กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 139 จะบุ๋นหรือจะบู๊ คุณเลือกเอา
บทที่ 139 จะบุ๋นหรือจะบู๊ คุณเลือกเอา
บทที่ 139 จะบุ๋นหรือจะบู๊ คุณเลือกเอา
ในสำนักงาน ฉู่ซิงอวี่เอ่ยทักทายเสิ่นอี้โจวด้วยรอยยิ้ม
เขาพยักหน้า “สวัสดีครับ เลขาธิการเสิ่น ผมชื่อฉู่ซิงอวี่ จากนี้ไปผมจะมารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยพิเศษของคุณ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ฉู่ซิงอวี่มีรูปคิ้วพาดเฉียงดุจดาวตกตามชื่อของเขา*[1] และดวงตาคมกริบ ทว่าชายหนุ่มมีท่าทางสุภาพอ่อนโยน
เสิ่นอี้โจวมองใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายที่ประหนึ่งว่าเป็นสายลมในวสันตฤดู ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำเรื่องโง่เง่าที่สุดในชีวิต
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “สวัสดีครับ”
เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวจ้องฉู่ซิงอวี่เขม็ง หยวนหงหลี่ก็แย้มยิ้มและพูดว่า
“เป็นยังไงบ้าง? คุณพอใจกับคนที่ผมเลือกให้ไหม ผมบอกเลยนะว่าตั้งแต่คุณบอกผมคราวนั้น ผมนี่ทุ่มเทกับมันสุด ๆ เลย กระทั่งเซี่ยถิงก็มาช่วยด้วย เสี่ยวฉู่เป็นคนมีความสามารถในแผนกของเรา และเซี่ยถิงก็ถึงกับขอร้องหัวหน้าด้วยตัวเองเลยนะคุณ”
เมื่อมองไปยังฉู่ซิงอวี่ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลา เสิ่นอี้โจวรู้สึกขมปร่าในปากเหลือเกิน
เขาพยักหน้าอย่างขมขื่นใจ “ผมพอใจมากครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หยวนหงหลี่ก็หัวเราะร่า “ผมรู้ว่าคุณจะต้องพอใจ ผมได้ดำเนินการตามคำสั่งและขั้นตอนการโอนย้ายทั้งหมดให้เสี่ยวฉู่แล้ว และคุณก็จะพอใจแน่นอนเช่นกัน อ้อ แล้วคุณก็ไม่ต้องกังวลเมื่อคุณไปที่สำนักงานในมณฑลนะ เขาจะไปกับคุณด้วย”
หยวนหงหลี่หยุดพูดชั่วคราว “อ้อ มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งชื่อหลิงเยี่ย แต่เขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ถ้าทำธุระเสร็จแล้ว เขาจะตามมาทีหลัง”
ไม่ใช่หนึ่ง แต่เป็นสอง!
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวแสดงความตื่นตระหนกที่หาได้ยาก
ในขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธ หยวนหงหลี่ก็พูดว่า “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นนะ ขั้นตอนการโอนย้ายเขาก็เสร็จเรียบร้อยเช่นเดียวกันกับเสี่ยวฉู่ และคุณสามารถเรียกตัวทั้งสองคนได้เลยเมื่อถึงเวลา”
เขาตบไหล่เสิ่นอี้โจวเบา ๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ “แต่ถ้าผู้หญิงที่คุณแนะนำไม่เห็นด้วยกับเสี่ยวฉู่ คุณสามารถแนะนำเสี่ยวหลิงให้เธอได้ เสี่ยวหลิงเพิ่งออกจากกองทัพและครอบครัวของเขาก็เป็นครอบครัวทหาร เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นและกล้าหาญมาก จะบุ๊นก็ได้ จะบู๊ก็ดี จะแบบไหนก็เป็นแบบที่สาว ๆ ชอบทั้งนั้น”
เสิ่นอี้โจว “…”
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ได้แต่พยักหน้าด้วยความยากลำบาก “ขอบคุณครับ เลขาธิการหยวน แล้วก็ฝากบอกขอบคุณเซี่ยทิงแทนผมด้วยนะครับ”
หยวนหงหลี่คุยกับเสิ่นอี้โจวอีกสองสามคำแล้วจึงจากไปอย่างรีบร้อน
มีเพียงเสิ่นอี้โจวกับฉู่ซิงอวี่เท่านั้นที่จ้องมองกันและกัน
ฉู่ซิงอวี่รู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายเสิ่นอี้โจวในเวลานี้น่าอึดอัดมาก
เขาก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกัน แต่เขาจะไม่ซักไซ้เรื่องราวของผู้บังคับบัญชา ดังนั้นชายหนุ่มจึงยังคงนิ่งเงียบ
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจและเลิกคิ้ว “ที่พักจัดเตรียมเรียบร้อยดีหรือยัง?”
