กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 218 ฉันรักคุณเหมือนกัน
บทที่ 218 ฉันรักคุณเหมือนกัน
บทที่ 218 ฉันรักคุณเหมือนกัน
ทั้งสองเดินไปตามถนนพลางจับมือกัน สายตามองไปยังฝูงชนที่จอแจ พลันทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกมีอารมณ์บางอย่างขึ้นมา
การรักษาเมื่อครู่นี้ทำให้เหงื่อโซมกายเธอ เสิ่นอี้โจวจึงรอให้เสื้อผ้าของเธอแห้งอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะพาเธอออกจากประตูโรงพยาบาล
ใบหน้าของเธอยังคงซีดอยู่ และริมฝีปากก็ยังมีรอยขบเม้มของฟันที่ยังไม่จางหายไป
เธอถอนหายใจออกมา “พอเห็นสีหน้าของคุณหมอฮวงที่อ่านรายงานในวันนี้ ฉันรู้สึกแย่จริง ๆ มันทำให้ฉันคิดว่าตัวเองอาจจะมีลูกไม่ได้ ฉันรับตัวเองไม่ได้เลย ฉันมักคิดเสมอว่าจะต้องมีลูกชายหรือไม่ก็ลูกสาวกับคุณในชีวิตนี้ให้ได้ จนมันกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของฉันไปแล้ว”
“แต่หลังจากเวลานี้ฉันก็คิดออกเช่นกันว่า สามีภรรยาแค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ การมีลูกคือชะตาที่บางทีก็ไม่อาจลิขิตได้”
“หรือต่อให้มีลูก เมื่อลูกโตขึ้น พ่อแม่ก็จะแก่โรยราไป และท้ายที่สุดคนเดียวที่จะอยู่กับฉันในบั้นปลายก็คือสามีของฉัน”
เธอมองที่เสิ่นอี้โจวและมุมตาก็มีน้ำตาคลอ “ไม่ว่าท้ายที่สุดจะดีหรือไม่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะไม่แยกจากกัน”
ตอนที่เสิ่นอี้โจวลงไปชั้นล่างเพื่อหาหมอของเขา เธอนั่งที่ประตูและเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
ตอนนั้นเธอเริ่มคิดได้ว่าเรื่องลูกไม่ได้สำคัญเลย แค่เธอมีเขาก็พอ
เสิ่นอี้โจวรู้สึกประทับใจมาก
เขาจับมือหญิงสาวผู้เป็นภรรยาไว้ แม้จะมีผู้คนรอบ ๆ เดินผ่านไปมาก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังคงมองเธอด้วยดวงตาที่เป็นประกายอยู่ตลอดเวลา
เขาเอ่ยขึ้นว่า “ผมดีใจมากนะที่คุณคิดแบบนี้ได้ และคุณต้องจำไว้ว่าผมจะรักคุณเสมอไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน”
เขาพูดคำรักที่ไพเราะที่สุดในโลกด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เซี่ยชิงหยวนมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างอธิบายไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะสำลักและพูดว่า “ฉันก็รักคุณเหมือนกัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าพูดประโยคนี้หลังจากใช้ชีวิตมาสองชาติ
ถัดมาเสิ่นอี้โจวอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนและโอบกอดเธอแน่น
การกระทำของพวกเขาทำให้สายตาของผู้คนรอบข้างหยุดชะงัก
แต่เมื่อดวงตาของคนรอบ ๆ เห็นว่าคู่หนุ่มสาวกำลังกอดกันโดยมีน้ำตาอาบแก้ม พวกเขาก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อรบกวนทั้งคู่โดยปริยาย
น่าจะเป็นเพราะชายหล่อกับสาวสวยคู่นี้กำลังเจอกับเรื่องเศร้าเป็นพิเศษ
ในถนนที่มีเสียงดัง ผู้คนนับไม่ถ้วนรอบตัวพวกเขาเป็นพยานในความรักของทั้งสอง
…
วันต่อมา พวกเขาก็ออกเดินทางกลับไปเตียนเฉิง
