กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 316 สนิทกันที่ไหน?
บทที่ 316 สนิทกันที่ไหน?
บทที่ 316 สนิทกันที่ไหน?
เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดจบ ใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะหยาบคายขนาดนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก
คนที่เหลือก็มองไปที่เซี่ยจื่ออี้เช่นกัน บางคนงง บางคนเยาะเย้ย บางคนไม่เห็นด้วย และทั้งหมดนี้ก็ไร้ซึ่งความปรารถนาดี
สิ่งเหล่านี้ทำให้เซี่ยจื่ออี้รู้สึกอับอายอย่างมาก
เธอลดระดับสายตาลงและฝืนยิ้มออกมา “ตั้งแต่ฉันได้เจอชิงหยวนครั้งแรก ฉันก็รู้สึกสนิทใจทันทีเลยน่ะค่ะ ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะฉันเองก็คิดว่าเธอกับซูอวี้สนิทกัน ทั้งยังเคยใช้เวลาอยู่ที่สถาบันธรณีวิทยาด้วยกันมาสักพักด้วย ดังนั้นเธอก็น่าจะรู้จักกันดีน่ะ”
เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะอวดดีเกินไปสินะคะ ฉันจะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มหนึ่งแก้ว โปรดอย่าถือสากันเลยนะ ชิงหยวน”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังแก้วไวน์ที่อีกฝ่ายถืออยู่ข้างหน้า เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม
ถึงแม้เซี่ยจื่ออี้จะบอกว่าตัวเองขอโทษแล้ว แต่เธอไม่ได้รู้สึกถึงคำขอโทษเลย
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น มันเป็นการพูดถึงเธอแบบอ้อม ๆ ไม่ใช่เหรอ?
ถ้าเธอไม่ยอมรับดื่มนี้ มันจะดูเหมือนเธอเป็นคนใจแคบทันที
แต่ถ้ายอมรับ มันจะเหมือนว่าเธอยอมรับการใส่ร้ายของอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยจื่ออี้คนนี้คงคิดว่าเสิ่นอี้โจวต้องอาศัยเซี่ยเจิ้งเพื่อเลื่อนตำแหน่ง จึงไม่คิดว่าเธอจะกล้ามีปัญหางั้นสิใช่ไหม?
ไม่อย่างนั้นหากมีปัญหากันขึ้นมา เสิ่นอี้โจวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นบ้านของหยวนหงหลี่ หากเป็นคนปกติคงต้องสนใจกับภาพลักษณ์และสถานการณ์โดยรวมตรงหน้า ไม่สามารถสร้างความขัดแย้งโดยตรงต่อหน้าคนอื่นได้
แต่เซี่ยชิงหยวนไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับบรรยากาศโดยรวมแล้วเลือกที่จะทำผิดต่อคนของตัวเอง
เซี่ยชิงหยวนมองตาของเซี่ยจื่ออี้ด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าจะมีการเข้าใจผิดไปกันใหญ่นะคะ คุณเซี่ย ฉันคิดว่าคุณน่าจะลืมไปแล้วนะ ก่อนหน้านี้เราพบกันเพียงสองหรือสามครั้งเองนะ”
เธอวางนิ้วเรียวขาวของตัวเองไว้ที่หลังมือของเซี่ยจื่ออี้ ที่กำลังถือแก้วไวน์อยู่ แล้วผลักกลับด้วยแรงเล็กน้อย “ฉันจะรับเกียรตินี้จากคุณเซี่ยได้ยังไงล่ะคะ? อี้โจวได้รับการชื่นชมจากผู้อำนวยการเซี่ยด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของเขา ดังนั้นฉันควรให้เกียรติเคารพคุณมากกว่าสิคะ”
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนผลักมือของเซี่ยจื่ออี้กลับ ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้ก็กะพริบ และก็เห็นว่าแก้วไวน์กำลังจะเอียง
“คุณเซี่ย ระวังด้วยค่ะ”
มือของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนจากการผลักเป็นการจับมือเซี่ยจื่ออี้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไวน์ในมือของอีกฝ่ายหกออกมา ในวินาทีต่อมาเธอก็เป็นฝ่ายที่หยิบแก้วไวน์มาไว้ในมือเอง
เซี่ยชิงหยวนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วยิ้มให้ “คุณเซี่ย ฉันขอให้เกียรติคุณแทนดีกว่าค่ะ”
เสิ่นอี้โจวก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาทันทีเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น ผมและภรรยาก็ขอดื่มอวยพรให้กับคุณด้วยแล้วกัน”
