ่งทุกคนเก็บตุนไว้เมื่อฤดูหนาวที่แล้วก็ถูกนับรวมไปด้วยเช่นกัน
เดิมทีผู้หญิงที่ถูกเถียนกุ้ยฟางปฏิเสธไปในตอนแรกนั้นต้องการเอามันฝรั่งจากบ้านของตัวเองมาด้วย
แต่ใครเลยจะรู้ว่าเถียนกุ้ยฟางไม่ได้ตามใจเธอ ซ้ำยังเย้ยหยันออกมาโดยตรง “มีใครไม่รู้บ้างว่าช่วงเวลานี้หน่ออ่อนของมันฝรั่งนั้นโตจนแก่หมดแล้วเสียด้วยซ้ำไป เธอกล้าปริปากเอ่ยออกมาแบบนี้ได้ยังไง?”
มันฝรั่งส่วนใหญ่ที่อยู่ที่บ้านในตอนนี้นั้นเหลือจากปีที่แล้ว และจะเก็บไว้สำหรับการขยายพันธุ์ในปีนี้ โดยปกติแล้วจะเก็บไว้ในห้องมืดและชื้นเพื่อช่วยให้มันฝรั่งแตกหน่อ
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูกระดากอาย ด้วยรู้สึกว่าเถียนกุ้ยฟางไม่ไว้หน้าตน จึงก่นด่า “ฉันว่าแกก็แค่อาศัยความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวเองกับภรรยาของผู้อำนวยการเสิ่นนั่นแหละ เพื่อจะได้ส่งพืชผลทั้งหมดของครอบครัวตัวเองไปขายให้กับกองทัพ แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋าคนเดียวสินะ!”
ผู้หญิงคนนั้นมีโทสะมากจนถึงขั้นถ่มน้ำลายใส่หน้าเถียนกุ้ยฟางทีเดียว
เถียนกุ้ยฟางแตะน้ำลายบนใบหน้าของเธอ พลางระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตร แต่ก็พยายามข่มเอาไว้อย่างอดกลั้น “ของต่าง ๆ นั้นสามารถกินได้ตามใจปาก แต่คำพูดไม่อาจพูดตามอำเภอใจได้ หากเขายอมรับพืชผลของฉัน นั่นก็เพราะฉันมีความสามารถ ผักที่ปลูกก็มีคุณภาพ เกี่ยวอะไรกับคุณนายเสิ่นกัน? เธอเองก็แค่ต้องการจะตะกายขึ้นที่สูงแล้วเหยียดหยามคนอื่นก็เท่านั้น ลองเบิกตามองพืชผลที่ถูกเลือกสรรไปในวันนี้ด้วยตัวเองดู มีอันไหนบ้างที่คุณภาพด้อยกว่าของเธอ? เธอลองคิดดูซิว่าทำไมเขาถึงจะไม่เลือกของดี แล้วมาเลือกของแย่ ๆ ของครอบครัวเธอด้วย? ไม่ใช่แค่แย่เสียด้วยซ้ำไป หากครอบครัวของเธอสามารถกินมันได้เอง ฉันจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้เลย อยากจะได้เงิน แต่จะมาหน้าไม่อายแบบนี้ไม่ได้!”
เมื่อวาจาของเถียนกุ้ยฟางจบลง ทุกคนในบริเวณนี้ก็พากันหัวเราะออกมา
พวกเธอทุกคนรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนขี้เกียจมากเล่ห์ ถึงขั้นที่ว่าเมื่อเช้าวานนี้มีการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ เถียนกุ้ยฟางยังไม่เรียกเธอไปเสียด้วยซ้ำ
แต่ข่าวดังกล่าวถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนี้จึงทราบเข้า ทั้งยังบอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนนี้ให้ไปตรวจดูแปลงผักของเธอ เถียนกุ้ยฟางกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะเสียเปรียบจึงตามมา
ผู้หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ก็หน้าบูดร้าวกับก้นลิง ทั้งยังอับอายเกินกว่าจะรั้งอยู่ต่อ จึงหยิบตะกร้าบนพื้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วจากไป
เมื่อเดินผ่านเซี่ยชิงหยวน เธอก็มองหญิงสาวอย่างเหี้ยมโหด
เซี่ยชิงหยวนยักไหล่เบา ๆ และไม่สนใจเธอ
เถียนกุ้ยฟางพลันเดินเข้ามาหา “น้องชิงหยวน มาหาฉันมีอะไรรึเปล่า?”
