เรื่องของสีสายเข็มขัดที่พวกเราจะได้รับ ยังคงเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนยังคงพูดถึง
ยิ่งผมได้ยินมันบ่อยเท่าไหร่ก็ยังจะทำให้เป็นบ้า เพราะผมไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน
เราได้เดินทางมาถึงสถานที่แห่งนึงที่พื้นที่ส่วนมากเป็นพื้นหญ้าสูง เราตกลงกันที่จะ
หยุดพักที่นี่ในคืนนี้ วิวรอบๆดูเหมือนดูจะเป็นทุ่งข้าวสาลีที่อยู่ใกล้เคียง เวลาผ่านไปสักพัก
ก็ถึงเวลาที่เริ่มจุดไฟในค่ำคืนนี้
การนั่งล้อมวงคุยกันรอบกองไฟเป็นเรื่องปกติที่เราทำกันในทุกค่ำคืน ส่วนหัวข้อเรื่องที่จะพูดคุย
คงจะหนีไม่พ้นเรื่องทั้งสามคนและสีของเข็มขัดที่พวกเขาจะได้รับมัน
เมื่อมีนักเรียนคนนึงถามมาเกี่ยวกับเข็มขัด ทำให้รู้ว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่ไม่รู้ว่านั่นคืออะไร
“เข็มขัดนั่นคืออะไรกันที่พวกนายพูดกันอยู่?”
อัศวินที่อยู่ในกลุ่มนั้นเริ่มอธิบาย
“การแบ่งสีของเข็มขัดนั้นเหมือนการแบ่งระดับที่มอบให้กับอัศวิน อย่างที่ทุกคน
รู้กันดีว่า Squire คือระดับที่ต่ำสุดของอัศวิน แต่ถึงแม้ Squire ก็จะถูกแบ่งออกเป็น
กลุ่มอีกทีเดี๋ยวฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง”
อัศวินดึงเข็มขัดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงของเขาขึ้นมา
“เข็มขัดของฉันคือ Squire สีขาว หมายความว่าเหล่าอัศวินทั้งหลายคอยคุ้มกันอยู่
เพราะพวกเราอยู่จุดสูงสุดของชนชั้น Squire ในทางกลับกันสีแดงคือระดับที่ล่างสุด”
เขาพูดพร้อมกับจ้องมากที่ผม
การที่อัศวินจ้องมองมาที่ผม ทำให้นักเรียนบางคนก็หันมามองที่ผมเหมือนกัน
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาไม่พอใจกับการกระทำของผมในวันนี้ และนี่
ก็พอที่จะอธิบายได้ว่าทำไมหลายคนถึงบอกว่าผมควรที่จะได้รับสายสีแดง…
“แล้วใช้อะไรในการตัดสินอันดับละครับ? “
“เมื่อเราทุกคนเดินทางไปถึง Avrion Academy ก็จะได้รับการประเมินศักยภาพกันทุกคน”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นเหล่านักเรียนทุกคนก็ต่างพากันตื่นเต้นว่าตัวเองจะได้อยู่ในระดับไหน
“อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Squir สีแดง และ Squir สีขาว เป็นอัศวินแล้วยังไม่ใข่อัศวิน
อีกงั้นหรอ?” แกรี่ถามพร้อมความสงสัยที่หลายคนก็คงคิดเหมือนกัน
“อาห์… ใช่ ทั้งสองกลุ่มคืออัศวินเหมือนกันก็จริงแต่การดูแลภายในแตกต่างกันมา
อัศวินขาวจะถูกยกย่องให้อยู่แนวหน้า มีครูฝึกส่วนตัวและรางวัลพิเศษเพิ่ม ในขณะที่อัศวินสีแดง
จะถูกมองว่าไม่มีศักยภาพมากเท่าไหร่ พวกเขาจะให้เรียนแค่พื้นฐานและไม่มีครูฝึกด้วย
และในเวลาว่างพวกเขาจะทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่อยากทำหรือจะเรียกอีกอย่างว่า
โดนทอดทิ้งจาก Academy ก็ว่าได้”
หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าเต้นท์ของตัวเองและเข้านอนกันหลังจากที่เหนื่อย
มาทั้งวัน ผมเองก็ตัดสินใจที่จะพักผ่อนในคืนนี้แทนที่จะออกไปล่าสัตว์เพราะร่างกายผมบอกว่า
ควรที่จะได้พักผ่อนบ้าง
เช้าวันรุ่งขึ้นเรามุ่งหน้าเดินทางต่อและเหลือเวลาอีกสามวันเพียงเท่านั้นที่จะถึงจุดหมาย
