กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 45 ถอดชุดของคุณ แล้วยอมนอนกับพี่สาวคนนี้ซะ!
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 45 ถอดชุดของคุณ แล้วยอมนอนกับพี่สาวคนนี้ซะ!
บทที่ 45 ถอดชุดของคุณ แล้วยอมนอนกับพี่สาวคนนี้ซะ!
บทที่ 45 ถอดชุดของคุณ แล้วยอมนอนกับพี่สาวคนนี้ซะ!
ถึงจะสัมผัสได้ว่าเสียงน้ำทางด้านหลังของเขาเงียบลง แต่เสิ่นอี้โจวก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมอง
ความทรงจำนั้นของเขาเหมือนกับหยดน้ำที่หยดลงไปในทะเลสาบ จากนั้นมันก็เกิดเกลียวคลื่นที่ไม่อาจสงบลงได้นาน โดยมีเธอเป็นศูนย์กลางความโกลาหลนั้น
เธอคงลืมการพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเขาไปแล้ว
มันเป็นช่วงฤดูหนาวก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต
ในขณะนั้นพ่อของเขานอนซมอยู่บนเตียง และครอบครัวของเขาก็ไม่มีแม้แต่ข้าวจะหุงกิน ดังนั้นในฐานะลูกชายคนโตเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องออกมาขออาหาร
ช่วงเวลานั้น ทุกครัวเรือนต่างขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้า แล้วใครจะกล้าแบ่งอาหารให้กับเขา?
ขณะเดียวกัน ครอบครัวของเสิ่นสิงเองก็ต้องการจะสูบเลือดสูบเนื้อครอบครัวของเขาจนกระทั่งหยาดหยดสุดท้าย นับประสาอะไรกับการยื่นมือช่วยเหลือ
จากนั้น เมื่อเขาสวมรองเท้าแตะฟางและยืนอยู่ข้างถนนด้วยความสิ้นหวัง เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่ดูบอบบาง ทว่ากลับดูงดงามดั่งรูปปั้นที่ถูกแกะสลักด้วยหยกชั้นเลิศ ก็มอบมันเทศสองลูกให้เขา
มันเทศเหล่านั้นได้ผ่านการย่างบนกองไฟมาแล้ว แต่มันคงวางพักไว้สักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นพวกมันจึงไม่ร้อนมากนัก แต่เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยได้รับในรอบหลายปีนี้
เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นทำตาโตและพูดกับเขาอย่างระมัดระวังว่า “พี่ชาย อย่าเศร้าไปเลย คุณปู่ของฉันบอกว่าแสงสว่างจะมาเยือนในไม่ช้า”
หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งกลับไปหาชายชราคนหนึ่ง
ชายชราส่งยิ้มให้กำลังใจเขา แล้วพาเด็กหญิงตัวน้อยจากไป
เขาได้ยินชายชราคนนั้นเรียกเธอว่า “หยวนหยวน”
ก่อนที่หลินตงซิ่วจะขอให้แม่สื่อนัดดูตัว เขาก็ได้พบกับเธอแล้ว
ข้างคูน้ำขนาดเล็กหน้าบ้าน เซี่ยชิงหยวนกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนขณะซักผ้า
เวลาผ่านไปหลายปีทำให้เธอสลัดความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ออกไป และเติบโตเป็นสาวน้อยที่มีรูปลักษณ์งดงาม
ดังนั้นเมื่อผู้เป็นแม่ขอความคิดเห็น เขาก็รีบพยักหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นในอก
เขาคิดว่าจะอยากเห็นแก่ตัวสักหน่อย
เพราะของดีใคร ๆ ก็อยากได้
เขาพูดกับตัวเองว่าต้องทำงานหนักเพื่อให้เธอได้มีชีวิตที่ดี
ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อเขาได้รู้ในภายหลังว่าเธอไม่มีความสุขเลย
ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความทรงจำในอดีต และกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง ผมไม่มีทางโกหกคุณ”
ยกเว้นเรื่องที่เขาปิดบังเธอ…
…
หลังจากระวังหลังให้เซี่ยชิงหยวนและอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นอี้โจวก็กลับไปทำงานในอีกห้องหนึ่ง
ก่อนหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินจะมาอยู่ด้วยกันในอนาคต ห้องนี้ได้ถูกใช้เป็นห้องหนังสือชั่วคราว