ฉู่ซิงอวี่ยังคงนั่งรถกลับกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
เขานั่งที่นั่งข้างคนขับเหมือนเดิม แอบมองไปที่เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวจากกระจกมองหลัง จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องไปยังมือของทั้งคู่ที่เกาะกุมกันอยู่
เขารู้ว่าทั้งสองคนไปโรงพยาบาลมาเมื่อวานนี้
เสิ่นอี้โจวไม่ยอมให้เขาตามไป ดังนั้นเขาจึงไม่ไป
แต่การไปพบกับหมอหมิ่นคงไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บธรรมดา
เซี่ยชิงหยวนคงจะเสียใจใช่ไหมเมื่อเธอรู้เรื่องอาการป่วยของเสิ่นอี้โจว
เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมาก ดังนั้นการมีเรื่องโรคภัยเข้ามาย่างกรายคงทำให้เสียใจมากแน่ ๆ
ส่วนทางเสี่ยวหลิวนั้นดูผ่อนคลาย
เขาไม่ได้เจอแม่มาเกือบสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นยังไงบ้างที่บ้าน
เมื่อรถมาถึงประตูบ้าน เสิ่นอี้โจวก็ให้เสี่ยวหลิวกลับไป “นายขับรถกลับบ้านไปด้วยสิ”
พอได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวหลิวก็มีความสุขมากจนเกินคำบรรยาย “ขอบคุณครับเลขาธิการ!”
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในบ้าน หลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินก็กลับมาเช่นกัน
เมื่อเสิ่นอี้หลินเห็นพวกเขา เด็กชายก็นำชามาให้ และถามคำถามอย่างตื่นเต้น
เสิ่นอี้โจวยิ้มและพูดว่า “อีกไม่นานหรอก พี่จะพานายไปที่เมืองหลวงของมณฑลด้วย ตกลงไหม?”
เสิ่นอี้หลินตะโกนอย่างมีความสุขทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “เยี่ยมเลย! ขอบคุณพี่ใหญ่!”
ในตอนแรก การย้ายจากหมู่บ้านซีสุ่ยมายังเมืองเตียนเฉิงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนอิจฉา
แต่ตอนนี้เขาได้รับการบอกว่าจะได้ไปเล่นที่เมืองหลวงของมณฑล นั่นคือสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เซี่ยชิงหยวนหยิบกระเป๋านักเรียนสีน้ำเงินที่มีลวดลายออกมา และพูดว่า “นี่สำหรับนาย นายจะต้องไปโรงเรียนในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ต้องเรียนให้หนักเพื่ออนาคตนะรู้ไหม?”
เมื่อเสิ่นอี้หลินเห็นกระเป๋านักเรียน เขาก็ยินดีที่จะรับมันไว้อย่างไม่ลังเล
แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เขาก็กุมหัวและอยากจะร้องไห้แทน “พี่สะใภ้ อย่าเพิ่งเตือนผมเรื่องนี้สิ!”
หลินตงซิ่วยิ้มและพูดว่า “ถ้าพี่สะใภ้ของลูกไม่เตือน ลูกคงคิดเอาแต่เล่นสนุกทุกวัน ไม่ยอมเรียนให้หนักน่ะสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้หลินก็วิ่งไปที่ประตูบ้านในไม่กี่ก้าวทันที
พอเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังจะดุ เขาก็รีบพูดว่า “พี่สะใภ้ เสี่ยวผางเพิ่งชวนให้ผมไปเล่นด้วย ผมไปก่อนนะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็วิ่งหนีและหายตัวไป
เมื่อเห็นเสิ่นอี้หลินหนีไปแล้วอย่างรวดเร็ว หลินตงซิ่วก็ถามว่า “คราวนี้พวกลูกไปที่เมืองหลวงของมณฑล เป็นไปด้วยดีไหม?”
