กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 144 คงได้พบกันอีก
บทที่ 144 คงได้พบกันอีก
บทที่ 144 คงได้พบกันอีก
หลังจากส่งหลิงเยี่ยออกไปแล้ว ร่างกายของเสิ่นอี้โจวก็ผ่อนคลายลง
ให้เขาเป็นคนจบความผิดพลาดที่ตัวเองสร้างขึ้นมานั่นล่ะดีแล้ว
จากนั้นเขาจึงกดโทรศัพท์อีกครั้งและโทรหาฉู่ซิงอวี่
ฉู่ซิงอวี่รู้สึกประหลาดใจ “เลขาธิการเสิ่น คุณเรียกหาผมเหรอครับ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและพูดเข้าประเด็นทันที “มีภารกิจที่จะต้องไปตรวจเยี่ยมชนบท ผมจะส่งคุณไป”
ฉู่ซิงอวี่ประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน
หากทำภารกิจนี้ได้ดี เขาจะมีผลงานกลับมาด้วย
ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างมั่นใจ “ขอบคุณครับ ท่านเลขาธิการ!”
เสิ่นอี้โจวกล่าว “คุณกลับไปเตรียมตัวก่อนได้เลย อุปกรณ์ที่ผมมอบให้คุณเมื่อวานทำมาจากวัสดุชั้นดี ฉะนั้นอย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ”
ฉู่ซิงอวี่ไม่ได้ระแคะระคายสักนิดและกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณครับ ท่านเลขาธิการ!”
หลังจากส่งฉู่ซิงอวี่ออกจากสำนักงาน เสิ่นอี้โจวก็รู้สึกว่าท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง
หลังจากนี้ เซี่ยชิงหยวนจะกลับมาเป็นคนเดิมแน่นอน
…
เซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วกำลังล้างผักเช่นเคย
วันนี้พวกเธอทำหมี่เย็นเยอะเป็นพิเศษ
ใส่แตงกวากับแครอทหั่นฝอยลงไปในหมี่เย็น จากนั้นใส่ถั่วทอดกรอบตามลงไป ทำให้กลิ่นไม่ฉุนเกินไปนัก
แม้แต่เสิ่นอี้หลินก็ยังกินได้ครึ่งจาน ก่อนจะออกไปวิ่งเล่นทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก
หลินตงซิ่วยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเราขายมันในบ่ายวันนี้ มันจะต้องขายดีแน่ ๆ”
เซี่ยชิงหยวนลองชิม และดูพอใจมาก “ใช่ค่ะแม่ รสชาติดีมากเลย”
จู่ ๆ เธอก็คิดถึงหอยขมในแม่น้ำใกล้ ๆ อีกครั้ง จึงถามหลินตงซิ่ว “คุณแม่คะ แม่น้ำที่อยู่ติดกับที่พักเรามีหอยขมมากมายเลยค่ะ แม่อยากไปจับมันด้วยกันไหมคะ?”
หลินตงซิ่วตอบตกลงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
จากนั้นทั้งสองจึงแบกถังและขี่รถสามล้อไปที่นั่น
เซี่ยชิงหยวนพาหลินตงซิ่วไปยังแม่น้ำ แต่เป็นจุดที่เหนือทางต้นน้ำอยู่เล็กน้อย
ทันทีที่หลินตงซิ่วเดินไปถึง เธอก็ตะโกนอย่างมีความสุข “มีหอยเยอะมากเลย!”
โดยไม่คาดคิด หอยขมเหล่านี้ซึ่งผู้คนในชนบทจับกินกันเป็นประจำจนแทบไม่มีให้จับ พอมาอยู่ในเมืองกลับไม่มีใครสนใจเลย!
หลินตงซิ่วมีความสุขแต่ก็กังวลเช่นกัน “คนในเมืองไม่ชอบกินพวกมันเหรอ?”
ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงมีพวกมันมากมายแบบนี้?
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าคนในเมืองไม่ชอบกินหรอกค่ะ แต่พวกเขาขี้เกียจเกินกว่าจะมาจับและเอากลับไปทำกินเองมากกว่าค่ะแม่
ปกติพวกเขาต้องไปทำงาน พวกเขาจึงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกค่ะ”
แม้หอยขมจะมีรสชาติอร่อย แต่มันก็ไม่ได้มีเนื้อมากนัก
ดังนั้นแทนที่จะใช้เวลามากมายไปกับการจับและเอากลับไปล้างทำความสะอาด แถมยังต้องปรุงรสอีก สู้เอาเวลาไปพักผ่อนจะดีกว่า
ดังนั้นถ้าปรุงหอยขมได้ดีและมีรสชาติดีเหมือนครั้งที่แล้ว จะอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็จะซื้อมัน
เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินสิ่งนี้ เธอก็โล่งใจ
เธอถกขากางเกงขึ้น แล้วลงไปในแม่น้ำและเริ่มจับหอย
หลินตงซิ่วมีประสบการณ์และสามารถหาหอยขมที่ใหญ่น่ากินที่สุดได้เสมอ
บางครั้งเธอก็ยกหินก้อนใหญ่ที่มีหอยขมขนาดใหญ่เกาะอยู่
หลินตงซิ่วยังสอนเซี่ยชิงหยวนว่าควรหาหอยขมที่ใหญ่และมีคุณภาพดีจากจุดใดอีกด้วย
จากนั้นหลินตงซิ่วก็พบว่าที่ริมฝั่งน้ำและสันหินข้าง ๆ มีผักกูดขึ้นอยู่เต็มไปหมด!
ดวงตาของหลินตงซิ่วเปลี่ยนเป็นสีแดง “ชิงหยวน เร็วเข้า! รีบเก็บมันกันเถอะ เราจะสามารถเพิ่มอาหารได้อีกจานเลยนะ!”
หลังจากพูดจบ หลินตงซิ่วก็เดินนำหญิงสาวไปเก็บผักกูด
อาจเพราะมีฝนตกในเมืองเมื่อสองสามวันก่อน อีกทั้งผักกูดยังเติบโตตามแหล่งน้ำ ดังนั้นตอนนี้พวกมันจึงดูเขียวสดและดูอ่อนนุ่ม
ทุกครั้งที่เด็ดมันจะมีเสียงกรอบแกรบ ซึ่งฟังดูกรุบกรอบเป็นอย่างมาก
ส่วนผักกูดที่ถูกตัดออกยังคงมีน้ำไหลออกมามาก
มองจากมุมนี้แล้ว มันช่างน่าอร่อยมาก
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ภูเขาด้านหลังนี้เป็นดินแดนสมบัติจริง ๆ!
มีผักกูดมากมายที่ไม่จำเป็นต้องเพ่งมองหาพวกมัน แค่หันไปรอบ ๆ ก็จะเจอพวกมันได้แล้ว
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเธอเก็บผักกูดได้ถึงสองสามกำมือ
เซี่ยชิงหยวนชั่งน้ำหนักคร่าว ๆ มันน่าจะหนักเกือบสามสิบจินได้
หลังจากลวกน้ำแล้ว คาดว่าน้ำหนักของมันน่าจะอยู่ที่ราว ๆ ยี่สิบจิน
พวกมันคือรายได้อีกแปดหรือเก้าหยวน!
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าการหาเงินอย่างจริงจังนั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก?
ผู้ชายมีดีอะไร?
ผู้ชายมีแต่จะขัดขวางความเร็วในการทำเงินของเธอเท่านั้น!