เซี่ยชิงหยวนกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางคิดถึงสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดที่สนามเมื่อครู่นี้ นอกจากความสุขแล้ว เธอก็มักจะรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียบางอย่างอยู่เสมอ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หญิงสาวจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะปิดบังอะไรไว้เสมอ
เธอหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว
เธอวางนาฬิกาข้อมือลงอีกครั้ง หลับตาและพยายามนอนหลับ
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังครืนคราน จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบที่หน้าต่าง แสงพลันส่องกระทบที่กิ่งไม้ทางด้านนอกหน้าต่าง เผยให้เห็นกิ่งไม้ที่แกว่งไปแกว่งมาตามสายลมที่รุนแรง มันประหนึ่งสัตว์ประหลาดที่มีฟันและกรงเล็บในหนังสือภาพ
เธอกลัวมากเสียจนรีบซ่อนตัวใต้ผ้าห่ม
เมื่อฟ้าร้องครั้งที่สองดังขึ้น ในที่สุดหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะร้องกรี๊ดออกมา
เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงและกำลังจะเดินไปหาเสิ่นอี้โจว
ทว่าชายหนุ่มเร็วกว่าเธอ เขารีบวิ่งเข้ามาในห้อง มาหยุดยืนตรงหน้าโดยที่เธอยังไม่ทันได้ก้าวลงจากเตียงเพื่อสวมรองเท้าแตะด้วยซ้ำ
เขาเปิดไฟ “เกิดอะไรขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนไม่มีเวลาตอบ เธอกอดเขาแล้วฝังศีรษะไว้ตรงเอวของชายหนุ่ม “ฉันกลัว”
เธอเคยกลัวเสียงฟ้าร้องมาก ๆ จนต้องคลุมโปงนอนอยู่บ่อยครั้ง
แต่วันนี้เธอกลับนึกถึงสิ่งที่เซวียไฉ่เฟิ่งพูดในตอนกลางวันครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ตัวเองกลัวมากกว่าเดิม
เสิ่นอี้โจวกอดตอบอีกฝ่าย แล้วโอบอุ้มเธอเอาไว้ “ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
เซี่ยชิงหยวนกอดเอวของเขาไม่ปล่อย “ฉันไม่กล้านอนต่อ”
วินาทีที่เธอโอบกอดร่างของเสิ่นอี้โจว ความกลัวที่เคยมีอยู่พลันมลายหายไปอย่างน่าประหลาด
แต่หลังจากกอดเขา เธอก็ไม่ยอมปล่อยอีกเลย
เสิ่นอี้โจวก็ไม่นึกสงสัยอีกว่าเธอยังคงอยู่ตรงนี้ “คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตรงนี้เอง”
ทว่าหญิงสาวไม่หลงกลง่าย ๆ “แต่ถ้าคุณไม่ขึ้นมานอนกับฉัน ฉันก็จะสะดุ้งกลัวตื่นขึ้นมากลางดึกอยู่ดี”
ช่วยยกโทษให้ด้วยเถอะนะอี้โจว ที่ฉันล่อลวงให้คุณเข้านอนกับฉัน!
หากไม่สามารถทำให้เขานอนกับเธอได้ ไม่อย่างนั้นพวกเธอไม่ต้องเล่นชักกะเย่อกันทั้งคืนเลยเหรอ?
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็หรี่ตาที่เหมือนนกฟีนิกซ์ของเขาลง ราวกับเขากำลังสองจิตสองใจ แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวก็พูดว่า “งั้นผมจะนอนกับคุณก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแป้นทันที
เธอปล่อยเขาและเขยิบเว้นที่บนเตียงให้เขา “ขึ้นมาเร็ว ๆ สิ”
เสิ่นอี้โจว “…”
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นหาวเมื่อเผชิญกับสายตาเย็นชาของผู้เป็นสามี “ฉันง่วงมากเลย รีบขึ้นมานอนเร็ว”
หญิงสาวคิดว่าเธอปิดบังความกระตือรือร้นได้แนบเนียนแล้วนะ!
จากนั้น ท่ามกลางการจ้องมองที่แผดเผาของเซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้โจวก็เอื้อมมือไปที่กระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตสีขาว บิดและดึงด้วยนิ้วเรียวยาว กระดุมเม็ดแรกก็ถูกปลดออก
เพียงแต่เขากลับรู้สึกว่ามือที่ปลดกระดุมของตัวเองนั้นหนักอึ้ง จนไม่สามารถปลดมันต่อได้
เซี่ยชิงหยวนจึงกล่าวกระตุ้นด้วยความผิดหวัง “ถอด”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มพลันหรี่ตาลง เหลือบมองเธออย่างเฉยเมย เขายกยิ้มที่มุมปากบาง ๆ จนแทบมองไม่เห็น “คุณชอบดูผมเปลื้องผ้ามากเหรอ?”
