กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 128 กรุณาให้เกียรติกันด้วย
บทที่ 128 กรุณาให้เกียรติกันด้วย
บทที่ 128 กรุณาให้เกียรติกันด้วย
คำพูดของจางอวี้เจียวมักจะทำให้คนอื่นไม่สบายใจเป็นประจำ
ซึ่งหวังผิงกับกงเหลียนซินเผอิญเดินออกมาพร้อมกับจานใส่แตงโมพอดี
หวังผิงมองไปยังเซี่ยชิงหยวนที่ทำท่าจะเปิดปากพูด เธอพลันพูดแทรกก่อนว่า “เอาล่ะ ไม่ว่าใครจะร่ำรวยแค่ไหน มันก็ไม่ได้มาด้วยลมฝนหรอกนะ”
ตั้งแต่รับรู้ว่าจางอวี้เจียวแอบเอาเงินเก็บของเซี่ยจิ่งเฉินไปซื้อตำแหน่งงานให้จางอวี้เอ๋อ ทัศนคติของหวังผิงที่มีต่อจางอวี้เจียวก็เปลี่ยนไป
แม้เจ้าหล่อนจะลอบเอาเงินของเซี่ยจิ่งเฉินไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะอนุญาตให้จางอวี้เจียวเอาเงินไปปรนเปรอฝั่งครอบครัวตัวเองโดยไม่บอกไม่กล่าวเธอเลย
ในครอบครัวของจางอวี้เจียวมีพี่น้องมากมาย หากทุกคนช่วยกันทีละเล็กทีละน้อย นั่นมันก็คือเงินเหมือนกันไม่ใช่รึไง?
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ลูกชายของเธอไม่ควรจะเป็นฝ่ายออกเงินทั้งหมด
แม้จะไม่มีความบาดหมางกับลูกชายชั่วข้ามคืน แต่กับลูกสะใภ้คนนี้ มันแตกต่างออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังผิงแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าทุกคน
จางอวี้เจียวกำหมัดแน่นและไม่พูดอะไร
เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน
เธอเปิดกระเป๋าและหยิบทุกอย่างออกมา
เธอวางบุหรี่กับเหล้าไว้บนโต๊ะ วางขนมไว้ข้าง ๆ กันพลางพูดกับหลานสาวที่อยากรู้อยากเห็นว่า “ของกินพวกนี้อุบไว้กินเองไม่ได้นะ ต้องให้คุณย่าแบ่งให้ก่อน แล้วค่อยเอามาและเก็บไว้ให้แม่ด้วยนะจ๊ะ ถามหากับคุณแม่นะ ถ้าพวกหนูอยากกินขึ้นมา เข้าใจไหมเอ่ย?”
เซี่ยไป่เหิงและเซี่ยไป่อวิ๋นพยักหน้าอย่างว่าง่าย
แต่เซี่ยซือถงกับเซี่ยซือเหยียนกลับดูไม่มีความสุขนัก แต่พวกเธอไม่ได้โต้แย้งอะไร
เซี่ยชิงหยวนเข้าใจในทันที
เพราะจางอวี้เจียวมักจะได้รับส่วนแบ่งจากตระกูลเซี่ยเสมอ แม้ลูกสาวของเธอจะพลาดของอร่อย แต่เจ้าตัวก็มักจะนำกลับไปให้กับครอบครัวที่บ้านเกิดเสมอ
ถ้าขนมไปอยู่ในมือของจางอวี้เจียว หลานสาวทั้งสองอาจไม่ได้รับส่วนแบ่งดังกล่าว
ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจึงคว้าลูกอมสองกำมือและแบ่งปันให้เด็กทั้งสี่คนก่อนเป็นอันดับแรก
จากนั้นเธอพูดว่า “เก็บมันไว้กับตัวนะ ค่อย ๆ กินแล้วอย่าลืมแปรงฟันรู้ไหม”
เธอซื้อลูกอมพวกนี้มาจากร้านค้าพิเศษในเมืองเตียนเฉิง บรรจุภัณฑ์นั้นทั้งสวยงามและรสชาติก็ยอดเยี่ยม
เมื่อได้รับลูกอมห่อเม็ดงาม เด็กทั้งสี่คนก็มีความสุขมากและพยักหน้าหงึก ๆ อย่างมีความสุข
แต่แล้วเมื่อเด็กหญิงสองคนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ พวกเธอก็มองไปทางจางอวี้เจียวโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากมีคนจำนวนมากอยู่ตรงหน้า จางอวี้เจียวจึงไม่สามารถคว้าขนมจากมือเด็กได้
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดุว่า “เอาเลย! กิน กิน กินเข้าไปซะ ระวังเถอะจะกินจนตาย!”
