กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 500 ความปรารถนา
บทที่ 500 ความปรารถนา
บทที่ 500 ความปรารถนา
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งคู่ต่างก็คาดไม่ถึง และชั่วครู่หนึ่ง ต่างคนต่างเบิกตามองกันอย่างทำอะไรไม่ถูก
ในตอนนั้นเอง คุณแม่เฮ่อคลำหาทางมายังประตูแล้วเอ่ยถามว่า “อาเซียงเป็นยังไงบ้าง? เป็นลมรึเปล่า?”
ถ้อยคำของคุณแม่เฮ่อทำให้อาเซียงตกใจตื่น หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มผืนบางข้าง ๆ มาคลุมร่างกายเอาไว้
อากาศในเดือนกันยายนของเมืองกว่างโจวนั้นยังคงร้อนระอุ อาเซียงจึงชอบอากาศเย็นในตอนกลางคืนเป็นอย่างยิ่ง และไม่ห่มผ้าห่ม ทั้งยังสวมใส่ชุดนอนที่ใส่แล้วเย็นอีกด้วย
แม้ว่ารีบนำผ้าห่มมาคลุมตัว ทว่าหญิงสาวก็ยังคงมองเห็นทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ผลิจากเฮ่ออวี้เฟิง
แสงจันทร์และไฟทางเดินส่องผ่านหน้าต่างและประตู กระทบไหล่กลมโค้งมนและเรียวขาสวยของอาเซียง แม้ว่าจะชัดเจนนัก แต่ก็เป็นความงดงามอันคลุมเครือที่น่าหลงใหล
เฮ่ออวี้เฟิงหมุนตัวหันหลังกลับ และช่วยพยุงคุณแม่เฮ่อเดินออกไป เสียงของเขาตะกุกตะกัก “อา…อาเซียงไม่เป็นอะไรครับ พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ”
เมื่อคุณแม่เฮ่อได้ยินว่าอาเซียงสบายดีจึงเบาใจ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมชายหนุ่ม
เขาหันกลับมาพลางเอ่ย “อาเซียง อย่างนั้นเธอก็พักผ่อนต่อเถอะ”
อาเซียงซึ่งใบหน้ายังคงแดงระเรื่อเอ่ยตอบ “… ค่ะ”
เธอฟังเสียงการเคลื่อนไหวนอกประตู ซึ่งมีทีท่าว่าแม่ลูกคู่นั้นจะเดินไปยังห้องนั่งเล่นแล้ว
อาเซียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสวมเสื้อผ้าทับไว้ด้านนอก แล้วจึงลุกขึ้นและออกไปจากห้อง
เมื่อเธอไปถึงห้องนั่งเล่น คุณแม่เฮ่อก็บังเอิญพูดคุยกับเฮ่ออวี้เฟิงถึงเรื่องแม่สื่อที่มาที่บ้านในตอนกลางวันพอดิบพอดี
หญิงสาวจงใจก้าวเท้าหนัก ๆ เข้าไปใกล้ประตู เสียงพูดคุยกันของแม่และลูกชายพลันเงียบลงครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงของคุณแม่เฮ่อจะดังขึ้น “อาเซียงตื่นแล้วเหรอ?”
อาเซียงเอ่ยตอบจากหน้าประตูว่า “ค่ะ คุณแม่เฮ่อ”
จากนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เธอนั่งลงอีกด้านหนึ่ง และรู้สึกได้ว่าสายตาของเฮ่ออวี้เฟิงที่จ้องมองเธอนั้นร้อนผ่าวเล็ก ๆ ทำให้หญิงสาวเขินอายมากจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
คุณแม่เฮ่อหัวเราะ “ป้าคุยเรื่องนัดดูตัวกับอวี้เฟิงอยู่พอดีเลย”
อาเซียงเออออไปกับถ้อยคำของคุณแม่เฮ่อ พลางเหลือบมองเฮ่ออวี้เฟิงอย่างหาญกล้า ก่อนจะรีบหลบสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาเฮ่ออวี้เฟิงนั้นสดใสแจ่มแจ้ง แล้วไหนล่ะความร้อนแรงที่เธอคิดว่าอยู่ในแววตาคู่นั้นเมื่อครู่นี้?