เสียงของเขาในเวลานี้ดูแตกต่างจากปกติที่มักจะไร้อารมณ์และห่างเหิน มันทั้งฟังดูความเกียจคร้านระคนเย้าแหย่
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทั้งข้าง
เธอเสตามองไปทางอื่น “ฉันแค่คิดว่าคุณถอดเสื้อช้าอย่างกับชายชรา มันไม่กระฉับกระเฉงเลย”
เมื่อพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาแว่วมาจากเสิ่นอี้โจว ราวกับเขากลั้นมันไว้ไม่ไหว
เมื่อเห็นแบบนี้ หญิงสาวก็ตื่นตระหนก จากนั้นเธอก็โยนผ้านวมแล้วชี้ไปยังที่ว่างข้างกายเธอ “คุณหัวเราะอะไรนักหนา รีบถอดเสื้อผ้าออกเร็ว แล้วนอนกับพี่สาวคนนี้ซะดี ๆ!”
เมื่อเสียงนั้นเบาลง สายตาที่จับจ้องมองเธอของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่คาดคิด
คิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลิกขึ้น “พี่สาว?”
นิ้วของเขาเลื่อนจากกระดุมเสื้อไปยังคางของเธอ จากนั้นร่างกายส่วนบนของชายหนุ่มก็เหยียดตรงขึ้นเหนือศีรษะของเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน คุณไปเรียนรู้คำศัพท์พวกนี้มาจากไหน”
หญิงสาวตรงหน้าในความประทับใจของเขาเป็นเหมือนลูกแม่น้อยมาตลอด
หรือว่าลูกแมวน้อยน่ารักของเขาแท้จริงแล้วจะเป็นแมวป่าตัวน้อยกันแน่?
แม้เรื่องที่ว่าเธอเป็นคนแกล้งเสิ่นอี้โจวจะเป็นความจริง แต่การถูกอีกฝ่ายจู่โจมแบบนี้มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ลมหายใจของหญิงสาวสะดุดลงในทันที
แต่เธอยังคงพยายามรักษา ‘ความกล้าหาญ’ เพียงผิวเผินนี้เอาไว้ จากนั้นก็ยิ้มแก้เก้อออกมา “ฉันแค่จำมาจากหนังสือ”
ขณะที่พูด เธอก็โอบรอบคอของเขาอย่างอาจหาญ ตั้งใจจะข้ามเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว “มานอนกับฉันนะ ตกลงไหม”
เสิ่นอี้โจวมองแขนขาวทั้งสองข้างที่โอบรอบคอของเขาไว้ ดวงตาของเขาพลันฉายแววลุ่มลึกขึ้นทันใด
ชายหนุ่มหายใจกระชั้น “ตกลง”
เมื่อได้รับคำตอบ เซี่ยชิงหยวนก็ลากผู้ชายตรงหน้านอนลงบนเตียงทันที จากนั้นเอื้อมปิดไฟ
ทั้งห้องมืดลง
มือเรียวเล็กปัดป่ายอยู่บนหน้าอกของเขา “อี้โจว คุณยังไม่ได้ถอดเสื้อเลยให้ฉันช่วยไหม”
ขณะที่พูด เธอก็คลำไปที่หน้าอกของเขา
เสิ่นอี้โจวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และจับมือเล็กเจ้าปัญหาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ผมทำเอง”
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้ววางไว้บนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ
เซี่ยชิงหยวนยกเท้าขึ้นไล้ลูบไปตามน่องขาที่ยังคงใส่กางเกงขายาวอยู่ “คุณยังใส่กางเกงขายาวอยู่เลย แล้วแบบนี้คุณจะสบายตัวเหรอ”
ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วลุกขึ้นนั่งข้างเตียง
เซี่ยชิงหยวนฉุดดึงเขาไว้ สีหน้าของเธอดูไร้เดียงสา “คุณเป็นอะไรรึเปล่า ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ? หรือว่าคุณอยากใส่กางเกงตัวนี้นอนจริง ๆ?”
ในความมืด เธอได้ยินเสียงหายใจของเสิ่นอี้โจวหอบหนักขึ้น ก่อนจะกลายเป็นเสียงถอนหายใจ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “คุณพูดถูก”
ขณะที่กล่าว เขาคิดจะยืนขึ้นและหากางเกงขาสั้นมาใส่
แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยชิงหยวนอ่านความคิดของเขาออกและคว้าตัวอีกฝ่ายไว้
“คุณจะมัวเปลี่ยนกางเกงอยู่ทำไมล่ะคะ ทำไมไม่ใส่แค่บ็อกเซอร์ล่ะ? เราแต่งงานกันมาเป็นปีแล้วทำไมคุณถึงยังสนใจกับเรื่องแบบนี้อีก?”
เสิ่นอี้โจว “!”
—————————