กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 526 จุดอ่อนบางครั้งอาจกลายเป็นเกราะที่อยู่ยงคงกระพัน
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 526 จุดอ่อนบางครั้งอาจกลายเป็นเกราะที่อยู่ยงคงกระพัน
บทที่ 526 จุดอ่อนบางครั้งอาจกลายเป็นเกราะที่อยู่ยงคงกระพัน
บทที่ 526 จุดอ่อนบางครั้งอาจกลายเป็นเกราะที่อยู่ยงคงกระพัน
หลินตงซิ่วแข็งค้างทันที “หา ทำไมล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนนึกถึงภาพของกลุ่มชาวบ้านยากจนที่เธอเพิ่งเห็นและเข้าใจในทันที
เธอกระซิบ “แม่คะ ถ้าวันแรกที่เรามาถึงที่นี่แล้วกินเนื้อทันทีมันอาจเกิดปัญหาได้นะ”
ขณะที่พูด เธอก็ชี้ไปข้างนอก
ขณะที่เดินมาตามทาง เธอสังเกตเห็นว่ายกเว้นการปลูกพืชธรรมดา ผู้คนที่นี่ไม่นิยมเลี้ยงสัตว์ปีกและทำปศุสัตว์ พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่มีเสาเตี้ย ๆ และหลังคามุงจาก
นี่แสดงให้เห็นว่าชีวิตของผู้คนที่นี่ยากลำบากเพียงใด หลาย ๆ คนอาจไม่เคยกินเนื้อสัตว์เลยสักครั้งในชีวิต
เสิ่นอี้โจวมาที่นี่เพราะต้องการบรรเทาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจที่นี่ให้ทุกคนอยู่ดีกินดีขึ้น ในฐานะสมาชิกครอบครัวข้าราชการจะมากินเนื้อทันทีที่มาถึง พวกชาวบ้านทั่วไปจะคิดยังไง? ถ้าเป็นแบบนั้นเสิ่นอี้โจวจะปกครองคนเหล่านี้ได้ยังไง?
ผู้คนในเขตทุรกันดารเป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์ แต่ก็อาจจะดื้อรั้นหัวแข็งเช่นกัน
ดังนั้นควรระวังไว้จะดีกว่า
หลินตงซิ่วก็เข้าใจเช่นกัน และใบหน้าของเธอก็ซีดลงด้วยความหวาดกลัว
เธอซ่อนหมูอบแห้งทันทีและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นแม่จะไม่กินเนื้อสัตว์อีกต่อไป”
เธอเหลือบมองที่เสิ่นทิงหลานในอ้อมแขนแล้วพูดว่า “มันไม่เป็นไรที่เราจะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ลูกยังต้องให้นมอยู่ ลูกจะกินแบบเดียวกับเราได้ยังไงล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ ไม่สำคัญหรอกว่าหนูจะไม่กินเนื้อสัตว์สักพัก เด็ก ๆ สามารถดื่มนมผงช่วยได้”
เธอเดินไปหยิบของแห้งเช่นเห็ดอบแห้งออกมาแล้วพูดว่า “สิ่งเหล่านี้จริง ๆ แล้วมันมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเนื้อสัตว์ด้วย เอาไว้เราเลี้ยงไก่ก่อน เราก็จะมีไข่และเนื้อกินกันแล้ว”
หลินตงซิ่วพยักหน้าด้วยความทุกข์ในนัยน์ตาของเธอ พลางถอนหายใจหยิบเห็ดอบแห้งไปที่ห้องครัวเล็ก ๆ ข้างนอกแล้วปิดประตูไม้ไผ่ให้พวกเขา
เมื่อประตูปิด เสิ่นอี้โจวก็ก้าวมาข้างหน้ากอดเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขน และไม่ได้พูดอะไรกันเป็นเวลานาน
หลังจากผ่านไปสักพัก เสิ่นอี้โจวก็ปล่อยภรรยาและเอามือที่หยาบกร้านของเขาสัมผัสใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นของเธอ “ผมเป็นคนทำให้คุณลำบากมาที่นี่แท้ ๆ เลย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและส่ายหัว “เห็นคุณเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งโทษตัวเองที่ไม่มาให้เร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำนะ”
