กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 51 ไม่มีใครสำคัญเท่าคุณ
บทที่ 51 ไม่มีใครสำคัญเท่าคุณ
บทที่ 51 ไม่มีใครสำคัญเท่าคุณ
เมื่อสายตาของเซี่ยชิงหยวนสบเข้ากับเธอ ฉินซูอวี้ตกตะลึงไปในคราแรก แต่จากนั้นหญิงสาวก็เชิดคางขึ้นแล้วยิ้มตอบกลับไป
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยจริง ๆ
เธอกลืนถ้อยคำที่ต้องการปฏิเสธแต่เดิม ก่อนจะถอนสายตาและยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “ได้ค่ะ ฉันจะไปด้วย”
สายตาของเซวียไฉ่เฟิ่งมองสลับไปมาระหว่างเซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจวและ ฉินซูอวี้ แม้ใบหน้าของเธอจะแย้มยิ้ม แต่ในใจของเธอกำลังรอคอยที่จะได้ดูโชว์ดี ๆ
แต่เธอไม่คาดคิดว่า สามคนนี้จะมีความอดทนมากขนาดนี้
ทุกคนกำลังรออยู่ เซี่ยชิงหยวนจึงไม่ได้คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวแค่ถือของกลับเข้าไปในห้อง ส่องกระจกเล็กน้อยเพื่อดูความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนจะออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินซูอวี้ เซี่ยชิงหยวนคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวจริงจังอะไรนัก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมองว่าเธอให้คุณค่ากับตนเองมากเกินไป
โจวหยางเป็นคนตัดสินใจเรื่องสถานที่ทานอาหารกลางวัน มันเป็นร้านอาหารส่วนตัวที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา มันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ทั้งร้านกินพื้นที่เพียงแปดสิบถึงเก้าสิบตารางเมตรเท่านั้น
โจวหยางเดินนำหน้าในขณะที่พูดคุยกับเซี่ยชิงหยวนไปด้วย “แผนกของเราเคยมาที่ร้านอาหารนี้สองครั้งแล้ว ทั้งสะอาดถูกสุขอนามัยและรสชาติอาหารก็ดีเยี่ยมเลยล่ะครับ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพยักหน้า “อืม มันก็ดูดี”
หลังจากที่เธอพูดจบ ฉินซูอวี้ซึ่งเงียบมาตลอดทางก็พูดขึ้น
เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนแล้วจึงพูดว่า “ฉันได้ยินมาจากอี้โจว ชื่อของเธอคือชิงหยวนใช่ไหม เธอเคยอยู่แต่ในชนบทมาก่อน อาจจะยังไม่เคยเข้าร้านอาหาร แต่วันนี้อี้โจวเป็นเจ้ามือ เพราะงั้นไม่ต้องเกรงใจนะ สั่งอาหารได้ตามสบายเลย”
แม้ว่าฉินซูอวี้จะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่สิ่งที่เธอกล่าวออกมานั้นขวานผ่าซากเกินไป
มันไม่เพียงเป็นการเสียดสีชิงหยวนผู้มาจากหมู่บ้านชนบท แต่อีกฝ่ายยังเรียก ‘อี้โจว’ ด้วยความสนิทสนม ราวกับเธอและเสิ่นอี้โจวเป็นเจ้าภาพ ส่วนหญิงสาวเป็นเพียงแขกเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันในบรรยากาศรอบกายที่เปลี่ยนแปลงไปของชายหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นและสันกรามที่ขยับไหว
หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขากำลังจะกล่าวเพื่อช่วยเธอ
แต่เซี่ยชิงหยวนต้องการจะสอนบทเรียนให้ผู้หญิงคนนี้ด้วยตนเองมากกว่า
ดังนั้นหญิงสาวจึงสะกิดฝ่ามือของเสิ่นอี้โจวเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูด
จากนั้นเธอรักษารอยยิ้มการค้้าเอาไว้ พลางมองไปยังฉินซูอวี้ “ขอโทษนะคะ ว่าแต่คุณเป็นเหรอ? คุณดูแก่มากเลย ฉันก็เลยไม่รู้จักน่ะค่ะ”
ส่วนเสิ่นอี้โจว หากเจ้าหมาหนุ่มนี่กล้าไม่พอใจเธอ หรือทำให้เรื่องยุ่งยากให้ฉินซูอวี้ละก็ เธอจะจัดการเขาแน่ ๆ หากกลับไปถึงบ้านแล้ว
ท่าทางของฉินซูอวี้แข็งทื่อ แต่เธอกลับไม่ได้ดูไม่มีความสุขนัก “ฉินซูอวี้ อี้โจวต้องเคยพูดให้เธอได้ยินบ่อย ๆ แน่ ฉันชื่อฉินซูอวี้ จากนี้ไป เธอจะเรียกฉันว่าซูอวี้ก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เซี่ยชิงหยวนก็ยกยิ้ม
ทว่ามันกลับเบาเกินกว่าจะได้ยิน
ถึงอย่างนั้นเธอกลับยิ้มรับมันไว้
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างขอโทษขอโพย “ขอโทษทีนะคะ แต่ฉันไม่เคยได้ยินอี้โจวพูดถึงเธอเลยจริง ๆ”
จากนั้นเธอมองไปทางโจวหยางกับหลี่กวงหัว “อี้โจว พูดถึงสองคนนี้กับฉัน แต่เธอ…”
กำลังเสนอหน้าต่อหน้าเธออย่างนั้นเหรอ?
ฉันจะทำให้เธองงตึ้บจนหาทิศเหนือไม่เจอเลยคอยดู!
คราวนี้ มุมปากของฉินซูอวี้แข็งค้าง
เธอมองไปที่เสิ่นอี้โจวด้วยความหงุดหงิด “ฉันนึกว่าอี้โจวจะพูดถึงฉันว่าเป็นคนสำคัญซะอีก”
คนสำคัญกับเพื่อนร่วมงานที่สำคัญเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม ฉินซูอวี้แค่ต้องการทำให้ผู้คนสับสนเท่านั้น
ทว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ถูกเธอหลอกได้ง่าย ๆ หญิงสาวทำหน้าตาไม่เห็นด้วยทันที
“จริงเหรอ? อันที่จริงอี้โจวอาจจะไม่ได้คิดว่าคุณสำคัญขนาดนั้นก็ได้นะ?”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนหันไปมองชายหนุ่ม “จริงไหมคะ อี้โจว?”
เสิ่นอี้โจวจึงโรยน้ำตาลต่อหน้าคนอื่นโดยไม่ลังเล “ไม่มีใครสำคัญไปกว่าคุณ”
เซี่ยชิงหยวนนิ่งอึ้งไปในทันที “…”
เอ่อ…ปริมาณน้ำตาลเกินความคาดหมายของเธอมาก…
ตอนนี้ฉินซูอวี้ไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกแล้ว
เธอแอบกำหมัดระงับความไม่พอใจเอาไว้ และพูดออกมาแห้ง ๆ ว่า “อ้อ นั่นสินะ”
เธอจะฉวยโอกาสช่วงบ่ายขอให้โจวหยางเกลี้ยกล่อมหลี่กวงหัวให้บอกเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับงานฉลองในคืนนี้
เธอเห็นความลังเลแวบผ่านใบหน้าของเสิ่นอี้โจว ซึ่งเป็นการแสดงออกตามปกติของเขาเมื่อเขาต้องการปฏิเสธบางสิ่ง
ดังนั้นหญิงสาวจึงพูดเสริมว่า “อี้โจว ครั้งนี้ท่านผู้นำมาที่นี่เพื่อมอบรางวัลนี้ให้คุณโดยเฉพาะ ทำไมคุณไม่ใช้โบนัสของแผนกเพื่อเลี้ยงอาหารทุกคนล่ะคะ?”