เมื่อมองดูแก้วไวน์ที่ยกขึ้นตรงหน้า ใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้ก็ซีดลง แม้แต่มือที่ถือแก้วไวน์เมื่อครู่ก็สั่นเล็กน้อย มันเหมือนกับกำลังถูกย่างบนเปลวเพลิง ซึ่งสร้างความอึดอัดมาก
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเซี่ยชิงหยวน พลันเห็นรอยยิ้มอันไร้ที่ติบนใบหน้าของอีกฝ่ายและเปี่ยมด้วยความจริงใจที่แทบจะดูไม่เสแสร้งเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็เป็นคนเดียวที่รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนทำมันโดยตั้งใจ
เซี่ยชิงหยวนก็มองไปที่เซี่ยจื่ออี้อย่างเงียบ ๆ เช่นกัน และรออีกฝ่ายเคลื่อนไหว
ในเมื่อเซี่ยจื่ออี้ต้องการเล่นตุกติก เธอก็ทำได้เช่นกัน และยังสามารถทำให้ฝ่ายหายใจไม่ออกได้ด้วยซ้ำ
อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะทำเรื่องอะไรแบบนี้เลย แต่เธอก็ไม่ได้โง่
เธอไม่ใช่แม่ของเซี่ยจื่ออี้คนนี้ ดังนั้นทำไมต้องยินยอมอีกฝ่ายด้วยล่ะ?
ต้องกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเธอพูดเกินไปหรือเปล่างั้นเหรอ?
ถ้าใครฟังดี ๆ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เพราะเธอทำตามคำพูดของเซี่ยจื่ออี้ ซึ่งมันก็เป็นความจริงทั้งนั้น
แต่จะบอกว่ามันสุภาพได้ไหม?
มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะมันเป็นหักหน้าโดยการหักล้างคำกล่าวอ้างของเซี่ยจื่ออี้ ที่ว่าพวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน
เซี่ยจื่ออี้ตระหนักถึงสิ่งนี้โดยทันที
เธอมองฉีจิ่นจืออย่างคาดหวัง
แต่ฉีจิ่นจือทำเพียงแค่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังมองเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวด้วยท่าทางขบขัน
จากนั้นเธอก็หันไปหาฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ย
แต่พวกเขาก็ขมวดคิ้วและหลบตาเธอ
ในที่สุดหยวนหงหลี่ก็ลุกขึ้นยืน
นอกจากนี้เขายังยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้ผมโชคดีมากจริง ๆ ที่ทุกคนให้เกียรติมาร่วมรับประทานอาหาร ผมและภรรยาขอดื่มแก้วนี้ให้ทุกคน”
เมื่อหยวนหงหลี่เอ่ยปากเอง ทุกคนจึงยืนดื่มอวยพรด้วยกัน และถือว่าเรื่องเมื่อกี้เป็นอดีต
มีเพียงเซี่ยจื่ออี้เท่านั้นที่ทำหน้าตาดูเหมือนเจอความอยุติธรรมอย่างแรงด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
หยวนหงหลี่เหลือบมองเธอ และส่ายหัวส่งสัญญาณให้เธอหยุดพูด
เซี่ยจื่ออี้รู้ว่าไม่สามารถสร้างปัญหาได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงต้องกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเจ็บใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ หยวนหงหลี่อยู่กับเซี่ยจื่ออี้มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเขาจึงรู้จักเธอดีมากโดยปริยาย
โดยผิวเผินแล้วเซี่ยจื่ออี้ดูอ่อนโยนและเรียบร้อย แต่ในความเป็นจริง หญิงสาวจากตระกูลเซี่ยที่มีอำนาจคนนี้มีนิสัยที่ไม่น่ารักเอาซะเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหน้าที่การงานของเซี่ยเจิ้งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีคนรอบตัวที่ชมเชยเธอไม่ขาดสาย ซึ่งค่อย ๆ ทำให้หญิงสาวยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น
โชคดีที่เซี่ยจื่ออี้จัดการกับประเด็นนี้ได้ดีมาโดยตลอด และได้รับการยกย่องในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ที่ไม่เคยพลาดจะเผลอสะดุดต่อหน้าเซี่ยชิงหยวน
โดยที่หยวนหงหลี่เป็นคนไกล่เกลี่ยสถานการณ์ เรื่องนี้จึงยุติลง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนแรกแล้ว หลังจากทุกคนกินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับไป
หยวนหงหลี่กับคุณนายหยวนเดินไปส่งที่ประตู และกล่าวคำอำลากับทุกคน
เส้นประสาทของเซี่ยชิงหยวนที่ตึงเครียดตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเสียที
ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เธอจะมองไปทางอื่น ฉีจิ่นจือก็มองมาที่เธอพอดี
เสิ่นอี้โจวเองก็สังเกตเห็นการจ้องมองของอีกฝ่ายเช่นกัน
เขาเอ่ยว่า “ถ้าวันไหนนายน้อยฉีว่าง ก็สามารถไปที่บ้านของผมเพื่อร่วมมื้ออาหารด้วยกันได้นะครับ”
จากนั้นเขาหันไปมองที่ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ย “ในเมืองเตียนเฉิง พวกนายก็ช่วยฉันไว้มากเหมือนกัน ถ้าวันไหนว่างก็มาร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านของฉันได้เหมือนกันนะ”
ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยพยักหน้าอย่างเต็มใจ
เซี่ยชิงหยวนสะดุ้งในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจว่าเสิ่นอี้โจวหมายถึงอะไร
แทนที่จะถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว จะเป็นการดีกว่าไหมที่โจมตีก่อน อย่างน้อยก็สำรวจท่าทีของคู่ต่อสู้ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากให้ฉีจิ่นจือมาที่บ้านของเธอเลย
เธอยังสวดภาวนาในใจให้ฉีจิ่นจือปฏิเสธ
ฉีจิ่นจือสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา
มุมปากของเขาข้างหนึ่งยกขึ้น ช่างดูซุกซนและเจ้าเล่ห์
เขาก้าวเดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ผมได้ยินมานานแล้วว่าเลขาธิการเสินมีภรรยาที่ดีมาก และฝีมือการทำอาหารของเธอก็เยี่ยมมากเช่นกัน ผมยังเคยสงสัยอยู่เลยว่าตัวเองจะโชคดีได้ลิ้มรสฝีมือของเธอบ้างไหม แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสอันดีแบบนี้จริง ๆ”
เขารีบเหลือบมองเซี่ยชิงหยวน ซึ่งสายตาของเธอกำลังเต็มไปด้วยการต่อต้าน “ขอบคุณคำเชิญจากเลขาธิการเสิ่นด้วยนะครับ ถ้างั้นผมขอไม่สุภาพแล้วกัน”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “นายน้อยฉีสุภาพเกินไปแล้ว มันเป็นเกียรติของพวกเราต่างหากครับ”
ทั้งสองคนพูดกลับไปกลับมา ภายใต้น้ำเสียงที่นิ่งสงบของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายราวคลื่นใต้น้ำ
เซี่ยจื่ออี้ที่กำลังคุยกับหยวนหงหลี่และภรรยาก็เดินเข้ามาใกล้เช่นกัน แล้วหยุดอยู่ข้างฉีจิ่นจือก่อนจะถามด้วยรอยยิ้มว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันเหรอคะ?”
ฉีจิ่นจือก้าวทิ้งระยะห่างจากเธอก่อนแล้วพูดว่า “แค่พูดคุยกันธรรมดา”
เขาดูเหมือนไม่อยากคุยกับเซี่ยจื่ออี้อีกต่อไป
ฉู่ซิงอวี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ดังนั้นเขาจึงก้าวมาข้างหน้าและกระซิบคำพูดสองสามคำกับเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า พลางหันไปหาเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “เสี่ยวฉู่กับผมมีเรื่องต้องไปจัดการที่ทำงาน เดี๋ยวผมจะให้หลิงเยี่ยพาคุณกลับนะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ถามคำถามใดเพิ่มและพยักหน้า “อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว”
หลิงเยี่ยเองก็ตอบรับ “ได้ครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉีจิ่นจือก็หัวเราะเบา ๆ
เขามองไปที่เสิ่นอี้โจวและพูดว่า “เลขาธิการเสิ่นยุ่งกับหลายสิ่งหลายอย่างตลอดทั้งวันแบบนี้ ผมสงสัยเหลือเกินว่าร่างกายของคุณจะรับมือได้เหรอครับ? งานเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ร่างกายของคุณก็ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจังเช่นกันนะ”
หลังจากนั้นดวงตาลูกท้อที่แฝงความนัยของเขาเหลือบมองไปที่เป้าของเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจว “?”
เซี่ยชิงหยวน “…”