อย่างน้อย ๆ ระหว่างที่เขาทำงานหนักก็ยังมีคนดูแล
เสิ่นอี้โจวคิดถึงสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากในปัจจุบันและความปลอดภัยรอบ ๆ ข้างนอก เขาลังเลที่จะพูด
หลิงเยี่ยคงบอกเธอทุกอย่างแล้วระหว่างทางมาที่นี่แล้ว
ขณะเดียวกัน เซี่ยชิงหยวนรู้ดีว่าสามีของเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เธอยิ้มและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันอยากจะทำอะไรในอาชีพการงานของฉัน นอกเหนือจากการทำเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในประเทศ”
เสิ่นอี้โจวส่ายหัวและรอให้เธอพูด
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “มันคือการสนับสนุนการสร้างชายแดนของประเทศ”
เธอเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านซิ่งฮวาและผ่านความทุกข์ยากมากมาย เธอเคยฟังเรื่องราวของปู่เกี่ยวกับบรรพบุรุษหลายคนที่เสียสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อสร้างประเทศนี้ขึ้นมา
ในช่วงสิบปีที่ยากลำบากที่สุด ผู้คนจำนวนมากต้องกินเปลือกไม้ ดิน และแม้กระทั่งกินเมล็ดพืชเป็นอาหาร
หญิงสาวรอดชีวิตมาได้ด้วยพรจากครอบครัว แต่เธอยังมีความตั้งใจเก็บอยู่ในใจ: เธออยากมีส่วนร่วมในการสร้างมาตุภูมิ
เธอแนบตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “บางทีมันอาจเป็นโชคชะตาของสวรรค์ที่ให้ฉันติดตามคุณมาที่นี่ก็ได้”
เมื่อฟังคำพูดของเธอ เสิ่นอี้โจวสัญญาอย่างจริงจัง “ผมสัญญากับคุณ ภายในห้าปีผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่อย่างสง่าผ่าเผยแน่นอน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอดูนะคะ เลขาธิการเสิ่น”
…
อาหารเย็นถูกเตรียมอย่างรวดเร็ว
ข้าวขาว แกงเห็ด เห็ดผัด และซาลาเปาไส้ผักสองสามลูกที่พวกเขาเหลือจากมื้อกลางวันถูกนำมานึ่งใหม่ขณะทำอาหาร
หลินตงซิ่วเห็นเสิ่นอี้โจวมองไปที่หม้อข้าวขาวและพูดทันทีว่า “อย่ามองแม่แบบนั้น ไม่ว่ายังไงข้าวขาวนี้ก็จำเป็นต้องเอามากินกัน ดูสิ ลูกผอมเหมือนลิงแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ ผลักเสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณคงแยกความแตกต่างระหว่างรสชาติของข้าวกับน้ำข้าวไม่ได้ แม่รู้สึกเสียใจแทนคุณน่ะ”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวแสดงอารมณ์ขอโทษและพูดว่า “หลังจากนี้อีกไม่นานเมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น ผมจะให้คนเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อสัตว์ปีกและปศุสัตว์มา ทุกครัวเรือนที่นี่ควรจะเลี้ยงพวกมันบ้าง”
แน่นอนว่าใครจะเลี้ยงอะไร จะได้รับรางวัลอะไรหลังจากเลี้ยงหรือจะจัดการกับมันอย่างไรยังต้องมีการวางแผนเพิ่มเติม
บริเวณชายแดนของมณฑลยูนนานมีสถานที่หลายแห่งยากจนหรือยากจนกว่าที่นี่ ไม่ใช่ว่าผู้คนไม่อยากทำนาหรือเพาะพันธุ์สัตว์ แต่เป็นเพราะภูเขาปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาสู่โลกภายนอก
ถ้าสินค้าขายไม่ได้และคนหมู่บ้านเดียวกันไม่มีเงินพอจ่าย ผู้คนจะหาเงินทุนได้จากที่ไหน?
ในกรณีนี้ ทำไมไม่พึ่งพาตนเองล่ะ?