ในที่สุดชายหนุ่มก็พยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้” จากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทุกคนได้ทำงานกันมาหนักมาก และการสนับสนุนจากคนในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ฉะนั้นมื้อเย็นวันนี้พาครอบครัวของแต่ละคนมาด้วยนะ ผมจะเลี้ยงอาหารทุกคนเอง”
หลังจากเสิ่นอี้โจวพูดจบ โจวหยางก็รับลูกต่อทันทีและตะโกนบอกทุกคน
ฉินซูอวี้เกือบจะกระโจนออกไปเพราะความโกรธ หญิงสาวสาปแช่งโจวหยางในใจที่ทำตัวดีอกดีใจ ซึ่งขัดกับความตั้งใจที่แท้จริงของเธอ
เธอค่อย ๆ ละทิ้งความคิดที่จะทำในช่วงบ่าย และมองไปยังคู่สามีภรรยาที่กำลังทำตัวหวานต่อหน้าเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ
ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนที่พบเสิ่นอี้โจวก่อน เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นจากการแข่งขันวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัย และจากนั้นก็ไล่ตามอีกฝ่ายมาที่เตียนเฉิงหลังจากสำเร็จการศึกษา
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มาช้าเกินไป เพราะคนในสถาบันบอกกับเธอว่า เสิ่นอี้โจวได้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ครอบครัวของเขาแนะนำให้ไปแล้ว
เธอมักรู้สึกว่ายุคปัจจุบันเป็นสังคมใหม่แล้ว การคลุมถุงชนแบบในอดีตคงไม่มีความสุขแน่ ๆ
มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นคู่แท้ และเป็นคนที่เหมาะสมกับเสิ่นอี้โจว
ผู้หญิงจากชนบทคนนั้นต้องเป็นคนโง่เขลาไร้การศึกษา เป็นพวกหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่มีใครบอกเธอเลยว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่เห็นความล้าหลังและโง่เขลาของภรรยาของเสิ่นอี้โจวเลยแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีที่สงบและเยือกเย็นมาก
มันเหมือนกับวิธีที่เซี่ยชิงหยวนมองเธอในตอนนี้ ราวกับอีกฝ่ายมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นก็ลอบดูการกระทำของเธออย่างเงียบงัน
ทันใดนั้น หญิงสาวก็รู้สึกอึดอัดราวกับถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ไปถึงไส้ถึงพุง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอีกฝ่ายจะเหนือความคาดหมายไปสักแค่ไหน เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องนี้
“อา พวกคุณเพิ่งมาเหรอ!”
ในขณะนั้นเอง มีคนออกมาจากหลังฉากกั้นในร้านอาหาร และเมื่อคนคนนั้นเห็นกลุ่มของเสิ่นอี้โจว เขาก็ทักทายอย่างอบอุ่น
หลังจากการทักทายของคนคนนั้น หลายคนออกมาจากด้านหลังฉากกั้น ในกลุ่มมีทั้งชายและหญิง
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าคนเหล่านี้ควรเป็นเพื่อนร่วมงานของเสิ่นอี้โจว และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา
เสิ่นอี้โจวพาเซี่ยชิงหยวนไปทักทายพวกเขาราวกับพวกเขารู้จักกันมาก่อน
ทุกคนรู้สึกพิเศษมาก โดยเฉพาะเมื่อคนอื่น ๆ ได้เจอเซี่ยชิงหยวนที่เป็นผู้หญิงที่สวยมาก มันเหมือนกับพวกเขาได้เป็นเปิดหูเปิดตา
ดังนั้นพวกเขาจึงยกย่องเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวว่าเป็นคู่สวรรค์สร้าง ผู้หญิงสวยคู่กับชายผู้มีพรสวรรค์
เมื่อฟังคำชมของทุกคน ฉินซูอวี้ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ
ในบรรดาคนเหล่านี้ ก่อนที่จะพบกับเซี่ยชิงหยวน พวกเขาไม่ได้พูดลับหลังหรือว่าสามีภรรยาคู่นี้หมางเมินกัน?
แต่สำหรับฉินซูอวี้ซึ่งเกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในเมืองหลวงของมณฑล สิ่งพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
ตอนแรกเธอสังเกตอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ลอบเปลี่ยนที่กับโจวหยาง เธอกับโจวหยางนั่งติดกัน และมีที่นั่งว่างเพียงสองที่ข้าง ๆ เธอ
เซวียไฉ่เฟิ่งดึงตัวเซี่ยชิงหยวนไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลือที่นั่งข้างกายเธออีกแค่ที่เดียว
เสิ่นอี้โจวจึงต้องนั่งข้างเธอ แม้เขาจะไม่ต้องการก็ตาม
เพราะเขาคงไม่อยากทำให้เธออับอายต่อหน้าคนมากมายหรอก