กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 25 หวังชุ่ยเฟินเสียสติ
บทที่ 25 หวังชุ่ยเฟินเสียสติ
บทที่ 25 หวังชุ่ยเฟินเสียสติ
เซี่ยชิงหยวนและเจี่ยต้าฮวากลับมาที่หมู่บ้าน และขณะที่กำลังจะแยกจากกันที่ทางแยก พวกเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหน้า ราวกับมีคนกำลังต่อสู้กันอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” เจี่ยต้าฮวาชะเง้อคอดู
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็พูดว่า “พี่ฮวา เราไปดูกันเถอะค่ะ”
จากนั้นพวกเธอก็พบว่าต้นเสียงมาจากประตูบ้านของหวังชุ่ยเฟินนั่นเอง
ในเวลานี้ เธอกำลังถูกผานเยว่กุ้ยคว้าคอเสื้อและตะโกนด่า “นังผู้หญิงใจดำ แกไม่อยากเอาของให้คนอื่นก็บอกมา ไม่ใช่แอบใส่ยาอะไรไม่รู้ลงในครีมแบบนี้! ฉันขอพูดเอาไว้เลย ถ้าแกยังทำเรื่องสกปรกพรรค์นี้อีก ในอนาคตแกจะไม่มีทางมีลูกชายแน่ นังสารเลว!”
ใบหน้าของผานเยว่กุ้ยตอนนี้บวมเหมือนหัวหมูแล้ว และยังมีรอยแดงมากมายจากการเกา ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันทั้งเจ็บและคันมาก
หวังชุ่ยเฟินถูกเธอจับคอเสื้อและทุบตีโดยไม่อาจตอบโต้ได้
แม่เฒ่าเจี่ยและหลิวอิ๋นซิ่งจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสะใจ ไม่มีใครในครอบครัวเจี่ยช่วยเหลือลูกสะใภ้คนนี้เลยสักคน
ร่องรอยที่เกิดจากการทุบตีเมื่อวานยังไม่ทันจางหาย รอยช้ำดำเขียวเหล่านั้นกลับเด่นชัดขึ้นมาในตอนนี้
ต่อหน้าผู้คนมากมายที่เฝ้าดู เธอได้แต่กัดฟันอย่างอดกลั้น
เธอขืนตัวไว้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะฉุดกระชากลากถูออกไป จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณป้าเป็นภูมิแพ้นี่คะ แล้วมาโทษฉันได้ยังไงกัน!?”
ทันใดนั้น หญิงสาวคนหนึ่งก็ชี้ไปที่ใบหน้าแดงบวมของผานเยว่กุ้ยและใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะตวาดว่า “แกคิดว่าแม่กับฉันไม่เคยใช้ครีมเหรอ! ฉันไม่เคยมีอาการแพ้มาก่อน แต่หลังจากฉันกับแม่ใช้ครีมของแก เราก็เป็นแบบนี้แล้ว!”
คนที่พูดคือสวีไหลตี้ ผู้เป็นลูกสะใภ้ของผานเยว่กุ้ย
เมื่อวานซืน เธอเห็นผานเยว่กุ้ยกำลังทาครีมอย่างสนุกสนาน เธอจึงอดใจไว้ไม่ไหวแอบไปที่ห้องของแม่สามี ปาดครีมชโลมบนใบหน้าของเธอ ต่อมาทั้งเธอและผานเยว่กุ้ยที่ทาครีมตัวเดียวกัน ก็เกิดอาการแพ้ที่ใบหน้าจนบวมปูดแบบนี้
หวังชุ่ยเฟินตื่นตระหนกในทันทีและพูดว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉันตรงไหน ฉันไม่ได้บังคับให้พวกคุณทาครีมนั่นสักหน่อย! คุณมาตำหนิฉันเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเองได้ยังไง”
เมื่อได้ยินประเด็นสำคัญ เธอก็คว้าตัวหวังชุ่ยเฟินขึ้นมาอีกครั้ง
“อา! แกยอมรับแล้วว่าแกยุ่งกับครีมนั่นจริง ๆ !”
หวังชุ่ยเฟินตกใจและพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉัน…ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”
ผานเยว่กุ้ยไม่ได้สนใจคำแก้ตัวของอีกฝ่าย เธอขมวดคิ้วที่แดงและบวมเหมือนตะขาบของตน แล้วหันไปหาแม่เฒ่าเจี่ยก่อนจะถามว่า “พี่สาวเจี่ย ลูกสะใภ้ของพี่ยอมรับมาแล้วนะ ไม่ใช่ว่าฉันใส่ร้ายเธอ!”