ดังนั้นผู้คนในสถานที่เหล่านี้จึงยากจนเหมือนเช่นเดิม
เซี่ยชิงหยวนกะพริบตาให้เขา “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ที่คุณเก็บไว้ที่บ้านมาหลายเล่มแล้ว และก็ขอคำแนะนำจากศาสตราจารย์เติ้งด้วย ฉันสามารถให้คำแนะนำแก่คุณเมื่อถึงเวลาได้นะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนภรรยาของผมแล้ว”
เฉินอี้หลินมองดูข้าวกับผักบนโต๊ะแล้วกลืนน้ำลาย “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เรากินข้าวก่อนไหม?”
หลังจากเดินมาทั้งวันเขาก็หิวแทบตายแล้ว
ทั้งครอบครัวกินอาหารเสร็จภายใต้แสงเทียนสลัว ๆ และก่อนที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันต่อก็มีเสียงเคาะประตู
เสิ่นอี้โจวขานรับและลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะพูดกับเซี่ยชิงหยวน “คืนนี้ล็อกประตูและหน้าต่างให้แน่นหนา ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย ผมจะออกไปลาดตระเวนกับพวกเขาหน่อย”
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนตึงเครียด “ทำไมคุณถึงต้องไปลาดตระเวนเองด้วยล่ะ?”
สีหน้าของเสิ่นอี้โจวกังวลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “สถานที่แห่งนี้ล้อมรอบด้วยพม่าทั้งสามด้าน พรมแดนไม่มีกำแพงทางธรรมชาติในหลาย ๆ ที่ บางเมืองของเราติดกับเมืองของอีกฝ่าย หมู่บ้านบางแห่งก็ติดกับหมู่บ้านของพม่าหรือบางทีไร่สวนก็ติดกับของอีกฝั่งด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนไม่เพียงพอ ชาวบ้านจึงต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่กันเองน่ะ”
“ทหารและผู้ชายที่แข็งแรงเป็นตัวเลือกแรก ส่วนผู้หญิงและผู้สูงอายุเป็นตัวเลือกรองลงมา…”
ขณะที่เขาพูด เสียงของเสิ่นอี้โจวก็หนักขึ้น
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยคิดว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ขนาดนี้
เธอไม่มีเวลาถามเสิ่นอี้โจวว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนหน้าที่ตัวเองชั่วคราว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงส่งเขาออกไปด้วยสายตาที่เป็นกังวล “อี้โจว ดูแลตัวเองด้วยนะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้ามองที่ภรรยาและครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นหันกลับเดินเข้าไปในความมืดมิดของค่ำคืน
เมื่อเขาอยู่ที่นี่ตามลำพัง เขาคิดถึงภรรยาและลูก ๆ เสมอ แต่เมื่อครอบครัวของเขามาถึง มันทำให้เขามีจุดอ่อน แถมเป็นจุดอ่อนที่เขาไม่อาจซ่อนไว้ได้
เขาพยายามแล้วที่จะไม่ให้เซี่ยชิงหยวนมาที่นี่
แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะไม่เห็นด้วยกับการต้องอยู่แยกกันเป็นเวลาหลายปีอย่างแน่นอน
คืนก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เซี่ยชิงหยวนพูดกับเขาว่า “ตราบใดที่ฉันได้อยู่กับคุณ ฉันยินดีที่จะตาย ไม่เพียงแต่เราไม่ได้ตายด้วยกันในชาติที่แล้วเท่านั้น แต่แม้แต่หลุมศพก็ยังห่างไกลกันมาก น่าเสียดายจริง ๆ”
ท้ายที่สุดเขาก็ยอมแพ้ให้ความคิดที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง อนุญาตให้ครอบครัวมาอยู่เคียงข้าง ซึ่งทำให้ทุกคนเข้าใกล้อันตรายมากขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์อันหนาวเหน็บ และความมุ่งมั่นของเขาที่จะสร้างสถานที่แห่งนี้ให้ดีก็แข็งแกร่งขึ้น
จุดอ่อนบางครั้งอาจกลายเป็นเกราะที่อยู่ยงคงกระพัน