เธอเห็นถุงยาสมุนไพรจีนในกระเป๋าแล้ว
เธอเลยสงสัยว่าอาการป่วยของเสิ่นอี้โจวแย่ลงหรือไม่
ยาที่หมอฮวงสั่งต้องกินทุกวัน ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บเป็นความลับนานเกินไป
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เสิ่นอี้โจวโดยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
เธอสงสัยว่าจะใช้โอกาสนี้บอกหลินตงซิ่วว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้หรือไม่
แต่เธอเองก็รู้ว่าแม่สามีให้ความสำคัญกับปัญหานี้มาก และเธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลินตงซิ่วหากได้รู้ความจริงเรื่องนี้
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “หมอสั่งยาพวกนี้ให้กับชิงหยวนน่ะครับ เมื่อผมไปตรวจร่างกาย ผมก็พาชิงหยวนไปตรวจร่างกายด้วย หลายคนในเมืองหลวงของมณฑลคุ้นเคยกับการบำรุงร่างกาย ดังนั้นหมอจึงสั่งยาบางอย่างสำหรับชิงหยวนมาด้วยน่ะ”
หลินตงซิ่วไม่เคยสงสัยคำพูดของเสิ่นอี้โจว เธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “อย่างนี้ก็ดีมากเลยนะ เมื่อร่างกายได้รับการบำรุง บางทีเด็กอ้วนตัวใหญ่อาจถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้”
เสิ่นอี้โจวตบหลังมือของเซี่ยชิงหยวน มุมปากของเขาโค้งขึ้น บ่งบอกว่าเธอควรยอมรับในเรื่องนี้ตามที่เขาพูด
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนหวั่นไหวพร้อมเม้มริมฝีปาก
เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังเรื่องนี้ไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้ยังมีความหวัง ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
หากไม่มีวิธีอื่นในอนาคต เธอจะบอกหลินตงซิ่วด้วยตนเอง
ตกตอนกลางคืน เซี่ยชิงหยวนออกกำลังกายตามแบบฝึกหัดที่พยาบาลสอนบนพรมในห้อง
เสิ่นอี้โจวนั่งบนโซฟาที่ปลายเตียงในห้อง ถือหนังสือไว้ในมือ บางครั้งก็อ่านหนังสือ บางครั้งก็มองเธออย่างสบาย ๆ
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะกลอกตาของเธอและพูดว่า “คุณจะดูอีกนานไหม?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “แน่นอนสิ ภรรยาของผมดูดีจะตายไป”
เซี่ยชิงหยวนยังคงบ่นต่อไป “ไปอ่านในห้องหนังสือไป อย่าทำให้ฉันเสียสมาธิแบบนี้สิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มขึ้นมา
เสียงของภรรยาแม้จะอู้อี้ แต่ก็น่าฟังมาก
เขาพูดว่า “ผมจะส่งผลต่อสมาธิของคุณได้ยังไง?”
เซี่ยชิงหยวนพูดในขณะที่กดขาของเธอ “การที่คุณนั่งมองมันส่งผลต่อการออกกำลังกายของฉัน”
การเคลื่อนไหวบางอย่างเธอไม่ได้ทำตามมาตรฐานได้ โดยเฉพาะเอวและขา
เธอรู้สึกว่าการออกกำลังกายของหมอฮวงนั้นคล้ายกับโยคะและไท้เก๊กที่เคยดูทางทีวีเมื่อชาติที่แล้ว และเธอไม่รู้ว่ามันเกิดจากการรวมข้อดีของทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันหรือไม่
สำหรับผู้เริ่มต้นมันเป็นเรื่องยากมาก
ดังนั้นเธอเดาว่าท่าทางปัจจุบันของเธอคงดูเก้ ๆ กัง ๆ มาก และด้วยความอึดอัด สีหน้าของเธอจึงดูเหยเก
“โอ้?” เสิ่นอี้โจววางหนังสือในมือลงแล้วยืนขึ้น เขาเดินไปที่ด้านข้างของเซี่ยชิงหยวน ก่อนจะคุกเข่าลงในระยะประชิดเธอ “แล้วแบบนี้ล่ะ? มันส่งผลกระทบต่อคุณไหม?”
———————