กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 208 คนอึดอัดสามคน
บทที่ 208 คนอึดอัดสามคน
บทที่ 208 คนอึดอัดสามคน
ได้เวลาไปเอาเสื้อผ้าตามที่เหล่าไต้บอกแล้ว
สถานีขนส่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เดิมทีเซี่ยชิงหยวนวางแผนจะเดินทางไปรับของด้วยรถจักรยานสามล้อ แต่เมื่อเสิ่นอี้โจวรู้เรื่องนี้ เลยจัดการให้เสี่ยวหลิวพาเธอไปที่นั่น และนำเสื้อผ้ากลับมาด้วยรถยนต์
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนคิดว่าเป็นบริษัทขนส่งพิเศษแห่งหนึ่งที่มาส่งของ แต่หลังจากไปที่นั่น เธอก็พบว่าเป็นคนขับรถทางไกลมาส่งของให้เธอเอง
คนขับรถผิวคล้ำถามขึ้น “คุณคือคุณเซี่ยใช่ไหมครับ?”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “ใช่ค่ะ เหล่าไต้บอกให้ฉันมารับสินค้ากับคุณน่ะค่ะ”
คนขับพยักหน้า “งั้นคุณรอสักครู่นะครับ”
จากนั้นชายคนขับก็เดินไปที่ตำแหน่งที่เก็บของในรถ และดึงพัสดุขนาดใหญ่ออกมาให้เซี่ยชิงหยวน
เขายังกล่าวอีกว่า “การขนส่งสิ่งนี้ต้องทำงานหนักมากเลยล่ะครับ”
จากกว่างโจวถึงเตียนเฉิงใช้เวลาเกือบสองวันโดยรถไฟ แต่เหล่าไต้สามารถส่งสิ่งของเหล่านี้มาที่นี่ภายในเวลาไม่ถึงสี่วัน ซึ่งน่าทึ่งมาก
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับถึงบ้านและเปิดดูเสื้อผ้าที่เธอรับมา ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย
ครั้งนี้เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งหมด
นอกจากเสื้อผ้าสองร้อยตัวที่คล้ายคลึงกับเสื้อผ้าที่เธอเคยซื้อมาก่อนหน้านี้แล้ว เหล่าไต้เลือกเสื้อผ้าแบบใหม่อีกสองร้อยตัวให้เธอ เมื่อเทียบกับชุดที่แล้ว ชุดนี้มีสีอ่อนกว่า เช่น สีลาเวนเดอร์อ่อน ๆ ชมพูอมเหลืองและสีเขียว และสีชมพูที่สาว ๆ หลายคนชอบ…
สีอ่อนกว่า แต่ดูมีสไตล์แบบวัยทำงานมากกว่า
ในเวลาต่อมา ถ้ามีผู้หญิงสวมชุดนี้และยืนอยู่ตรงสถานที่สักแห่ง คนทั่วไปต้องเรียกเธอว่าพนักงานออฟฟิศแน่นอน
เสื้อผ้าแบบที่เหล่าไต้เลือกมาให้นั้นตรงใจกับสไตล์ที่เซี่ยชิงหยวนต้องการซื้อในครั้งต่อไปมาก
อีกทั้งราคาก็ไม่แพงมาก
ราคาส่วนใหญ่คือตัวละหนึ่งหยวน มีบางส่วนที่อาจมีราคาสูงขึ้นนิดหน่อยคือหนึ่งหยวนสามเหมา
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย เธอพอใจกับมันมาก เธอแน่ใจว่าเหล่าไต้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดีจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนโทรไปหาเหล่าไต้ทันที แล้วบอกเขาว่าได้รับเสื้อผ้าแล้ว และไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งเงินที่เหลือ