เมื่อได้ยินคุณแม่เฮ่อพูดถึงเรื่องนัดดูตัว เธอก็นั่งเงียบฟังอยู่ข้าง ๆ รอคำตอบของเฮ่ออวี้เฟิง
เฮ่ออวี้เฟิงกระแอมไอเบา ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้วเอ่ยว่า “แม่ครับ ตอนนี้ผมยังไม่คิดสนใจในเรื่องนี้ครับ”
เมื่ออาเซียงได้ยินดังนั้นก็แอบดีใจอยู่ในอก
คุณแม่เฮ่อพลันเอ่ยต่อว่ากลัวหัวเราะ “ไม่สนใจคิดเรื่องนี้นี่หมายความว่ายังไงกัน? อีกทั้งนี่ก็เป็นเพียงการไปพบหน้ากันเท่านั้น ใช่ว่าลูกจะต้องแต่งงานกับเธอทันทีเสียเมื่อไหร่”
สมัยนี้ผู้คนนั้นใจกว้างไม่เหมือนเมื่อก่อน ด้วยคำสั่งของพ่อแม่และคำพูดของแม่สื่อ คนสองคนซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนจึงต้องมาผูกสัมพันธ์กันในทันที
เธอยังได้ยินผู้คนพูดกันว่าเมื่อพูดถึงการผูกมิตรหรือเลิกรา การนัดดูตัวนี้ไม่เกี่ยวกับประโยคสิบพยางค์ที่ว่าคำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อเสียด้วยซ้ำ
หญิงชราระบายยิ้มมาทางอาเซียง แล้วเอ่ย “เธอรีบช่วยป้าโน้มน้าวเขาเร็ว เขาไม่รีบร้อน แต่ป้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว”
อาเซียงเงียบไป “…”
หญิงสาวฝีนยิ้ม “คุณแม่เฮ่อ พี่เฮ่ออาจมีแผนของตัวเองก็ได้ค่ะ หากให้ฉันไปโน้มน้าวเขาเกรงว่าจะไม่เหมาะไม่ควรนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณแม่เฮ่อก็หัวเราะ “ก็จริง ป้าแก่แล้วจึงเลอะเลือนไปบ้าง บอกให้เด็กสาวอย่างเธอเอ่ยโน้มน้าวเขาเสียอย่างนั้น”
หญิงชราเอ่ยแล้วก็พลันถอนหายใจ ก่อนพูดต่อ “เฮ้อ ช่างเถอะ ช่างเถอะ อายุอานามอย่างแม่ได้แต่มองลูกหลานของครอบครัวอื่น ส่วนที่บ้านของตัวเองนั้นเงียบเหงาเย็นเยียบตลอดทั้งวัน”
เธอลุกขึ้นยืนเท้ามือกับโต๊ะ ก่อนหยิบไม้เท้าขึ้นมา “เฮ้อ ก็แค่อิจฉาพวกเขาเท่านั้นแหละ”
เอ่ยจบแล้วก็ใช้ไม้เท้าคลำเพื่อจะกลับไปยังห้องของตัวเอง
เฮ่ออวี้เฟิงมองดูแผ่นหลังที่โค้งงอและอ้างว้างของคุณแม่เฮ่อก็พลันอดรนทนไม่ไหวอยู่ครู่หนึ่ง จึงปริปากเอ่ยขึ้น “แม่ครับ ผมตกลงครับ”
ใบหน้าของคุณแม่เฮ่อประดับด้วยรอยยิ้มขึ้นโดยพลัน
ก่อนจะได้ยินเฮ่ออวี้เฟิงพูดต่อ “หากแต่ให้พวกเราได้คุยกันก่อน เป็นการนัดดูตัวพบหน้ากันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แม่จะมาบังคับผมอีกไม่ได้แล้วนะครับ”
คุณแม่เฮ่อพยักหน้าซ้ำ ๆ “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”
เฮ่ออวี้เฟิงยืนขึ้น ก่อนจะก้าวเข้าไปช่วยพยุงเธอ “ให้ผมไปส่งแม่ที่ห้องก่อนนะครับ”
เอ่ยจบก็หันหน้าไปหาอาเซียงอีกครั้งแล้วพูดว่า “หากรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย แค่เรียกฉันได้เลยนะ แล้วฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเอง”
อาเซียงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รู้สึกเศร้าไม่น้อย เพราะเฮ่ออวี้เฟิงเพิ่งตกลงที่จะไปดูตัว อีกทั้งเมื่อได้ยินว่าเขาเองก็เป็นห่วงเป็นใยเธอเช่นนี้ จึงยิ่งทำให้อึดอัดหัวใจ
เธออยากถามเขาว่าเขาวางแผนจะแต่งงานจริง ๆ หรือเปล่า?
