กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 136 เครื่องตุ๋นยาจีนสือเฉวียนต้าปู้ถัง
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 136 เครื่องตุ๋นยาจีนสือเฉวียนต้าปู้ถัง
บทที่ 136 เครื่องตุ๋นยาจีนสือเฉวียนต้าปู้ถัง
บทที่ 136 เครื่องตุ๋นยาจีนสือเฉวียนต้าปู้ถัง*[1]
เซี่ยชิงหยวนพบว่าหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว เสิ่นอี้โจวพยายามแสร้งไม่มีอารมณ์ร่วม
แม้เขาจะพยายามปกปิดมันอย่างที่สุด แต่เธอก็ยังเห็นมันอยู่ดี
เมื่อเทียบกับเสิ่นอี้โจวแล้ว หลินตงซิ่วดูผ่อนคลายกว่ามาก
อาจเป็นเพราะเธอได้พูดถึงความคิดทั้งหมดที่อยู่ในหัวมากมายต่อหน้าหลุมศพของสามีกับพ่อสามี เธอจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
ส่วนเสิ่นอี้หลินนั้น เขาเกิดไม่ทันตอนที่พ่อของเขาเสิ่นเหยียนจากไป และเขายังเด็กมากเช่นกันเมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเสียชีวิต
ดังนั้นอารมณ์ของเขาจึงได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาถึงชีวิตในอนาคต
เซี่ยชิงหยวนสังเกตเห็นว่าเสิ่นอี้โจวเพิ่งยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของเสิ่นเหยียนและผู้เฒ่าเสิ่น ทว่าเขากลับไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน
เธอจำได้ว่าเสิ่นเหยียนได้รับบาดเจ็บที่ขา เนื่องจากเหตุภัยพิบัติทางธรณีวิทยา อีกทั้งเจ้าตัวยังตากฝนอยู่สองสามวัน จากนั้นเขาจึงล้มป่วย
ดังนั้นเธอจึงคิดว่าการเลือกทำงานที่สถาบันวิจัยทางธรณีวิทยาของเสิ่นอี้โจวจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจออกจากงานเดิมมาทำงานในศาลากลางแทน
แต่เธอสัมผัสได้ว่าเขาต้องเสียใจอยู่บ้าง
เมื่อไปถึงอำเภอเมือง เสี่ยวหลิวก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อเสี่ยวหลิวเห็นหลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลิน เขาก็ดูจะไม่แปลกใจเลยและทักทายทั้งสองคนอย่างอบอุ่น
ดูเหมือนว่าเสิ่นอี้โจวจะบอกเรื่องนี้แก่อีกฝ่ายล่วงหน้าแล้ว
สำหรับการเดินทางที่เหลือ เสิ่นอี้โจวกับเสี่ยวหลิวยังคงขับรถสลับกัน
พวกเขาไม่ได้หยุดพักและขับต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนความกังวลที่ว่าหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินจะมีอาการเมารถ คนทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่มากนัก
ตอนที่พวกเขามาถึงเขตที่อยู่อาศัยของเจ้าหน้าที่ก็เป็นเวลาบ่ายสองโมง
เมื่อหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินเห็นเมืองเตียนเฉิงเป็นครั้งแรก ทั้งสองก็กวาดสายตามองทุกสิ่งที่อยู่นอกหน้าต่างรถ
หลังจากเข้าไปในเขตที่พักครอบครัว พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นจนไม่สามารถปิดปากของตัวเองได้
มันสวยจริง ๆ!
พวกเขาไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อนในชีวิต!
เมื่อรถของพวกเขาหยุดลง มันก็ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนบ้านรอบข้างทันใด
แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานของเสิ่นอี้โจวที่อยู่ในระดับสูง จึงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าก้าวเข้ามา
เมื่อหลินตงซิ่วเผชิญกับสายตาที่กำลังสอดส่องเหล่านี้ เธอก็รู้สึกอึดอัด
เธอกำชายเสื้อของตัวเอง “อี้โจว แม่เป็นแบบนี้จะไม่ทำให้ลูกอายเหรอ?”