น้ำเสียงดุด่ารุนแรงมากเสียจนเด็กหญิงทั้งสองหดคอแล้วจับมือกันวิ่งหนีไป
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว
แม้แต่เซี่ยโยว่หมิง เซี่ยจิ่งเยว่และกงเหลียนซินที่คุ้นเคยกับท่าทางของอีกฝ่ายก็ยังแสดงความไม่พอใจออกมา
ไม่มีใครชอบการกระทำนี้ นี่ลูกตัวเองแท้ ๆ ด่าออกมาแบบนี้ได้ยังไง
และคำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะสื่อถึงเซี่ยชิงหยวน
หลายคนแสดงสีหน้าไม่ถูก ทั้งส่ายหน้าและไม่พูดอะไร
เซี่ยชิงหยวนระงับความโกรธของตัวเองและยังคงถือของต่อไป
“ส่วนของแห้งพวกนี้ควรเอาออกไปผึ่งแดดตอนแสงแดดจ้าบ่อย ๆ แล้วถ้าเก็บให้ดี มันจะอยู่ได้นานมาก ส่วนของจำพวกบรรจุกระป๋องจะเป็นของสด การให้เด็กกินหรือมอบให้คนอื่นเป็นของขวัญจะดีมาก คุณแม่ก็จัดการตามเหมาะสมเอาเองก็แล้วกันนะคะ อ้อ ฉันเห็นว่าเด็ก ๆ ในเมืองจะดื่มนมมอลต์กับนมวัวผงด้วย ฉันจึงซื้อกลับมาด้วย”
มีนมมอลต์อยู่สี่ขวดและเซี่ยชิงหยวนก็วางมันไว้ข้าง ๆ
ส่วนนมผงหกกระป๋องนั้น หญิงสาววางแยกไว้ต่างหาก
คุณภาพของนมผงในยุคนี้มีรสชาติดีมาก ทั้งยังอร่อยอีกด้วย
เธอหยิบนมผงออกมาสองกระป๋องที่มีฉลากแตกต่างจากกระป๋องอื่น “นมผงพวกนี้สำหรับคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ พ่อแม่ก็แก่แล้ว เหมาะสำหรับป้องกันโรคกระดูกพรุนและเสริมแคลเซียม”
ส่วนสี่กระป๋องที่เหลือซึ่งมีฉลากแบบเดียวกัน เธอมอบให้กับกงเหลียนซินกับจางอวี้เจียวคนละสองกระป๋อง “นี่สำหรับเด็ก ๆ ตอนนี้เด็ก ๆ กำลังโตจำเป็นต้องเสริมโภชนาการ”
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ หวังผิงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เธอยิ้มกว้างจนปากฉีกเกือบถึงหู
ลูกสาวคนนี้กลายเป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ และใจกว้างมากในทุกการกระทำ!
หวังผิงรวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตกลง แม่จำทุกอย่างได้แล้ว”
กงเหลียนซินก็มีความสุขมากเช่นกัน
เธอเคยไปห้างสรรพสินค้าในเมืองมาก่อน และเคยเห็นนมผงแบบนี้วางขายอยู่เช่นกัน พอถามถึงราคาต่อนมผงหนึ่งถุง มันกลับราคาตั้งสี่หยวน ทั้งที่มีน้ำหนักแค่หนึ่งจิน!
ทว่านมผงที่เซี่ยชิงหยวนซื้อมา แต่ละกระป๋องมีน้ำหนักอย่างน้อยสี่จินต่อกระป๋อง!
เธอพูดว่า “น้องเล็กของฉันมีน้ำใจมากจริง ๆ นึกไม่ออกเลยว่าของพวกนี้มีราคาเท่าไหร่!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มบาง “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่สะใภ้ ฉันมีเงินเก็บอยู่บ้าง แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ราคาถูกนัก แต่ตอนนี้ฉันได้เริ่มค้าขายบ้างแล้ว มันทำเงินให้ฉันได้นิดหน่อย”
เนื่องจากจางอวี้เจียวอยู่ด้วยในตอนนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงไม่ต้องการพูดว่าสิ่งเหล่านี้ได้มาง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงรบกวนเธอไม่จบไม่สิ้น
โดยไม่คาดคิด จางอวี้เจียวกลับยังคงมีบางอย่างต้องการจะพูด
เธอถือนมผงแล้วพูดว่า “ชิงหยวน อย่าพูดเหมือนตัวเองลำบากเลย ในครอบครัวของเราตอนนี้ เธอมีความสุขที่สุดแล้ว ตอนนี้อี้โจวได้กลายเป็นข้าราชการแล้ว นมผงไม่กี่กระป๋องก็แค่ทำงานพริบตาเดียวก็ได้มาแล้ว”
เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แต่ดูน้องสาวของฉันที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในโรงอาหารสิ นอนก็นอนหลับได้ไม่ดี กินก็ไม่เต็มอิ่ม เฮ้อ แต่บางคนกลับไม่มีน้ำใจจะช่วยเหลือและพ่อแม่ของฉันก็น่าสงสาร พวกเขาไม่มีปัญญาแม้แต่จะได้เห็นนมผงพวกนี้ด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เธอวางของในมือลงแล้วมองจางอวี้เจียวอย่างเย็นชา “เธอพูดว่าฉันมีความสุขที่สุดกว่าคนอื่นงั้นเหรอ? ที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉันกินใช้ของของเธอรึไง? ไม่ว่าฉันจะใช้ชีวิตยังไง ฉันก็ได้มาจากการทำงานหนักของฉันทั้งนั้น”
“ไม่เหมือนบางคนที่เอาแต่เพ้อฝันและอยากผูกสัมพันธ์กับคนอื่น เพื่อหาทางลัดให้กับตัวเอง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่ฉันช่วยเธอก็เพราะยินดีให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่หน้าที่ ทำไมถึงคิดว่าทุกคนบนโลกนี้ต้องติดหนี้เธอรึไงฮะ?”