เมื่อเก็บผักเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนทั้งสองก็บรรทุกผักกับหอยขมขึ้นรถ และกลับบ้านด้วยกัน
หลินตงซิ่วยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู ในขณะที่เธอมองไปยังรถสามล้อที่เต็มไปด้วยสิ่งของ
เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อมาถึงเตียนเฉิง เธอจะต้องบอกลากิจกรรมเก่า ๆ แล้วเสียอีก
ใครจะไปรู้ว่ามีโลกแบบนี้ในเมืองเตียนเฉิงแห่งนี้ด้วย
ด้วยผักกับหอยเหล่านี้ พวกเขายังสามารถประหยัดเงินในการซื้อของชำได้อีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนขี่จักรยานอยู่ข้างหน้าและหลินตงซิ่วก็นั่งอยู่ท้ายรถเช่นเดิม ทั้งสองกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อเข้าใกล้เขตที่พักครอบครัว มีการทำถนนใหม่และบนพื้นก็เป็นหลุมบ่อ เซี่ยชิงหยวนไม่ทันสังเกตเห็นมัน แล้วรถก็เคลื่อนผ่านไป
ทันใดนั้น รถจักรยานก็ชนเข้ากับหลุมหล่มนั้น
ผักกูดที่วางกองไว้สูง เมื่อหลินตงซิ่วคว้าไว้ไม่ทันเวลา ผักกูดที่อยู่ท้ายกระบะก็หล่นลงมาจากรถสามล้อ
หลินตงซิ่วกรีดร้อง “ว้าย!” และต้องการจะกระโดดลงไปหยิบมันขึ้นมา
เซี่ยชิงหยวนเองก็หยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงแม่สามี
ในเวลาเดียวกันนี้ มีชายคนหนึ่งเดินมาจากข้างหลังและพูดว่า “คุณป้า ผมช่วยเองครับ”
เขาวางกระเป๋าเอกสารไว้ข้าง ๆ จากนั้นก้มเก็บผักกูดส่งคืนให้พวกเธอ
เซี่ยชิงหยวนก็รีบลงจากรถเพื่อช่วยเก็บผักกูดเช่นกัน
เมื่อหยิบผักกูดชิ้นสุดท้ายขึ้นมา เซี่ยชิงหยวนกับมือของผู้ชายคนนั้นสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ
ทั้งคู่ไม่คิดอะไรมากและรีบชักกลับ
จนกระทั่งทั้งสองลุกขึ้นยืน จึงสังเกตเห็นรูปลักษณ์ของกันและกัน
ผู้ชายคนนี้มีคิ้วพาดเฉียงและดวงตาคมกริบ สวมแว่นตา ดูหล่อและอ่อนโยนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา มันดูเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เซี่ยชิงหยวนไม่เคยเห็นคนที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน
วินาทีแรกที่ฉู่ซิงอวี่เห็นเซี่ยชิงหยวน ความประหลาดใจก็ฉายแววในดวงตาของเขา
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนนั้นงดงามมาก ทุกครั้งที่เลิกคิ้วและยิ้มจึงมีเสน่ห์ไปโดยปริยาย
ดวงตาใสบริสุทธิ์คู่นั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่มากล้น
ความเงียบสงบและการเคลื่อนไหวของเซี่ยชิงหยวนมีความสง่างามที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยชิงหยวนหยิบผักกูดในมือของฉู่ซิงอวี่ด้วยรอยยิ้มและเอ่ยแผ่วเบาว่า “ขอบคุณค่ะ”
ฉู่ซิงอวี่ตกตะลึงเพียงชั่ววินาที จากนั้นก็กลับมามีสติสัมปชัญญะเช่นเดิม
ชายหนุ่มยิ้มและพูดตอบ “ด้วยความยินดีครับ”
เซี่ยชิงหยวนขอบคุณฉู่ซิงอวี่ จากนั้นเธอหันหลังกลับ ขึ้นจักรยานและจากไป
ฉู่ซิงอวี่ยืนอยู่ตรงนั้นชะงักค้าง สายตาของเขาจับจ้องไปยังน่องเรียวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่เก็บผักกูดกับหอยจากแม่น้ำเสร็จ เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วก็รีบกลับมาทันทีโดยไม่ได้เช็ดเท้าให้แห้ง ดังนั้นขากางเกงของพวกเธอจึงถูกม้วนไว้ที่หัวเข่า
น่องขาขาวพร่างพราวภายใต้แสงแดด ซึ่งทำให้ฉู่ซิงอวี่เสียสมาธิไปชั่วขณะ
ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่ให้เขากลับที่พักก่อนเวลา เขาคงไม่ได้พบกับผู้หญิงที่น่าทึ่งเช่นนี้
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อเธอ เขาจึงเปิดปากและต้องการไล่ตามให้ทัน
แต่เมื่อตระหนักว่าสิ่งนี้กะทันหันเกินไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ลืมมันไปเถอะ ถ้ามีพรหมลิขิตเราคงได้พบกันอีก