EP.46 จดหมายสุดท้าย
ในขณะที่แม่กําลังพยายามที่จะกลั้นน้ําตาไว้ วินฟอร์ตก็ปล่อยให้พวกเราอยู่ตามลําพัง ส่วนผมก็นั่งข้างๆเธอและพยายามที่จะปลอบให้เธอหยุดร้องไห้
ผมไม่เคยรู้สึกว่าแม่อ่อนแอขนาดนี้มาก่อน เธอเคยเป็นคนที่เข้มแข็งมาก สามารถทําทุกอย่างได้ด้วยตัวของเธอเอง เธอไม่เคยที่จะขอความช่วยเหลือจากใคร นอกจากทําทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น
หลังจากที่เธอหยุดร้องไห้ได้สักพักผมตัดสินใจที่จะถามเธอ
“บอกผมทีว่าอะไรเกิดขึ้นกับพ่อ?”
“พ่อของเธอได้จากไปแล้ว……..”
“จากไปแล้วหมายความว่ายังไง พ่อเสียชีวิตแล้วหรอครับ?”
ผมคิดไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะเมื่อใครคนนึงติดเชื้อที่รุนแรงขนาดนี้ ส่วนมากก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่ถึง แต่นี่ถือว่าปาฏิหาริย์ที่เขายังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้
แม่ส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า“มันไม่ใช่แบบนั้น พ่อถูกครอบงํา…ครอบงําด้วยโรคเงาระบาด”
ทันทีที่จบประโยคน้ําตาของเธอก็เริ่มไหลอีกครั้ง
สิ่งที่ได้ยินทําให้ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก โรคระบาดจะครอบงํา
แค่คนที่คู่ควรเท่านั้น จะมีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น กับคนที่ติดเชื้อ สิ่งแรกติดเชื้อแล้วจะเป็นบ้าและก็จะเสียชีวิตภายในหนึ่งปี อีกทางนึงบ้าไปกว่านั้นคือโรคเงาระบาดจะค่อยๆแทรกซึมไปในทุกส่วนของร่างกายและครอบงําในที่สุด ผมเดาว่าพ่อจะต้องเป็นแบบนี้แน่นอนซึ่งก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน
“พ่อของลูกได้พยายามที่จะต่อสู้สิ่งที่อยู่ข้างในมาโดยตลอด
จนมาวันนึงเขาควบคุมมันได้แต่ก็ไม่นานนัก ต่อมาพ่อบอกว่า
เขาเองไม่มีแรงที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว ให้แม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่เองก็ยืนยันที่จะคอยอยู่เคียงข้างและช่วยเขาเอง”
“แม่เจ็บตรงไหนบ้างไหมครับ?” ผมถามด้วยความกังวล และสํารวจตามร่างกายว่าเธอมีแผลตรงไหนบ้างไหม
“ไม่เลย แม่พยายามหาทางที่ดีที่สุดเพื่อที่จะช่วยพ่อ แต่เมื่อถึงเวลาขึ้นมาจริงๆ แม่ก็มาคิดได้ว่าไม่มีทางไหน
ที่จะทําให้เขาไม่เจ็บได้เลยไม่มีเลยจริงๆ มีสิ่งนึงที่บาดหัวแม่เหลือเกิน พ่อบอกให้ฆ่าเขาไปนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด
แต่แม่ทํามันไม่ได้…เรย์”
แม่เริ่มร้องไห้อีกครั้งจนผมไม่รู้จะปลอบยังไง ยิ่งผมมองหน้าของเธอมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งโกรธและโมโหยิ่งขึ้น โมโหโรคร้ายที่ครอบงําพ่อไป
โมโหเหล่าพวกมนุษย์ทุกคนที่ดูไม่เดือดร้อนอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือตัวผม
ผมโกรธตัวเองเมื่อสิบหน้าปีก่อน ที่ผมไม่ยอมปลดล็อคพลังมังกรนั่น บางทีผมก็แอบคิดว่าพ่ออาจจะหายดีได้ ถ้าผมมีพลังของมังกร ผมอาจจะใช้มันรักษาเขาได้แน่นอน ความรู้สึกตอนนี้เหมือนใจผมแต่เป็นแต่เป็นชิ้นเล็ก เพราะแม่ผมที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว
ผมพูดคุยกับเธอต่ออีกสักพักก่อนเธอจะกลับ ผมถามแม่ต่อจากนี้แม่จะทําไร แผนของเธอก็คือการทํางานเป็นคนที่คอยให้คําแนะนําใน Adventure ผมรู้สึกโล่งใจเพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้เสี่ยงมากนัก
ก่อนที่แม่จะกลับไปเธอได้ทิ้งกระดาษใบเล็กๆไว้ให้ผมพร้อมกับบอกว่า นี่คือจุดหมายที่พ่อเขียนเอาไว้ก่อนที่จะโรคเงาร้ายครอบงํา นี่เป็นสิ่งที่พ่อตั้งใจจะให้ผมด้วยตัวเอง