“พ่อแม่ของเธอน่าสงสาร ก็เป็นความผิดของเธอที่เป็นลูกไร้ความสามารถ แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอขนาดนี้แล้ว เธอกลับทำตัวเอาเท้าลูบหน้าฉันเหรอ? เธอนี่มันไม่ต่างจากน้องสาวของเธอเลย! ไม่มีความเคารพให้เกียรติหรือสำนึกในบุญคุณของคนอื่นเลยสักนิด!”
เซี่ยชิงหยวนถึงกับน็อตหลุด และด่าจางอวี้เจียวแบบสาดเสียเทเสีย ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจจนนิ่งอึ้งเป็นเวลานาน
จางอวี้เจียวชี้ไปยังเซี่ยชิงหยวนทั้งที่ตัวสั่นเทา แต่ก็พูดไม่ออก
จนแล้วจนรอด เธอก็ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจ ดูจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก
เพราะท่าทางแบบนี้เอง จึงราวกับมีคนรังแกเธอ
หวังผิงตวาดขึ้นมาก่อนใคร “ชิงหยวน!”
เธอพูดทั้งที่ใบหน้าบูดบึ้งว่า “เธอเป็นพี่สะใภ้รองของแก แกพูดแบบนี้ได้ยังไง! ขอโทษพี่สะใภ้รองของแกซะ!”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเป็นสีแดง “แม่! ทำไมคะ? หนูพูดอะไรผิดเหรอ! ทำไมหนูต้องขอโทษเธอด้วย? ตอนที่เธอแต่งงาน เธอก็เรียกร้องจะเอาของขวัญมากมาย หนูไม่ได้ต่อมหา’ลัย เพราะต้องช่วยหาเงินให้พี่รอง!”
“ต่อมา พอเธอท้องและบอกว่าทำงานไม่ได้ หนูก็เป็นคนทำทุกอย่างเพื่อเธอแม้กระทั่งเอาน้ำล้างเท้าให้เธอทุกคืน! ทั้งคอยดูแลช่วงอยู่ไฟ ซักผ้า เช็ดอึเช็ดเยี่ยว หนูก็ทำเองทั้งหมดไม่ใช่รึไง!”
“ซือถงกับซือเหยียน มีคนไหนที่หนูไม่เคยเลี้ยงบ้าง? แล้วจะให้หนูพูดอะไร? กระทั่งคำ ‘ขอบคุณ’ ผู้หญิงคนนี้เคยพูดสักครั้งไหม? ในครอบครัวนี้น่ะ หนูเป็นผู้มีพระคุณกับยัยนี่ที่สุดแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกร้อนที่ใต้ดวงตา เธอสูดน้ำมูกและกล่าวต่อว่า “หนูไม่ได้ทำทั้งหมดนี่เพื่ออยากได้คำ ‘ขอบคุณ’ จากเธอหรอก ฉะนั้นมันจะไม่เป็นไรเลย หากเธอไม่พูดหรือแสดงพฤติกรรมใด ๆ ก็ตามออกมา”
หญิงสาวมองจางอวี้เจียวด้วยสายตาราวจะแผดเผาอีกฝ่าย “ฉันขอแค่อย่างเดียว ช่วยทำตัวให้มีมนุษยธรรมกว่านี้หน่อย!”
“พ่อแม่ของฉันแก่แล้วและพวกท่านทนกับความเจ้าปัญหาของเธอไม่ได้หรอกนะ! ถ้าเธอไม่ชอบสิ่งของของฉัน ก็คืนมาให้ฉัน! ถ้าเธอไม่ชอบฉัน ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่ทนต่อไปเถอะ!”
ขณะที่พูด เซี่ยชิงหยวนก็คว้านมผงสองกระป๋องคืนมาจากมือของจางอวี้เจียว!
———————–