จากนั้นเธอเท้าสะเอว “ว่ามา จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เราเท่าไหร่!”
เมื่อแม่เฒ่าเจี่ยได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที “ค่ารักษาพยาบาลอะไร ฉันไม่มี!”
จากนั้นเธอก็เตะลูกสะใภ้ “เธอเป็นคนทำมันทั้งหมด ถ้าคุณต้องการ ก็เรียกร้องเอาจากเธอเองสิ!”
หวังชุ่ยเฟินถูกเตะจนเซ เธอสาปแช่งแม่เฒ่าเจี่ยในใจอย่างโกรธเคือง
เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวดื้อดึง เพราะเมื่อคืนก่อนเจี่ยกุ้ยซัดเธออีกชุดใหญ่ จนแทบต้องร้องขอชีวิตและสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีก อีกฝ่ายจึงยอมรามือไป
หากเธอกวนใจแม่เฒ่าเจี่ยอีกครั้ง แม่สามีคนนี้คงจะตัดสินใจให้เจี่ยกุ้ยหย่าขาดจากเธออย่างแน่นอน
แม้เธอจะดูถูกผู้ชายหยาบกระด้างไร้การศึกษาอย่างเจี่ยกุ้ยจากก้นบึ้งหัวใจ และต้องการไต่เต้าขึ้นไปพึ่งใบบุญของเสิ่นอี้โจว แต่หากตระกูลเจี่ยเขี่ยเธอทิ้งแบบนี้ มันจะกลับกลายเป็นว่าเธอได้กลับบ้านเก่าจริง ๆ
เธอจึงตอบกลับทื่อ ๆ ราวกับเป็นคนโง่ “ฉันไม่มีเงิน”
เดิมที หญิงสาวได้ซ่อนเงินบางส่วนเอาไว้ แต่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ แม่เฒ่าเจี่ยกับสะใภ้หลิวอิ๋นซิ่งได้รื้อค้นห้องของเธอ จนกระทั่งพบเงินเหล่านั้นเข้า ทำเอาเธอแทบกระอักเลือดออกมา!
ในขณะที่พูด ตาของเธอเหลือบไปเห็นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ผิวของเซี่ยชิงหยวนขาวเปล่งปลั่ง เมื่ออยู่ท่ามกลางชาวบ้าน อีกฝ่ายจึงดูโดดเด่นขึ้นมาราวอาบไล้ด้วยแสงทั่วทั้งกาย
มีรอยยิ้มบางประทับอยู่ที่มุมปากของหญิงสาว ขณะที่สายตาคู่นั้นก็มองมายังเธอด้วยความดูแคลนและเยาะเย้ย
ปมด้อยของหวังชุ่ยเฟินถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหลบเลี่ยงสายตาของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ในชั่วพริบตานั้น ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ที่เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะเซี่ยชิงหยวน!
ถ้าไม่ใช่เพราะนังนั่น เธอจะถูกกล่าวหาว่ามีชู้และลงเอยด้วยสถานการณ์นี้ได้ยังไง?
คนที่ถูกทุบตีและคนที่ถูกคนอื่นเหยียดหยามควรจะเป็นเซี่ยชิงหยวนไม่ใช่เธอ!
เธอชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวนและตะโกนเสียงแหลม “เป็นมัน! มันใส่ยาลงในครีม! เดิมทีกล่องครีมนั้นมันเป็นของเซี่ยชิงหยวนไม่ใช่หรือไง!”
ทุกคนมองตามนิ้วของหวังชุ่ยเฟินและเห็นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ตรงนั้น
เมื่อถูกกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้แสดงท่าทางรำคาญใจ แต่เธอกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ และพูดประชดประชันออกไปว่า “ชุ่ยเฟิน เธอคงเลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ ตอนแรกเธอต้องการจะให้ครีมกระปุกนั้นกับฉันไม่ใช่เหรอ? แต่ต่อมาเธอก็มอบมันให้ป้าของฉัน แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงบอกว่ามันเป็นของฉันซะล่ะ ฉันไม่เคยแตะต้องมันเลยนะ”
“ใช่” เจี่ยต้าฮวาที่ยืนอยู่เคียงข้างเซี่ยชิงหยวนตะโกนกลับไปทันที “โชคดีที่ผานเยว่กุ้ยเอาไป ไม่อย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนคงเป็นคนที่หน้าพังแทน!” จากนั้นเธอก็ถ่มน้ำลายใส่หวังชุ่ยเฟิน “บัดซบที่สุด นังสารเลวจิตใจชั่วช้า!”
ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ใกล้เคียงพูดเสริม “คิดว่าคนอื่นโง่หรือไง! คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วว่าวันนั้นเธอบอกว่ามีครีมเหลือเลยคิดที่จะแจกจ่าย เหอะ! พอมาตอนนี้กลับหาว่าครีมเป็นของคนอื่น”
แค่คำพูดไม่กี่คำ ความลับก็แตกเสียแล้ว
สายตาที่ทุกคนมองหวังชุ่ยเฟินในตอนนี้ยิ่งเหยียดหยามมากกว่าเดิม
ราวกับอีกฝ่ายกลายเป็นคนบ้า ทั้งยังต้องการทำลายชื่อเสียงและใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน!
เซี่ยชิงหยวนรีบคว้าชัยชนะในครั้งนี้เอาไว้ทันที “เมื่อคืนนี้ฉันคิดเรื่องนี้ทั้งคืน ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอเกลียดชังอะไรฉันนักหนา ทำไมเธอถึงต้องการเล่นงานฉันขนาดนี้?”
เธอหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “แต่ต่อมาฉันก็คิดออก มันเป็นเพียงปมด้อยที่ไม่อยากให้ใครได้ดีกว่าตัวเอง เธอโกรธที่ตู้อวิ๋นเซิงไม่ได้ปกป้องเธอเมื่อคืนนี้ เธอจึงได้เอาความโกรธมาลงที่ฉันแทน”
หญิงสาวเผยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่สุดท้ายเธอก็แพ้ภัยตัวเอง เสียทั้งหน้าและผู้ชาย”
สิ่งที่หวังชุ่ยเฟินไม่ชอบที่สุดคือการปรากฏตัวของเซี่ยชิงหยวน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอีกฝ่าย เธอโกรธมากจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง หญิงสาวถึงกับพูดติดอ่าง “แก…แก…”
“แกอย่าทำตัวน่าอายได้ไหม!” จู่ ๆ หวังชุ่ยเฟินก็ถูกกระชากจากด้านหลัง และโดนตบหน้าอย่างแรง หญิงสาวเซถอยหลายก้าว ก่อนจะทรงตัวได้อีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าเจี่ยกุ้ยออกมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจับแขนของผู้เป็นภรรยาแล้วตบอย่างแรง
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน วันนี้เขาจึงไม่มีหน้าจะออกไปไหน ไม่กล้าแม้กระทั่งออกไปขายเนื้อ!
เมื่อได้ยินผานเยว่กุ้ยตะโกนอยู่ที่หน้าประตูในตอนเช้า เขาก็รู้สึกว่าหวังชุ่ยเฟินทำให้บรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของตัวเองได้รับความอับอาย
เขาไม่ได้สนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่!
หวังชุ่ยเฟินต้องรับผิดชอบทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและหลังไม่ใช่หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียงของเขาเอง ครอบครัวเจี่ยทั้งหมดกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนในหมู่บ้าน
เขาคิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายสำนึกได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเธอยังสร้างเรื่องงามหน้าตั้งแต่เช้าอีก!
จากนั้นเขาจึงพูดกับแม่เฒ่าเจี่ย “แม่เข้าไปในบ้าน เอาเงินมาสองหยวน ให้ป้าเยว่กุ้ยกับลูกสะใภ้ไปรักษาที่โรงพยาบาล”
หญิงชรามองลูกสะใภ้คนโตอย่างเกลียดชัง ก่อนจะเดินเข้าไปเอาเงินพลางสาปแช่งหญิงสาวไปด้วย
ผานเยว่กุ้ยไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เงินมาง่าย ๆ ขนาดนี้ เธอรู้สึกสบายใจ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอต้องทนทุกข์ เธอก็รู้สึกว่าสองหยวนนั้นราคาถูกเกินไปสำหรับพวกเธอ ผานเยว่กุ้ยจึงพูดขึ้นว่า “เจี่ยกุ้ย หน้าเราเป็นแบบนี้ คุณให้เราแค่สองหยวน คิดว่าเราเป็นขอทานหรือยังไง?”