หลังจากที่ผ่านการทดสอบเข้า Avrion Academy แต่ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย ทําให้แม่ลืมเอามาให้ผม
ผมเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพื่อที่จะนั่งอ่านจดหมายฉบับนี้“เรย์ลูกรักพ่อรู้ว่าลูกมีพรสวรรค์และจะทํามันได้แน่ๆ เพราะในตัวของลูกมีทั้งเชื้อพ่อและแม่อยู่ในนั้น เพราะยังเด็กลูกต่อสู้มาพอสมควรแต่ตอนนั้นพ่อเองก็คิดว่ายังไงลูกก็จะต้องมีบางอย่างที่พิ
เศษหลังจากที่ลูกกลับมาจากปาพร้อมกับช่วยแกรี่ พ่อกลับเข้าไปในปาอีกครั้ง
และเจอกับซากสัตวร้ายระดับกลาง ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามดูเหมือนว่าลูกจะซ่อนพลังภายในไว้อยู่ แต่นี่คือสิ่งที่พ่ออยากจะบอกอย่าปล่อยให้ใครมาดูถูกเพียงแค่เพราะมีผมสีแดง พ่อรู้ดีว่าลูกจะต้องเป็นที่หนึ่งของ Avrion Academy และพ่อแทบจะรอไม่ไหวที่จะเห็นลูกจบออกมาพร้อมกับอันดับหนึ่งมาฝากพ่อและแม่”ทันทีที่อ่านจบผมรีบโยนจดหมายลงถังขยะและนั่งคิดกับตัวเองว่า“พ่อบ้าไปแล้วรึเปล่า เขาคิดได้ไงว่าผมจะกลายเป็นที่หของที่นี่ได้”
ผมเดินขึ้นไปชั้นดาดฟ้าของตึก ที่นี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดสําหรับผมที่จะปล่อยให้ความคิดออกไป คืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและเสียงของสัตว์เวทมนตร์ก็ดังเข้ามาในหูผม วิวที่อยู่ตรงหน้าจะทําให้ผมใจเย็นลงมากขึ้น และดูเหมือนว่าโลกใบนี้กําลังเพิ่มศัตรูให้ผม
ไอลานและซอเวียพึ่งกลับมาจากคลาสของสายสีขาวและทันใดที่เข้ามาในห้อง พวกเขาเจอทุกคนยกเว้นเรย์
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนทําความสะอาดห้องกันตามหน้าที่และไอลานก็ได้รับหมอบหมายให้ไปทิ้งขยะ เขาสังเกตุเห็นกระดาษใบเล็กๆที่คล้ายจดหมาย มันค่อนข้างที่จะดูแปลกสําหรับที่นี่เพราะพวกเราทุกคนไม่ได้รับอนุญาติให้เอากระดาษ
จากด้านนอกเข้ามา ไอลานพยายามที่จะไม่สนใจแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ่านมัน
หลังจากที่ไอลานอ่านข้อความที่อยู่ข้างในจบและคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆไม่ควรมีใครจะได้อ่านมันอีก ก็มีเสียงบางคนดังขึ้นมา
“พ่อหนุ่มใหญ่ แอบมาอ่านอะไรอยู่! “ แดนพูด
“อืม.. ไม่มีอะไรหลอก”
“พูดล้อเล่นรึเปล่า บอกมาซะดีๆว่านายซ่อนอะไรอยู่หรือนั่นคือจดหมายสารภพรักรึเปล่า?”
ไอลานรีบที่จะซ่อนจดหมายไว้ข้างหลังเขาทันที
ทันใดนั้นมังค์เดินมาข้างหลังไอลานอย่างเงียบๆและแอบหยิบจนหมายไป และตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นข้อความทั้งหมดในจดหมายเป็นที่เรียบร้อย
“จดหมายน่ารักมากเลย ว่าแต่เขาเอาจดหมายนี้มาได้ไง
ในเมื่อโรงเรียนไม่อนุญาติให้เอาจดหมายข้างนอกเข้ามา”
ซอลเวียถาม
แกรี่เดินออกกลับมาที่เตียงพร้อมกับพูดว่า
“มันไม่ได้น่ารักแบบที่พวกนายคิดหลอก พ่อของเรย์ถูกครอบงําด้วยโรคเงาร้าย จดหมายนี้คงเป็นจดหมายก่อนที่พ่อเขาจะติดเชื้อจากโรคนี้ด้วยซ้ํา”
ทุกคนในห้องตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครพูดอะไรต่อสักคํา
ไม่มีใครเคยเจอเรื่องแบบเรย์มาก่อน แต่พวกเขาเคยได้ยินข่าวลือเรื่องโรคระบาดนี้มาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจไปกับเขาด้วย บางคนคิดคิดว่านี่คือเหตุผลที่ทําไมเรย์ถึงไม่ค่อยพูดอะไรมากนักในกลุ่ม และ
ยังชอบเก็บตัวเงียบๆอยู่คนเดียว
มีเพียงแค่แกรี่เท่านั้นที่รู้จักเรย์มานานที่สุด แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ไปภามเรื่องเรย์จากแกรี่ เขาเองก็แทบจะไม่รู้อะไรอยู่ดี
ทุกคนในกลุ่มต่างตกลงกันว่าต่อจากนี้จะพยายามเข้าหาเรย์ให้มากขึ้น และหวังเขาจะยอมเปิดใจให้บ้างในอนาคต
MANGA DISCUSSION