กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 171 ตบหน้า
บทที่ 171 ตบหน้า
บทที่ 171 ตบหน้า
เจ้าของร้านขมวดคิ้วและตะโกนบอกพวกเธอ “เฮ้ เข้ามาในนี้ก่อนเร็ว ระวังจะโดนชน”
เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงกล่าวขอบคุณกับเจ้าของร้าน จากนั้นเธอก็รีบลากอาเซียงไปยืนอยู่กับเจ้าของร้านทันที
หลังจากความตื่นตระหนก ฝูงชนก็เริ่มสงบลงและพากันมองไปที่ต้นเสียง
ภาพที่เห็นเป็นภาพเจ้าของร้านชาย ร่างสูงปานกลาง อ้วนนิดหน่อย ผมเป็นลอนและหวีแต่งทรงอย่างดี
ในขณะที่มองไปยังทิศทางของต้นเสียง เขาก็แสยะยิ้ม
เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันน่าตลก
เธอเอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
แม้ว่าเธอจะไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว แต่เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะร่วมสนุก
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินคำถามของเซี่ยชิงหยวน เขาจึงตอบเป็นภาษาจีนกลางว่า “อ้อ นั่นพี่ใหญ่โจว ฉันเดาว่าเขาคงกำลังจัดการกับเด็กข้างถนนน่ะ”
กลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจ เจ้าของร้านจึงพูดอีกครั้ง “พี่ใหญ่โจวคือ เจ้าถิ่นของที่นี่ เขาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากทุกร้าน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ในขณะนี้ เศรษฐกิจตลาดยังไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ เลยเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการคุ้มครอง
เมื่อเสียงนั้นจางหายไป เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ตำแหน่งของแผงลอยเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากร้านขายของที่คุณเจออยู่ตรงนี้ วันพรุ่งนี้คุณอาจหาร้านเดิมไม่เจอแล้วว่าไปขายตรงไหน
เธอต้องรีบซื้อของให้เสร็จวันนี้
เธอมองดูและสัมผัสเสื้อผ้าของเจ้าของร้าน แล้วรู้สึกว่าคุณภาพของมันดีมาก อีกทั้งรูปแบบก็ดีเช่นกัน เธอเลยเอ่ยถามว่า “เถ้าแก่คะ เสื้อผ้าพวกนี้คุณขายยังไงคะ?”
เจ้าของร้านชี้ไปที่เสื้อผ้าที่กองบนพื้น “เสื้อผ้าที่วางบนพื้นถ้าซื้อเยอะฉันให้ราคาขายส่งตัวละสองหยวนห้าเหมา แต่ถ้าซื้อปลีกฉันขายในราคาสามหยวน”
เมื่อได้ยินราคานี้เซี่ยชิงหยวนพลันเลิกคิ้วขึ้น ลูบนิ้วที่เนื้อผ้าและไม่ได้ตอบในทันที
อาเซียงยืนนิ่ง กลั้นหายใจไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เจ้าของร้านก็มองที่เซี่ยชิงหยวนด้วย ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยชิงหยวนก็พูดว่า “เถ้าแก่ คุณกำลังมองว่าฉันเป็นปลาในอ่างสินะ”
ภาษากวางตุ้งที่คล่องแคล่วเหมือนคนท้องถิ่นออกมาจากปากของเซี่ยชิงหยวน
เธอหยิบเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งบนพื้นแล้วพูดต่อ “เสื้อตัวนี้ไม่ได้ทำมาจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง ราคามันจะสักเท่าไหร่กันเชียว?”
ผ้าฝ้ายแท้ระบายอากาศได้ดีที่สุด แต่จัดทรงยากกว่าและยับง่าย ดังนั้นเสื้อผ้าในยุคนี้มักจะผสมโพลีเอสเตอร์เข้าไปบ้าง
แต่ถ้าผสมมากเกินไปจะระบายอากาศได้ยากและบางคนถึงกับคันผิวหนังหลังสวมใส่
โดยรวมแล้วเสื้อผ้าของร้านดีมาก แต่ราคาที่เขาเสนอนั้นแพงไปหน่อย
เดิมทีเจ้าของร้านคิดว่าเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงมาจากที่อื่นเพื่อซื้อสินค้า เขาจึงต้องการใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของเธอ เพื่อเรียกราคาที่สูงขึ้น
โดยไม่คาดคิดว่าแค่เพียงเซี่ยชิงหยวนเปิดปากพูด เธอช่างดูเป็นผู้เชี่ยวชาญมากจริงๆ
อีกอย่างฟังจากสำเนียงแล้วก็เหมือนคนท้องถิ่นด้วย
แม้ว่าจะไม่ใช่คนท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถพูดสำเนียงคล่องแบบนี้ได้หากคุณไม่ได้มีเวลาสิบหรือแปดปีเพื่อเรียนรู้
ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็รู้สึกใจหายวาบ
แต่เขาค้าขายมาหลายปีแล้ว และเขาก็ไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น
จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “นี่คนสวย ถ้าเธอต้องการซื้อเสื้อผ้าของฉันจริง ๆ งั้นเรามาตกลงกันอีกรอบได้นะ”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันขอไม่อ้อมค้อมกับคุณแล้วกัน ฉันจะซื้อในราคาขายส่ง พวกเสื้อผ้าที่วางอยู่บนพื้นฉันจะซื้อในราคาตัวละเก้าเหมา ส่วนพวกเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ด้านบน ฉันจะซื้อในราคาตัวละหนึ่งหยวนห้าเหมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าของร้านก็จ้องที่เซี่ยชิงหยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และพูดเป็นภาษากวางตุ้งโดยไม่ลังเล “คนสวย เธอต่อรองราคาเกินไปหรือเปล่า?”
เจ้าของร้านคนนี้ไม่ใช่คนกว่างโจวโดยพื้นเพ เขามาที่นี่กับพ่อแม่ของเขาหลังจากจบมัธยมต้น และถือได้ว่าตัวเขาแค่ครึ่งหนึ่งเป็นกว่างโจว แต่เขาก็มีความคิดที่เฉลียวฉลาดและเรียนรู้ภาษากวางตุ้งได้ดีมาก
แต่ราคาที่เซี่ยชิงหยวนกล่าวมานั้นแม่นยำและโหดร้ายจริง ๆ ซึ่งทำให้เขาตกใจแทบกระโจนเพราะความตกใจ
เซี่ยชิงหยวนอดหัวเราะไม่ได้ “ฉันแค่บอกราคาที่ฉันอยากจะได้ตามจริงเท่านั้นเองค่ะ”
ตามปกติในการตะโกนบอกราคาของเจ้าของร้าน ราคาที่บอกตอนแรกไม่จำเป็นต้องเป็นราคาที่ซื้อสุดท้ายทั้งหมด
เจ้าของร้านและลูกค้าบางคนมาเพื่อแสวงหาราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ
เจ้าของร้านกัดฟัน “งั้นบอกฉันมาก่อนว่าเธอคิดจะซื้อกี่ตัว?”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว เธอพูดว่า “ถ้าราคาถูกใจ ฉันจะซื้อหลักร้อยตัวแน่นอน แล้วถ้าฉันขายดี ฉันจะมาซื้อสินค้าของคุณอีก”
มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะมาที่กว่างโจว ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องการที่จะซื้อครั้งละมาก ๆ กลับไปในคราวเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเธอและอาเซียงที่มีกันอยู่สองคน เสื้อผ้าฤดูร้อนนั้นเบาและบาง พวกเธอพอจะขนกลับไปได้ด้วยตัวเองถึงร้อยตัวอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าของร้านก็ตบต้นขาของเขาทันที “ตกลง ฉันยินดีที่จะขายให้กับเธอในราคาที่เธอบอก!”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยตอบ “เถ้าแก่ช่างพูดจาน่าฟังจริง ๆ”
จากนั้นเธอก็เรียกอาเซียง “อาเซียง เตรียมขนสินค้าเลย”
อาเซียงผงะ การเจรจาจบลงแล้วเหรอ?
เด็กสาวไม่รอช้าตอบทันทีว่า “ตกลงค่ะ”
ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเธอทั้งสองเตรียมถุงกระสอบมาด้วย เมื่อตกลงราคากันเสร็จ พวกเธอก็ดึงถุงกระสอบสองใบออกมาจากกระเป๋าสะพายทันที
จากนั้นทั้งคู่ก็หมอบลงบนพื้นแล้วหยิบเลือกเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ถุงกระสอบทีละตัว
ฉากนี้ทำให้เจ้าของร้านเชื่อแล้วว่าเซี่ยชิงหยวนเป็นคนฉลาดที่เข้าใจการขายสินค้าเสื้อผ้าจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ายัดของมีตำหนิให้เข้าไปภายใต้จมูกของเซี่ยชิงหยวน
เขายอมจำนนต่อชะตากรรมของตัวเอง เขาช่วยเปิดปากถุงกระสอบให้เซี่ยชิงหยวน เพื่อที่เธอจะได้หยิบเสื้อผ้าใส่เข้าไปได้สะดวก
เซี่ยชิงหยวนเลือกเสื้อผ้าเก่งมากจริง ๆ
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่เธอเลือกนั้นเหมาะกับสีผิวและรูปร่างของผู้คนในเมืองเตียนเฉิง
ขณะที่เลือก เธอสอนอาเซียงเกี่ยวกับข้อควรระวังในการเลือกเสื้อผ้าไปด้วย
คราวนี้เจ้าของร้านยิ่งไม่กล้าหลอกอะไรเธออีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าภายนอกเซี่ยชิงหยวนดูเป็นแค่หญิงสาวอายุน้อย
แต่จริง ๆ เธอมีความรู้ที่ดีมากและดูเหมือนมีประสบการณ์ในการทำสิ่งต่าง ๆ ราวกับเธอเป็นคนเฒ่าที่อยู่ในคราบหญิงสาว
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงเลือกเสื้อผ้าประมาณสี่หรือห้าร้อยตัวในรูปแบบต่าง ๆ และขนาดทั่วไปแล้วจึงหยุด
ถุงกระสอบสองใบของพวกเธอเต็มแล้ว แต่เซี่ยชิงหยวนยังรู้สึกว่ายังไม่พอ
เธอพูดว่า “เถ้าแก่คะ คุณมีสินค้าอื่นอีกไหมหรือพวกเสื้อผ้าผู้ชาย ถ้ามีแบบวัสดุที่ดีกว่านี้ยิ่งดีเลยค่ะ”
เจ้าของร้านไม่คิดเลยว่าเซี่ยชิงหยวนจะต้องการเสื้อผ้าผู้ชายด้วย
เขาดีใจมากและพูดว่า “แน่นอน ฉันมี ๆ แต่คืนนี้ฉันไม่ได้เอามาที่นี่ด้วยน่ะ ถ้าเธอต้องการ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเอาของมาให้ แล้วเธอก็ลองหยิบเลือกดูได้”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ตกลงค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะกลับมา”
เจ้าของร้านมองไปรอบ ๆ ฉีกกระดาษออกมาครึ่งแผ่น และหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็เขียนตัวเลขบนนั้น “นามสกุลของฉันคือไต้ เธอเรียกฉันว่าเหล่าไต้ก็ได้ และนี่คือหมายเลขโทรศัพท์ของฉัน ถ้าเธอต้องการอย่างอื่นเพิ่มเติม เธอโทรหาฉันได้เลย พรุ่งนี้แผงขายของฉันจะยังอยู่ตรงนี้แหละ หรืออาจจะอยู่ถัดไปอีกสองสามแผง เพียงแค่ลองเดินหาฉันก็พอตอนเวลาเปิดร้าน”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า
เธอรับกระดาษจากเขาและทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ของโรงแรมไว้ให้อีกฝ่ายด้วยเช่นกัน “นี่คือหมายเลขโทรศัพท์ของโรงแรมที่ฉันพักค่ะ คุณสามารถติดต่อฉันได้นะคะหากมีปัญหา”
หลังจากที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์แล้ว พวกเขาก็ปิดปากถุงกระสอบและคิดเงินค่าสินค้า เมื่อชำระเงินแล้วธุรกรรมของคืนนี้ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น
เธอซื้อเสื้อผ้าแบบราคาเก้าเหมาจำนวนสามร้อยตัว และแบบหนึ่งหยยวนห้าเหมาอีกสองร้อยตัว รวมทั้งหมดเป็นห้าร้อยเจ็ดสิบหยวน
เหล่าไต้น้ำลายไหลเมื่อเห็นเงิน เขารีบเก็บเงินไว้ในกระเป๋าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรียบร้อยแล้วคนสวย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
ว่าแล้วเธอและอาเซียงก็แบกถุงกระสอบขึ้นบ่า ตั้งใจที่จะจากไปทันที
เหล่าไต้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “คนสวย ถ้าเธอพักอยู่ใกล้ละแวกนี้ เธอระวังความปลอดภัยสักหน่อยนะ กฎหมายและระเบียบในละแวกนี้มันค่อนยุ่งเหยิงมากเลยน่ะ”
เนื่องจากที่นี่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ดังนั้นจึงมีผู้คนหลากหลายประเภทเต็มไปหมด ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งจะเกิดอาชญากรรม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่ที่เตือนฉันนะคะ”
แต่ในใจของเซี่ยชิงหยวนคิดว่าตอนนี้มันยังไม่ดึกเกินไป เธอและอาเซียงควรจะเดินดูตลาดต่ออีกสักหน่อย และที่ที่พวกเธออาศัยอยู่ก็อยู่บนถนนสายหลัก ดังนั้นมันไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
แต่ระหว่างทางกลับ เธอก็เจอสถานการณ์เข้ากับตัวเองตรงหน้า
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนกระตุก มันเหมือนเป็นการตบหน้ากันจริง ๆ!