ยิ่งเราเข้าใกล้ The kingdom มากเท่าไหร่ มันทำให้การออกไล่ล่าของผมเป็นเรื่องที่ยาก
ขึ้นมาในทันที สัตว์เวทมนตร์ก็น้อยลงเรื่อยๆ หลังจากที่การเดินทางจบลงคะแนนของผม
สะสมได้ทั้งหมด75 คะแนน แม้ว่าจะไม่ถึง 100 คะแนนตามที่ผมต้องการ แต่ผมก็มีความสุข
และผมเองก็รู้ว่าอีกไม่นานจะต้องได้มันมาแน่
ในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึง Avrion Academy นักเรียนทุกคนต่างพากันตกตะลึง
กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เมืองทั้งเมืองถูกล้อมรอบไปด้วยหินที่สูงเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับที่เมือง Renny
และที่ยิ่งไปกว่านั้นขนาดของเมืองก็ยังใหญ่กว่าเป็นสามเท่าอีกด้วย
ใจกลางเมืองของที่นี่มองเห็นออกไปก็เห็นสิ่งปลูกสร้างเหนือกำแพงที่ใหญ่โตจนดูเหมือนพระราชวัง
พระราชวังมีธงสี่เหลี่ยมจัตุรัสห้อยลงมาตรงกลางซึ่งถูกพิมพ์เป็นชื่อ Arvion Academy
พร้อมกับปีสีขาวทั้งสองอันและมีดาบอยู่กึงกลางระหว่างปีนั่น
เราเดินทางมาถึงประตูหน้าทางเข้าจนได้ ซึ่งประตูนั้นทำจากเส้นเหล็กที่หนาเท่าชายสองคน
รวมกัน ต้องใช้ผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงทั้งสี่คนในการเปิดประตู ซึ่งก็ทำได้แค่ยกขึ้นอย่างช้าๆ
ผมคงต้องเป็นมังกรถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ได้ง่ายๆ เพราะทุกอย่างที่นี่เหมาะกับผมเหลือเกิน
ทั้งความยิ่งใหญ่ของสถานที่และทุกสิ่งที่ต้องใช้พลังมหาศาลของผม
แม้ผมจะเป็นมังกรแต่ก็ยังมีความสงสัยว่า ผมสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
ได้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แต่ทำไมเหล่าพวกมนุษย์ถึงยังวางแผนละสร้างสิ่งที่ใหญ่โตขนาดนี้
มาได้ ช่างน่าแปลกใจจริงๆ
เมื่อเราทุกคนได้เข้ามาถึงต่างคนก็รีบลงจากรถม้า เหล่าอัศวินที่ใส่เข็มขัดสีแดงก็รีบเข้ามา
พารถม้าของทุกคนออกไป
วินฟอร์ตได้กล่าวอวยพรให้นักเรียนทุกคนโชคดีกับบททดสอบที่จะมาถึงเพราะตัวเขาเอง
ติดภาระกิจสำคัญ และได้สั่งให้มาสเตอร์เลนซี่พาพวกเราทัวร์รอบๆเมืองเพื่อให้คุ้นชินกับ
สถานที่แห่งนี้มากขึ้น
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างเป็นภาพที่น่าทึ่งแทนที่จะเป็นคบเพลิงหรือไฟส่องสว่างตามถนน
พวกเขาใช้คริสตัลเวทมนตร์แทนเพื่อเพิ่มพลังของเหล่าอัศวิน ไม่มีอาคารใดพังทลายหรือชำรุดแม้แต่น้อย
และยังดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งสร้างมันขึ้นเมื่อวานนี้เอง
แทบไม่อย่าจะเชื่อว่าหมู่บ้านที่ผมโตขึ้นมากับเมืองที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้อยู่บนโลกใบเดียวกัน
“อีกไกลไหมกว่าเราจะเดินทางไปถึง Avrion Academy?” นักเรียนคนนึงถาม
“พวกเราอยู่ในAvrion Academy แล้ว เมืองทั้งเมืองคือ Avrion Academy ทุกคนที่เราเห็นคืออัศวิน
เพราะที่นี่ไม่มีคนธรรมดาอาศัยอยู่เลย “
สิ่งที่เลนซี่พูดดูเหมือนจะจริงเพราะเท่าที่ผมสังเกตุดูตั้งแต่ที่เข้ามาในเมืองนี้ก็ยังไม่เห็นเด็กสักคน
นี่เป็นสิ่งที่บ้ามากถ้าสิ่งที่เลนซี่พูดเป็นความจริงเพราะที่นี่อย่างน้อยก็มี 30,000 ชีวิตที่อาศัยอยู่
ที่ Avrion Academy และทุกคนยังเป็นอัศวินอีกด้วย!