เมื่อเถียนกุ้ยฟางจัดการกับปัญหานี้เสร็จสิ้น เซี่ยชิงหยวนซึ่งคอยสังเกตอย่างละเอียดจากข้าง ๆ ก็มั่นใจในความสามารถของเธอ
หญิงสาวก็บอกใบ้ให้เถียนกุ้ยฟางขยับมาอยู่ข้าง ๆ เพื่อที่ทั้งสองคนจะได้พูดคุยกันสะดวกขึ้น
ขณะที่ทั้งสองเดินเคียงข้างกันบนคันนา เซี่ยชิงหยวนพลันเอ่ยขึ้น “พี่สาวกุ้ยฟาง ไม่ทราบว่าคุณสนใจทำงานในศูนย์บรรเทาความยากจนหรือเปล่าคะ?”
เมื่อเถียนกุ้ยฟางได้ยินดังนั้น เธอก็เงียบลงครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ว่ายังไงนะ?”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวต่อ “อย่างที่คุณทราบ สามีของฉันเป็นคนแนะนำให้ฉันไปหาคุณในตอนแรก โดยบอกว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์ ทั้งยังมีความสามารถ หลังจากพูดคุยสมาคมกันมาหนึ่งวันเต็ม ๆ ฉันคิดว่าคุณมีความสามารถไม่น้อยเลยจริง ๆ นี่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อผัก เพียงต้องการคนเข้ามาช่วยดูแลงานเท่านั้น ฉันจึงคิดว่าจะแนะนำและรับรองให้ คุณคิดเห็นยังไงบ้างคะ? คุณวางใจได้เลยค่ะ ทุกอย่างนี้ล้วนจ่ายเงินเดือนแน่นอน”
มองขาดเรื่องนับหมื่นพัน เว้นเพียงประจบสอพลอ เถียนกุ้ยฟางพลันอ้าปากค้างในทันที
เซี่ยชิงหยวนไม่เพียงแต่ขอให้เธอช่วยงานที่ศูนย์บรรเทาความยากจนเท่านั้น ทว่ายังบอกว่าเธอจะได้รับเงินเดือนด้วย นี่คือเรื่องดี!
เธอจึงพยักหน้าตกลง “ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ ไม่มีปัญหา!”
เธอกล่าวเชิญเซี่ยชิงหยวนอย่างกระตือรือร้นว่า “ไป ไปนั่งคุยกันที่บ้านฉันเถอะ เรายังมีเรื่องดี ๆ ให้พูดคุยกันอีกมากเลย”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ปฏิเสธ พลันยินยอมไปกับเธอแต่โดยดี เป็นโอกาสดีที่หญิงสาวจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นี่ให้มากขึ้น
บ้านของเถียนกุ้ยฟางนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกของแปลงผัก ตอนเดินผ่านภูเขาไป ในขณะทั้งสองผ่านเชิงเขา เสิ่นทิงอวิ๋นที่นิ่งเงียบเป็นเด็กดีมาตลอดก็พลันส่งเสียงร้องอ้อแอ้ออกมา
ดวงตากลมโตของเขามองไปทางเนินเขาด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง พร้อมกับขยับตัวโลดเต้นไปมา
สายตาเฉียบคมของเซี่ยชิงหยวนมองไปบนพื้นด้านข้างโดยพลัน ก่อนที่เธอจะต้องตกใจเสียจนวิญญาณแทบออกจากร่าง!