หากเป็นจริง เขาจะรับเธอไว้พิจารณาด้วยได้หรือเปล่า?
เธอคิดว่าการพัฒนาร่างกายของตัวเองนั้นค่อนข้างดี ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ทว่ายังพร้อมที่จะให้กำเนิดลูกของเขาด้วย
แต่ทันทีที่มองไปยังคุณแม่เฮ่อซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่รู้อะไรเลย ก็ทำให้เธอจำต้องกลืนคำถามที่อยากถามลงไปเสีย
หญิงสาวเพียงตอบรับเบา ๆ ว่า “ค่ะ ขอบคุณพี่เฮ่อ”
จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ฉันขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะ”
ในตอนที่อาเซียงเดินผ่าน ดูเหมือนว่าเธอจะมาพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ทำเอาเฮ่ออวี้เฟิงสูญเสียสมาธิไปชั่วขณะ
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อตอนที่รีบเข้าไปในห้องของหญิงสาว สีหน้าของเขาพลันเข้มขึ้น และบางส่วนในร่างกายก็ตื่นขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมนี้
และแรงกระตุ้นนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จ
ยิ่งพยายามสลัดภาพไร้สาระเหล่านี้ออกจากใจ กลับยิ่งควบคุมความคิดไม่ให้นึกถึงไม่ได้ ในท้ายที่สุด ความปรารถนาที่ไม่อาจลบล้างหรือซ่อนเร้นนี้ ผันแปรเป็นเสียงคำรามต่ำ ๆ ก่อนจะถูกชะล้างไปพร้อมกับกระแสน้ำ
เฮ่ออวี้เฟิงมองดูคราบสีขาวขุ่นบนพื้นเปียกชื้นแล้วขมวดคิ้วแน่นเสียจนแทบจะจับแมลงวันได้
ชายหนุ่มหลับตาพลางหายใจเข้าลึก ก่อนจะราดน้ำลงบนพื้นเพื่อทำความสะอาด
การอาบน้ำของเขานี้กินเวลานานเกือบชั่วโมง
เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็มืดมนราวกับหยดหมึก
ระหว่างทางกลับห้อง เขาต้องเดินผ่านห้องของอาเซียง ชายหนุ่มทำราวกับเห็นมหันตภัยร้ายแรง จึงหยุดฝีเท้าลงโดยพลัน แล้วหันหลังกลับเดินอ้อมไปอีกด้านของลานซักล้างเพื่อกลับเข้าห้องของตัวเอง
จากนั้นเสียงปิดประตูดัง “ปัง” ก็ดังขึ้น
อาเซียงซึ่งนอนอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูของเฮ่ออวี้เฟิง ดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นเล็กน้อย
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเข้ามาใกล้ประตูห้องของเธออย่างชัดเจน แต่จู่ ๆ เขาก็หันกลับไปทางอื่น แล้วกลับไปที่ห้องของตัวเองพร้อมปิดประตูเสียงดังลั่น
เท้าที่ก้าวไปข้างหน้านั้นตกลงไปดูตัวตามที่หาให้ ทว่าเท้าหลังกลับรังเกียจที่เธออาศัยอยู่ที่อย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งอาเซียงคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวกัดผ้าห่มพลางคิดอย่างโกรธเกลียดว่าเธอจะไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว!