กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 153 สารภาพ
บทที่ 153 สารภาพ
บทที่ 153 สารภาพ
ดังนั้นเขาจึงทำงานอย่างสิ้นหวังและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไต่เต้าขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ เพื่อที่ภายหลังเซี่ยชิงหยวนจะได้มีหลักประกันชีวิตที่สุขสบาย
ด้วยเหตุนี้ แม้เขาจะจากไปในอนาคต ก็จะไม่มีใครกล้ารังแกเธอได้
คนที่เขารักใคร่และสนิทสนมจะเห็นแก่หน้าเขาและคอยให้ความช่วยเหลือเธอ
แต่เขากลับคิดผิด
ทั้งความมั่นใจในตัวเองและแผนการทั้งหมดที่เขาวางไว้ล้วนผิดพลาดทั้งหมด
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาพบว่าเซี่ยชิงหยวนแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
และเขายังเห็นแก่ตัวมากกว่าที่คิด
ทุกครั้งที่เธอกังวลเกี่ยวกับเขา ทุกครั้งที่เธอหลั่งน้ำตาให้เขา เขาก็ยิ่งมีความเห็นแก่ตัวที่อยากจะใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าไปพร้อมกับเธอ
หากไม่สามารถอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต อย่างน้อยก็ขอให้ได้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
นี่น่าจะเป็นความเห็นแก่ตัวและความคิดเดียวในชีวิตเขา
ดังนั้นเมื่อหยวนหงหลี่แนะนำฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ย เขาจึงเลือกที่จะปกปิดมันไว้
เซี่ยชิงหยวนพิงร่างของเสิ่นอี้โจวและร้องไห้อย่างหนักจนเธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงโง่แบบนี้!”
โทสะทั้งหมดของเธอได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความกังวลตั้งแต่วินาทีที่เธอเห็นเลือดกำเดาของเสิ่นอี้โจวไหล
เธอเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียเขาไปอีกครั้ง
สิ่งนี้เตือนใจเธอว่าเป้าหมายหลักของเธอตั้งแต่เกิดใหม่คือการตอบแทนความจริงใจของเสิ่นอี้โจว
สิ่งที่เธอกับเขาคาดหวังนั้น แท้จริงแล้วคือความหวังดีของกันและกันไม่ใช่หรือ?
วิธีแสดงความรักมันอาจจะผิดไปบ้าง แต่ไม่มีใครจะตำหนิความหวังดีที่จริงใจเช่นนี้ได้
จึงเป็นเรื่องปกติแล้วที่เซี่ยชิงหยวนจะรู้สึกโกรธ
เธอโกรธเพราะเขาตัดสินใจอนาคตของเธอโดยไม่ถามว่าหญิงสาวคิดเห็นอย่างไร
แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขเพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขารักเธอมาก
เสิ่นอี้โจวมองไปยังเซี่ยชิงหยวนที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด และเม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ “อย่าร้องไห้เลยนะ ผมอยู่นี่”
เซี่ยชิงหยวนหยุดร้องเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นก็ร้องไห้ต่อไป
ทั้งรูปลักษณ์และการกระทำของคนทั้งสองเด่นสะดุดตาเกินไป จนผู้สัญจรผ่านไปมาหลายคนอดไม่ได้ที่จะมองอย่างใคร่รู้
เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “คุณร้องไห้เยอะเกินไปแล้ว ตอนนี้คนอื่น ๆ คงกำลังคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับผมแน่ ๆ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ปิดปากของชายหนุ่ม
ขนตาของเธอยังคงชื้นด้วยน้ำตา และใบหน้าเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา สีหน้านั้นดูจริงจังมาก
เธอพูดว่า “คนบ้า! คุณไม่เคยได้ยินเรื่องวิญญาณดีและไม่ดีรึไง? คุณถ่มน้ำลายแล้วพูดใหม่เดี๋ยวนี้เลย!”
มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวและความอ่อนโยนในดวงตาของเขาก็แทบจะทำให้เธออ่อนระทวย
เขาพูดว่า “ได้สิ ผมจะพูดใหม่อีกครั้ง”
เขาทำตามคำพูดของเธอ ถ่มน้ำลายลงถังขยะข้างตัวและพูดว่า “ผมจะมีชีวิตยืนยาวเพื่อปกป้องคุณ และเมื่อคุณกลายเป็นหญิงชราตัวเล็ก ๆ ผมจะทะเลาะกับคุณทุกวัน”
เขาหยุดแล้วมองตาเธอ “และผมจะจูบปากเล็กของคุณบ่อย ๆ เช่นกัน”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะพูดคำหวานออกมา เธอหน้าแดงทันทีจนต้องรีบก้มศีรษะลง
ทว่าเสี่ยวหลิวซึ่งกลับมาจากการรับยาให้กับเสิ่นอี้โจวได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี
ชายหนุ่มถึงกับยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
มันล้มล้างความคิดของเขาที่มีต่อเสิ่นอี้โจวจนไม่เหลือชิ้นดี!
คนคนนี้ที่พูดคำหวานหยดย้อยเพื่อปลอบประโลมภรรยาคือชายผู้เย็นชาที่มีชื่อเสียงในศาลากลางจริง ๆ หรือ?
เมื่อหญิงสาวคนอื่น ๆ พูดคุยกับเสิ่นอี้โจว พวกเธอส่วนใหญ่จะหวาดกลัวท่าทีเย็นชาของเขาและไม่กล้าพูดด้วยนาน
เสี่ยวหลิวอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาอีกครั้ง
แต่เมื่อขยี้ตาเสร็จ เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน และสบกับสายตาของเสิ่นอี้โจว
ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่าการถูกจับได้ว่าแอบฟังอีกแล้ว
แต่อย่างไรเสิ่นอี้โจวก็เพียงแค่เหลือบมองอย่างเฉยเมยเท่านั้น จากนั้นลดศีรษะเพื่อปลอบโยนเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง
เสี่ยวหลิวรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่หลังจากหายนะผ่านพ้น เขาถอนหายใจและถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ
รออยู่ข้างนอกก่อนดีกว่า
เซี่ยชิงหยวนเอนตัวอยู่ในอ้อมแขนเขา แต่เมื่อมองไปยังดวงตาที่หยาดเยิ้มคู่นั้น เธอก็อดไม่ได้และหยิกเอวของเขาเบา ๆ เสียงของหญิงสาวยังคงขึ้นจมูกและฟังดูแผ่วเบาอยู่ “ถ้าคุณยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้คุณแน่”
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวกุมมือเล็กของเธอไว้ บางทีอาจเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป ริมฝีปากของเขาจึงค่อนข้างซีด
เขาวางคางไว้บนศีรษะของเธอและพูดว่า “ผมสัญญากับคุณว่าผมจะไม่โกหกคุณอีก”
เซี่ยชิงหยวนยื่นนิ้วก้อยของเธอไปทางเขา “เกี่ยวก้อยสัญญาก่อน”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว การเคลื่อนไหวของเขาไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย เขายื่นนิ้วก้อยเรียวยาวออกไปเกี่ยวเข้ากับของเธอ
“เกี่ยวก้อยสัญญา หนึ่งร้อยปีไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ตกลง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
…
เซี่ยชิงหยวนออกไปพร้อมกับเสิ่นอี้โจวและเดินทางกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินตงซิ่วยังคงเปิดไฟในบ้านรอไว้ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หลินตงซิ่วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอรีบถามว่า “หมอพูดอะไรบ้าง? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เสิ่นอี้โจวก้าวไปจับมือที่หยาบกร้านของผู้เป็นแม่ “แม่ครับ หมอบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินตงซิ่วก็หันไปมองเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพยักหน้าให้เธอ แสดงว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งท้ายที่สุดหลินตงซิ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอประสานมือเข้าด้วยกัน “ขอบคุณสวรรค์ที่อวยพร ขอบคุณบรรพบุรุษของฉันที่อวยพร”
ส่วนสาเหตุที่เสิ่นอี้โจวเลือดกำเดาไหล หลินตงซิ่วก็คิดได้ในภายหลังเช่นกันว่าอาจจะเกิดจากการดื่มน้ำแกงที่เธอต้ม มิฉะนั้น เสิ่นอี้โจวซึ่งมีสุขภาพดีมาตลอดถึงมีเลือดกำเดาไหลล่ะ?
เธอต้องการถามอีกครั้ง แต่เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวดูเหนื่อยล้าอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ถามอะไรต่ออีก แล้วแยกกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็กลับไปที่เตียงนอน
ทันทีที่แผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวนล้มถึงเตียง เธอก็ถอนหายใจอย่างแรงทันที
เมื่อครู่นอนอยู่โรงพยาบาล ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง แต่กลับหลับไม่ลงจริง ๆ
ภายในห้องนอนที่มืดสลัว มีแสงจันทร์ส่องลอดเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกำลังมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เซี่ยชิงหยวนจึงห่มผ้าให้เขา จากนั้นตบหน้าอกเขาเบา ๆ “นอนอย่างว่าง่ายนะ”
เสิ่นอี้โจวจับมือเธอและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าผมไม่ได้เก่งเรื่องอย่างว่าจริง ๆ คุณจะตำหนิผมไหม?”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนแดงระเรื่อทันที “ทำไมฉันต้องตำหนิคุณด้วยเล่า”
เมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดยังไม่ชัดเจน หญิงสาวจึงอธิบายอีกครั้ง “ฉันหมายความว่าถ้าคุณไม่ดีจริง ฉันก็แค่ชนะเท่านั้นเอง”
ท่ามกลางสายตาอันเศร้าสร้อยของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็กล่าวต่อ “นอกจากนี้ ฉันไม่เคยคิดว่าคุณไม่เก่งจริง ๆ นะคะ”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างจริงจังขณะที่พูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวรู้สึกว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขาปลอดโปร่งขึ้นมาทันที
เขาพูดว่า “จริงเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอีกครั้ง “จริงสิ”
แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวอย่างเธอก็ยังอายอยู่ “ที่ฉันพูดออกไปก่อนหน้านี้เพราะฉันโกรธคุณต่างหาก”
เสิ่นอี้โจวเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
เขาไม่ได้ไร้น้ำยาอย่างที่ตัวเองคิด
และเพราะเซี่ยชิงหยวนยังบอกว่าเขาเก่ง ดังนั้นใครจะดีไปกว่าเขาได้?
ความนับถือในตนเองของเขาในฐานะผู้ชายเปี่ยมล้นอีกครั้ง
เขาไม่ปล่อยมือเธอแถมยังใช้ปลายนิ้วเขี่ยฝ่ามือเธอเล่นอีกต่างหาก
ดวงตาของเขากลายเป็นลึกล้ำ “แต่ผมจริงจัง ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้นผมจะทำงานหนักขึ้นอย่างแน่นอน”
“ก่อนหน้านี้ผมยังมียับยั้งตัวเองอยู่บ้างเพราะไม่ต้องการทำให้คุณร้องไห้ แต่นับจากนี้ผมจะไม่รั้งตัวเองอีกต่อไปแล้ว! ผมจะทำให้คุณร้องไห้อย่างหนักจนคุณหยุดไม่อยู่เลย!”