ชายหนุ่มยิ้มและดึงเธอเข้ามากอด “ทำไมผมต้องอายด้วยล่ะครับ? แม่แค่ต้องจำไว้ว่าแม่คือแม่ของผม และหลายคนที่นี่ก็ทำได้แค่อิจฉาเท่านั้น นอกจากนี้ สมาชิกครอบครัวหลายคนที่นี่ก็ย้ายมาจากชนบทเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายเอ่ย หลินตงซิ่วก็หัวเราะออกมาทันที
เซี่ยชิงหยวนพาพวกเขาเข้าไปในบ้าน “เข้าไปในบ้านกันเถอะ”
เมื่อประตูห้องนั่งเล่นเปิดออก หลินตงซิ่วรู้สึกว่าขาของเธออ่อนแรงเมื่อมองไปยังการตกแต่งภายใน
นี่มันบ้านคนรวยในทีวีไม่ใช่เหรอ?
เธอค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งบนโซฟา ทว่าสัมผัสที่นุ่มนิ่มอ่อนโยนทำให้เธอกระเด้งออกจากโซฟาด้วยความตกใจ
เธออุทานว่า “ทำไม…ทำไมมันนุ่มกว่าเตียงแบบนี้?”
ระหว่างทางมาที่นี่ เสิ่นอี้โจวบอกเธอว่า เขาไม่ใช่ข้าราชการชั้นผู้น้อยของสถาบันวิจัยอีกต่อไปแล้ว แต่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้คนเพียงไม่กี่คนของศาลากลางเท่านั้น!
เมื่อรู้ความจริงนี้ หัวใจของเธอกระสับกระส่ายจนไม่สามารถสงบลงได้เลย
จากนั้นเมื่อเข้ามาในบริเวณที่พักอาศัย ได้เห็นบ้านที่สวยงามมากมายและการตกแต่งสไตล์ตะวันตก เธอก็ราวกับเหมือนอยู่ในความฝัน
ในขณะที่ความสามารถในการยอมรับของเสิ่นอี้หลินนั้นดีกว่าเธอมาก
เด็กชายนั่งพิงโซฟาอย่างมีความสุขและพูดพร้อมกับแย้มยิ้มว่า “นุ่มสบายมากเลย!”
เซี่ยชิงหยวนพาพวกเขาไปยังห้องนอนที่เธอเตรียมไว้ “คุณแม่กับอี้หลิน พักอยู่ในห้องนี้ชั่วคราวไปก่อนนะคะ เดี๋ยวปีหน้าเราเปลี่ยนอีกทีค่ะ”
ห้องนี้ถูกทำแบ่งเป็นสองส่วนด้วยฉากกั้น มันจึงดูไม่แออัดเพราะห้องเดิมนั้นกว้างกว่าสามสิบตารางเมตร
เสิ่นอี้หลินยังเด็ก ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าเขาจะแบ่งห้องกับหลินตงซิ่วชั่วคราวหรือไม่
เมื่อย้ายไปยังเมืองหลวงของมณฑลในปีหน้า มันจะเป็นบ้านที่หลังใหญ่ขึ้นแน่นอน
เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินเช่นนั้น เธอก็โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลย แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”
เท่านี้ก็ดีกว่าหมู่บ้านซีสุ่ยมากแล้วจริงไหม?
เสิ่นอี้หลินชอบห้องของเขามาก
เขากลิ้งไปมาบนเตียง จากนั้นก็ลุกขึ้นและกอดเซี่ยชิงหยวนไว้ “ขอบคุณครับพี่สะใภ้!”
เตียงที่สะอาดและเป็นระเบียบ โต๊ะทำงานขนาดเล็ก และเครื่องเรือนทั้งหมด ได้บ่งบอกว่าคนที่จัดเตรียมพวกมันเป็นคนที่ละเอียดและเอาใจใส่อย่างมาก
แน่นอนว่าเสิ่นอี้โจวไม่ใช่คนทำอะไรพิถีพิถันขนาดนี้ แต่เป็นเซี่ยชิงหยวนที่เป็นคนเตรียมทุกอย่าง
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าเธอจะถูกกอดเต็มรักแบบนี้
หัวใจของเธอรู้สึกมีความสุข
เธอลูบผมสั้นของเด็กชายแล้วพูดพร้อมกับฉีกยิ้มบางว่า “ด้วยความยินดีจ้ะ!”
จากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่ในอีกสองเดือนข้างหน้า นายจะต้องไปโรงเรียนนะ เมื่อมาอยู่ที่นี่ นายจะเอาแต่เล่นอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ นายต้องเริ่มเรียนแล้ว”
เสิ่นอี้หลินมีท่าทางเจ็บปวดและล้มลงบนเตียงเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “ไม่มีทาง!”
ทันใดนั้นทุกคนก็หัวเราะ
…
พอตกกลางคืน เสิ่นอี้หลินก็เข้านอนแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตื่นเช้าเกินไปและตื่นอยู่ตลอดทางบนรถ เขาคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนไปแล้ว
หลินตงซิ่วพูดกับเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวว่า “มันดึกแล้ว พวกลูกควรเข้านอนเร็ว ๆ นะ”
แล้วเธอก็กล่าวเสริมว่า “อย่าเอาแต่ตื่นทั้งคืนกันล่ะ”
ความตั้งใจที่จะกระตุ้นให้ทุกคนนอนเร็วนั้นชัดเจนมาก
เมื่อพูดจบ เธอก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วและปิดประตู
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ซึ่งยังไม่ถึงสองทุ่ม แต่หญิงสาวกลับรู้สึกหมดหนทาง
เสิ่นอี้โจวก้าวเข้ามาประชิดเธอทันที “เราควรนอนเร็วไหมวันนี้?”
เซี่ยชิงหยวนก้าวถอยหลังทันที “ยังจะอะไรอีกล่ะคะ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ก็คุณกลัวว่าเวลาของเราจะไม่พอไม่ใช่เหรอ?”
เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวกว่าเดิมและคว้าข้อมือเธอไว้ “ในเมื่อคุณกลัวเวลาไม่พอ เราก็ควรจะใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า”
หลังจากพูด เขาก็อุ้มเธอพาดบ่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อคิดว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้าน เซี่ยชิงหยวนก็ปิดปากของเธอ ระงับเสียงอุทานที่กำลังจะโพล่งออกมา
เธอเตะขาไปมาและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวตบบั้นท้ายของเธอ “รอเข้าไปในห้องนอนก่อนแล้วผมจะวางคุณลงแน่”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ถัดมา เซี่ยชิงหยวนก็ถูกวางลงบนเตียงนุ่ม เธอกลิ้งอย่างคล่องแคล่ว และลุกขึ้นยืนตรงริมเตียง
เธอมองไปยังเสิ่นอี้โจวด้วยท่าทีหวาดระแวง “คุณต้องสงบสติอารมณ์”
เสิ่นอี้โจวเริ่มปลดกระดุมหน้าอกของเขา “ผมใจเย็นสุด ๆ เลยตอนนี้”
เซี่ยชิงหยวน “คุณต้องพักผ่อน”
เสิ่นอี้โจว “เอาไว้ผมค่อยไปพักตอนสาย”
เซี่ยชิงหยวน “ร่างกายของคุณจะทนไม่ไหวเอานะ!”
เสิ่นอี้โจวปลดกระดุมสองเม็ดแล้ว “ไม่เป็นไร ผมอ่อนแอ ดังนั้นผมต้องออกกำลังกายให้มากขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนกัดฟัน “คุณจะต้องทุกข์ทรมานจากภาวะไตพร่อง!”
เสิ่นอี้โจวหยุดชั่วคราว “ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็แล้วกัน”
เสื้อของเขาถูกปลดกระดุมออกจนหมด
บริเวณที่เสื้อไม่ได้ปกปิด มีมัดกล้ามเนื้อซ่อนอยู่และไล่ลงไปยังในกางเกงของเขา
เขายืนอยู่ต่อหน้าเซี่ยชิงหยวนด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
เซี่ยชิงหยวน “ถ้าคืนนี้คุณยังทำอีกละก็ คุณจะหมดกระสุนแน่นอน!”
เสิ่นอี้โจว “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้คุณก็ทำน้ำแกงบำรุงกำลังให้ผมสิ”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ใบหน้าเล็กเรียวและปากของเธอซีดเผือด เธอคุกเข่าต่อหน้าเสิ่นอี้โจว “ฉันผิดไปแล้ว!”
[1] สือเฉวียนต้าปู้ถัง น้ำแกงที่มีรสเค็มและมีสรรพคุณทางยา ใช้ในการฟื้นกำลัง ผู้ชายมักนิยมดื่ม