ต่อมาเธอได้กำหนดราคาขายเสื้อผ้าเหล่านี้และอธิบายให้อาเซียงฟัง
ครั้งนี้ เสื้อผ้าที่ซื้อมีค่าใช้จ่ายในการขนส่ง แต่ถ้าเธอไปซื้อเองค่าส่งจะถูกกว่านั้น
เพื่อไม่ให้ราคาขายเสื้อผ้าที่คล้ายกันในอนาคตต่ำกว่าปัจจุบันมากเกินไป เซี่ยชิงหยวนจึงบวกต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเมืองกว่างโจวครั้งล่าสุด
เสื้อผ้าแบบตัวละหนึ่งหยวน ขายราคาตัวละสี่หยวน
เสื้อผ้าแบบตัวละหนึ่งหยวนสามเหมา ขายราคาตัวละห้าหยวน
จากนั้นรอวันรุ่งขึ้นเพื่อไปที่เมืองหลวงของมณฑล
สำหรับเหตุผลที่เซี่ยชิงหยวนตามเสิ่นอี้โจวที่ไปที่เมืองหลวงของมณฑลนั้น เธอบอกกับหลินตงซิ่วว่าเธอต้องการไปดูว่าตลาดเสื้อผ้าของที่นั่นเป็นอย่างไร
หลินตงซิ่วไม่สงสัยอะไรนัก เธอแค่บอกเซี่ยชิงหยวนให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับธุรกิจที่เมืองเตียนเฉิง
จากเตียนเฉิงไปยังเมืองหลวงของมณฑล ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์หรือรถไฟมากกว่าห้าชั่วโมง
ถนนเพิ่งสร้างใหม่ มันเรียบและมั่นคงมีโค้งน้อย เมื่อพิจารณาว่าเขาจะต้องไปทำธุระ เสิ่นอี้โจวจึงขอให้เสี่ยวหลิวขับรถไปกับเขา
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “มีผู้ช่วยของผมคนหนึ่งไปกับเราด้วยนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อื้ม”
เธอคิดว่าผู้ช่วยของเสิ่นอี้โจวน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่เธอเคยพบเมื่อตอนที่ไปส่งอาหารมาก่อน แต่ผู้ช่วยเสิ่นอี้โจวที่กล่าวถึงกลับกลายเป็นฉู่ซิงอวี่อย่างไม่คาดคิด
วันนั้นเมื่อเธออยู่ที่ประตูห้องทำงานของเสิ่นอี้โจว ชื่อของคนที่เธอได้ยินว่าจะมานัดดูตัวเธอคือฉู่ซิงอวี่
ดวงตาที่สวยงามของเธอเบิกกว้างและนิ่งไปพักหนึ่ง เสิ่นอี้โจวคิดแค่ว่าเธอคงสับสนชั่วคราวกับรูปลักษณ์ของฉู่ซิงอวี่ และกระซิบข้างหูของเธอ “เขาดูดีเหมือนผมเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนรีบคืนสติทันที “เปล่า เขาคือลูกค้าประจำของร้านฉันน่ะ”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวนทำให้หัวใจของเสิ่นอี้โจวหลุดลอยไปในทันที และดวงตาฟีนิกซ์ของเขาก็หรี่ลง “ลูกค้าประจำ?”
ฉู่ซิงอวี่ก็เห็นเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน เขาสังเกตเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสิ่นอี้โจวอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้เขายังรู้ล่วงหน้าด้วยว่าภรรยาของเสิ่นอี้โจวจะไปเมืองหลวงของมณฑลกับพวกเขา
แต่ไม่มีใครเคยบอกเขาว่า เซี่ยชิงหยวนเป็นภรรยาที่มีข่าวลือของเสิ่นอี้โจว!