ฉู่ซิงอวี่ตอบกลับทันที “ทุกอย่างจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ และมันก็อยู่ในเขตที่พักครอบครัวของเจ้าหน้าที่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว
เขาพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เขานวดหว่างคิ้วตัวเองและพูดว่า “ตอนนี้นายควรไปกินข้าวที่ห้องอาหารก่อน แล้วฉันจะบอกนายเกี่ยวกับงานที่ต้องทำในช่วงบ่าย”
ฉู่ซิงอวี่ตอบกลับ “ได้ครับ ขอบคุณครับเลขาธิการเสิ่น”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกจากสำนักงานไป
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งขึ้นมาชั้นบน เอ่ยทักทายฉู่ซิงอวี่แล้วเคาะประตูสำนักงาน
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “เข้ามา”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาพร้อมกล่องข้าวกลางวัน “เลขาธิการเสิ่นครับ นี่เป็นกล่องข้าวที่ภรรยาของคุณขอให้ผมช่วยนำมาส่งให้คุณครับ”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้น และรับกล่องข้าวมาไว้ในมือ “ขอบคุณ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เข้ามาหาเขาโดยตรง
การที่เธอทำแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ
จากนั้นเขาก็ถามว่า “ขอโทษนะ ตอนนี้ภรรยาของผมอยู่ที่ไหน?”
เมื่อนึกถึงคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พูดว่า “ภรรยาของเลขาธิการมาส่งของที่ประตูและกลับไปแล้วครับ”
เสิ่นอี้โจวเป็นถึงข้าราชการระดับสูงและทุกคนก็เคยได้ยินว่าเสิ่นอี้โจวรักภรรยาของตัวเองมาก หากเขาไม่ปฏิบัติตามคำพูดของเซี่ยชิงหยวน หน้าที่การงานของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าเซี่ยชิงหยวนไม่พอใจขึ้นมา?
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ แต่เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง
…
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าตัวเองกลับถึงบ้านได้อย่างไร แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูจะกล่าวลาเธอ แต่เธอก็แทบไม่ได้ตอบสนอง
เมื่อเดินมาภายในอาณาเขตบ้าน เธอก็พยายามปรับสีหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกลับมา หลินตงซิ่วรีบลุกขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ? มานั่งพักก่อนสิ”
มีอาหารอยู่บนโต๊ะและหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินก็ยังไม่ได้กินเช่นกัน พวกเขากำลังรอเซี่ยชิงหยวนกลับมา
หลินตงซิ่วหันพัดลมไปทางหญิงสาวและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “ร้อนไหม? เช็ดเหงื่อก่อนนะชิงหยวน”
จากนั้นเธอก็พูดว่า “ครั้งหน้าเราไม่ต้องเอาข้าวไปส่งให้อี้โจวแล้วก็ได้นะ มันเหนื่อยเกินไป”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ามึนงง “ค่ะ…”
เสิ่นอี้หลินสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเซี่ยชิงหยวน
เขาเอื้อมมือเล็กออกไป และโบกตรงหน้าของเซี่ยชิงหยวน “พี่สะใภ้ เป็นอะไรไปน่ะฮะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยายามควบคุมสติตัวเองอย่างรวดเร็ว
เธอพยายามดึงมุมปากของเธอให้ยกยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก บางทีพี่อาจจะเหนื่อยเกินไปหน่อยน่ะ”
เธอกินข้าวไว ๆ ล้างจานและกลับไปในห้องของตัวเอง
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองไปยังเตียงนอนสะอาดและเป็นระเบียบ พลันรู้สึกปวดร้าวในใจ
คำพูดที่เธอได้ยินในสำนักงานศาลากลางและห้องนั่งเล่น อารมณ์ที่พยายามซุกซ่อนมาตลอดพลันถูกถาโถมเข้ามาในเวลานี้
เธอมองไปยังหมอนบนเตียงซึ่งเย็บปักเป็นลายดอกบัวคู่ หญิงสาวมีความสุขอย่างไรในทีแรก ในเวลานี้เธอกลับรู้สึกราวถูกดูแคลน
ดวงตาของเธอราวถูกความงามของดอกไม้ทิ่มแทง และเบ้าตาของเธอก็เริ่มชื้น
ในไม่ช้า ขนตางอนยาวก็เปียกชื้น น้ำตาไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป และร่วงเผาะลงมา
หยดน้ำตาที่เปรียบเสมือนไข่มุกร่วงหล่นลงมาราวกับเส้นด้ายที่ขาดวิ่น
ด้วยความกังวลว่าเสิ่นอี้หลินกับหลินตงซิ่วที่อยู่ห้องข้าง ๆ จะได้ยิน เธอไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงสะอื้น
เธอรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ตัวเองทำกับเขาตั้งแต่เกิดใหม่กลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ
เธอลุกขึ้นยืน หยิบหมอนบนเตียงแล้วโยนลงบนพื้น
ดวงตาของเธอกวาดไปรอบห้อง แต่กลับหาอะไรมาระบายความโกรธไม่ได้เลย
หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อต้องการจะเก็บข้าวของและจากไป
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่การเคลื่อนไหวของเธอกลับหยุดกะทันหัน
เธอจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้
อย่างน้อยเธอต้องรอให้เสิ่นอี้โจวกลับมาและฟังคำอธิบายของเขา
เธออยากจะถามเขาว่าเรื่องในวันนี้มันเป็นความจริงหรือไม่
อย่างน้อยก็ให้โอกาสกันอีกครั้ง
ถ้าชายหนุ่มบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่กับเธอ เธอก็จะเลิกกับเขาทันที
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงรอตั้งแต่กลางวันจนถึงเย็น และในที่สุดก็รอจนกระทั่งเสิ่นอี้โจวกลับมาจากเลิกงาน
เธอรอให้เสิ่นอี้โจวพูดก่อน แต่เขากลับมีท่าทีสงบเสมอ
ถ้าเธอไม่ได้ยินกับหูตัวเองที่ประตูห้องทำงานของเขา เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น
เซี่ยชิงหยวนรอคอยอย่างอดทน จนกระทั่งเขาเข้านอนในตอนกลางคืน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบสนอง
เซี่ยชิงหยวนจึงทนไม่ได้อีกต่อไป
เธอถามเขาว่า “วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวหยุดชั่วคราวขณะที่เขากำลังเปลื้องผ้า
เขามองไปยังเซี่ยชิงหยวนด้วยท่าทางสงบ พยายามหาเบาะแสอะไรบางอย่างจากใบหน้าของเธอ
อย่างไรก็ตาม เซี่ยชิงหยวนเพียงแค่เม้มริมฝีปากแล้วมองตัวเขาด้วยรอยยิ้มบางเบา
ในใจของเขาเต้นแรง
เขาเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับหยวนหงหลี่ในวันนี้หรือเปล่า?
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกอย่างชัดเจนว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้ขึ้นไปบนชั้นสอง
ถ้าเซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเขาขอให้ใครสักคนหาผู้ชายให้เธอ เขาไม่อาจจินตนาการถึงปฏิกิริยาของเซี่ยชิงหยวนได้เลย
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองมั่นคงแล้ว เขาไม่ต้องการเพิ่มปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากชั่งน้ำหนักในใจแล้ว เขาก็ลูบมือของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรหรอก”
[1] 星 (ซิง) ในชื่อของฉู่ซิงอวี่ แปลว่า ดวงดาว