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่เป็นนักเรียนหรอก วันนึงเมื่อจบหลักสูตรแล้วทุกคนจะต้อง
ทำงานที่นี่เป็นเวลาสองปี หลังจากนั้นอยากจะทำอะไรก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อ
รับผลประโยชน์และผลตอบแทนจากการเป็นอัศวิน”
พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆรอบเมืองพร้อมกับเลนซี่ที่คอยบอกว่าตามจุดต่างๆคืออะไร
เช่นโรงเก็บอาวุธและห้องสมุด ผมรีบจดว่าที่ไหนคืออะไรเมื่อมีเวลาว่างผมจะกลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจมากก็คือห้องสมุดบางทีผมอาจจะหาคำตอบอะไรหลายอย่างที่ค้างคาใจ
ได้จากที่นี่เกี่ยวกับอดีตของผมและโรคเงาระบาดได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้เลนซี่พาพวกเราเดินมายังสถานที่ๆดูเงียบสงัด ที่ๆไม่ค่อยมีคนมากนักพร้อมกับ
บรรยกาศที่ดูโหว่งๆแปลกๆ
ถึงพวกเราจะไม่อยากเดินเข้าไปใกล้ๆแค่ไหน แต่ทุกคนก็ต้องเดินตามไปเรื่อยๆ
พร้อมกับมีเสียงซุบซิบที่ดังอยู่ตลอดเวลากับสิ่งตรงหน้าที่พวกเขาเห็น และที่ๆเลนซี่พา
เราเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆนั่นคือ”สุสาน”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเราตอนนี้คือหลุมศพหลายร้อยศพที่นอนเรียงอยู่บนพื้น
เลนซี่เดินมุ่งหน้าต่อไปผ่านสุสานเดินไปจนถึงรูปปั้นทั้งห้าที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
“ฉันพาทุกคนมาที่นี่เพื่อที่จะเตือนว่าในตอนนี้พวกเราอยู่ในสงคราม ความจริงก็คือสงครามไม่ใช่
เป็นสิ่งที่สวยงามเท่าไหร่นัก ผู้คนล้มตาย ห่างไกลและสูญเสียคนที่เรารัก แต่เราก็ยังคงต่อสู้เพื่อ
คนที่เรารักที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน และที่อยู่ตรงหน้าพวกเราคือผู้ก่อตั้ง Avrion Academy พวกเขา
เป็นที่รู้จักกันในนามของอัศวินมังคร….”
“ห๊ะ! อัศวินมังกร? หมายความว่ายังไงครับ?” ผมตะโกนแทรกออกมา
“ระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่ทุกคนก็จะได้รู้ประวัติของผู้ก่อตั้งและสถาบันเอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
รู้ไปตามลำดับเถอะ”
ในระหว่างที่ทุกคนเดินตามเลนซี่ไป ผมอยู่ด้านหลังสุดพร้อมมองไปยังรูปปั้นอีกครั้ง
พยายามมองให้ชัดที่สุด เผื่อมีอะที่ผมจะเข้าใจเพิ่มขึ้นบ้าง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสวมใส่ชุดเกราะและมีอาวุธที่สร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนร่างกางมังกร
และใช้หางมังกรเป็นดาบ
แม้ว่านั่นจะเป็นการสร้างขึ้นเพื่อเป็นรูปปั้นมากกว่ารูปร่างจริงๆของพวกเขา แต่ผมไม่มีทางเชื่อแน่ๆ
ว่ามันจะทำจากชิ้นส่วนมังกรจริงๆ มิหน่ำซ้ำสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังทำให้ผมเดือดอีกครั้ง
เพราะชิ้นส่วนของผมถูกเอามาทำอะไรแบบนี้!!
ยิ่งมองลึกเข้าไปในรูปปั้น แทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะรู้สึกสั่นแบบแปลกๆ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานี้มันเกิดจากการที่ผมก้มลงไปมองสุสานด้านล่างของรูปปั้น
ทันใดนั้นผมตัดสินใจที่จะเปิดใช้ดวงตามังกร สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ผมชอค
ผมขยี้ตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้จินตนาการไปเอง ข้างในของหลุมศพนึง
มีแสงสีแดงและสีเหลืองสะท้อนออกมา นั่นหมายความว่า………..
มีบางสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ในนั้น !!!!!!!
MANGA DISCUSSION