เขาถือกระเป๋าทรงดัฟเฟิลใบเล็ก ๆ อยู่ในมือ ซึ่งยุ่งอยู่กับมันอยู่พักหนึ่ง
เซี่ยชิงหยวนเป็นคนแรกที่ยิ้มให้อีกฝ่าย “‘สวัสดีค่ะ”
ฉู่ซิงอวี่ถอยหลังหนึ่งก้าวและพูดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับคุณนาย”
มีรอยยิ้มบนปากของเขา แต่ในใจของเขามีแต่ความขมขื่น
เขาไม่เคยคาดคิดว่าสามีของเซี่ยชิงหยวนจะเป็นเสิ่นอี้โจว
แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา
แต่การที่แพ้ให้เสิ่นอี้โจวเช่นนี้ เขาพอรับได้
เสิ่นอี้โจวจ้องมองเซี่ยชิงหยวนและฉู่ซิงอวี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ่อนโยน “คุณ…รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้าและพูดว่า “ผมไปที่ร้านตรอกเก่าเพื่อซื้อสลัดเย็นอยู่สองสามครั้งก่อนหน้านี้น่ะครับ และสลัดเย็นที่ภรรยาของเลขาธิการเสิ่นทำก็อร่อยมาก”
เซี่ยชิงหยวนยังกล่าวเสริมอีกว่า “เขาเคยไปร้านของฉันสองสามครั้งและเราก็รู้จักกันน่ะค่ะ”
นี่เป็นความเข้าใจกันโดยปริยายที่อธิบายไม่ได้ระหว่างพวกเขาทั้งสองว่าจะไม่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าถ้าฉู่ซิงอวี่บอกชื่อของเขาแก่เธอในตอนนั้น บางทีความเข้าใจผิดใหญ่นี้คงไม่เกิดขึ้น
แต่ว่าเวลาคนธรรมดาไปที่ร้านเพื่อซื้อของ ใครจะรายงานชื่อสกุลของพวกเขากันล่ะ?
เสิ่นอี้โจวแอบชำเลืองมองเซี่ยชิงหยวน และพบว่าเธอกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มกึ่งหนึ่ง
เดิมทีเสิ่นอี้โจวได้จัดเตรียมผู้ช่วยคนอื่นให้มากับเขา แต่เนื้อหาของการประชุมที่เขากำลังจะไปเข้าร่วมนั้นเกี่ยวข้องกับการเดินทางครั้งสุดท้ายของฉู่ซิงอวี่ที่ไปทำงานยังชนบท
ดังนั้นถึงไม่อยากให้ฉู่ซิงอวี่ไปด้วยก็ต้องพาไปอยู่ดี
แต่ใครจะรู้ว่าฉู่ซิงอวี่และเซี่ยชิงหยวนดันรู้จักกันก่อนหน้านี้ซะแล้ว
ด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน เขาบีบมือเธอแอบขอร้องให้เธออย่าโกรธ
เป็นความผิดของเขาเองที่จัดการเรื่องสิ้นคิดนั้นก่อนหน้านี้ และเขาได้ชี้แจงกับเซี่ยชิงหยวนแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการเข้าใจผิดกันอีก
เซี่ยชิงหยวนกลั้นหัวเราะและพยักหน้า “ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ”
เสิ่นอี้โจวไม่พูดอะไร “…”
ฉู่ซิงอวี่ไม่ทราบคลื่นใต้น้ำระหว่างเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจว ดังนั้นเขาจึงเข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับอย่างมีสติ
ระหว่างทาง บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด แม้แต่เสี่ยวหลิวที่ปกติจะช่างคุยก็ยังตกอยู่ในความเงียบ เมื่อเขาพูดเรื่องตลกแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
ผ่านกระจกมองหลัง เสี่ยวหลิวมองดูเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวอย่างเงียบๆ
พบว่าทั้งสองนั่งเคียงข้างกัน คนหนึ่งหลับตาพริ้มส่วนอีกคนก้มลงดูเอกสารเป็นครั้งคราว
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองไปที่ฉู่ซิงอวี่เพื่อขอความช่วยเหลือ เพียงเพื่อที่จะพบว่าอีกฝ่ายก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น?
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสามคนนี้โดยที่เขาไม่รู้หรือเปล่า?
เสี่ยวหลิวคิดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่ายหัวอย่างหดหู่ใจ