แกรี่เริ่มร้องไห้เมื่อความสุขของเขามีมากเหลือเกิน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นราวกับความฝันของเขาที่จะเป็นอัศวินให้ได้
ถึงวันนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ทำให้ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าแกรี่อายุเพียงห้าขวบเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุของเขาก็ตาม
ผมและแกรี่สบตากันในขณะที่เขากำลังลงจากเวที แกรี่รีบเช็ดน้ำตาพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ผม
ผมไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทางแบบนี้มาก่อนและผมก็ต้องพูดตรงๆว่าผมเองก็ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงเหมือนกัน….
ยังมีการทดสอบอีกสองสามคนก่อนหน้าผมแต่มันก็จบลงด้วยการล้มเหลวอยู่ดี
แกรี่คือคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ที่ผ่านการคัดเลือก
ถึงตาผมแล้วที่จะต้องเดินขึ้นเวที ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าประจำตำแหน่งให้ตรงกับหน้าตุ๊กตา เสียงผู้คน
จากด้านล่างเริ่มพูดคุยกัน
“นั่นเขานิ เด็กที่ถูกคำสาป”
“เธอได้ยินข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเขารึยัง?”
“แล้วเขายังจะคิดว่าตัวเองยังจะเป็นอัศวินได้อีกหรอ?”
ในเวลานี้พวกคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ส่งผมกับผมสักเท่าไหร่ เพราะผมมีเป้าหมายเดียวในหัวตอนนี้
ผมไม่รอช้าที่จะหยิบดาบขึ้นมาและจับมันไว้ในมืออย่างเน้น ผมเองก็พร้อมแล้วละ!
**************
วินฟอร์ดและบาร์นาโดนั่งอยู่ข้างกัน เพื่อพูดคุยกันถึงผู้เข้าแข่งขันของหมู่บ้าน
“ดูเหมือนว่าเราคงจะได้ผู้ผ่านเข้ารอบเพียงคนเดียว” บาร์นาโดพูด
อย่างที่บาร์นาร์โดพูดคำเหล่านั้นดูเหมือนจะดึงดูดความสนใจของวินฟอร์ดไปที่เด็กผู้ชายที่
กำลังจะขึ้นเวที
“เด็กผู้ชายคนนั้นมีผมสีแดง!” วินฟอร์ดตะโกนออกมาพร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้
“อาซ์ ใช่แล้วนี่อาจจะคือคนที่ห้า” บาร์นาโดพูดพร้อมกับเอามือไปแตะที่ไหล่ของวินฟอร์ด
เพื่อทำให้เขาใจเย็นลง
ในส่วนของเดลเบิร์ตกำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินผู้เข้าแข่งขัน เขาไม่ได้สนใจมากนัก
กับหมู่บ้านนี้เพราะมองดูก็มีแต่คนทั่วไปเท่านั้นที่อาศัยอยู่ คงไม่มีอัศวินที่ไหนที่มาจากหมู่บ้านแบบนี้
เมื่อเรย์ปรากฎตัวขึ้นบนเวทีพร้อมกับผมสีแดง สายตาของเขามองไปเห็นวินฟอร์ดจ้องมอง
มาที่เขาอยู่ สิ่งนี้ทำให้เดลเบิร์ตโกรธแค้นมากขึ้น เขาไม่ได้มีความเชื่อเรื่องเด็กในคำทำนายอะไรนั่น
ความเชื่อเดียวที่เขามีก็คือคนที่จะเป็นอัศวินได้จะต้องมาจากที่ๆควรค่าเท่านั้น จะเป็นไปได้ไง
ที่ฮีโร่จะมากจากหมู่บ้านธรรมดาๆแห่งนี้
เรย์ยืนอยู่ในท่าที่มั่นคงพร้อมดาบที่ถืออยู่ในมือของเขา เดลเบิร์ตสามารถเห็นความมั่นใจที่เรย์มี
เมื่อถึงเวลาที่จะเปิดใช้งานตุ๊กตา เดลเบิร์ตเริ่มคิดอะไรๆสนุกขึ้นเขาจึงเดินไปด้านหลังตุ๊กตาพร้อมกับ
กระซิบว่า
“Level 3″
ช่างแตกต่างไปจากผู้แข่งขันคนอื่น ตุ๊กตาเริ่มขยับเข้าไปหาเรย์ ทันใดนั้นตุ๊กตาพุ่งเข้าชน
เรย์อย่างแรงด้วยขาไม้ของเขาอย่างเต็มแรง
วินฟอร์ดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของเขา
“เดลเบิร์ต นายทำแบบนั้นได้ยังไง !”
เดลเบิร์ตคิดว่าถ้าคำทำนายที่ถูกกล่าวไว้เป็นความจริง นั่นหมายความว่าคนๆนี้จะคือคนที่ช่วยกอบกู้โลกของเรา
และนี่ก็คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทดสอบว่าจะเขาจะมีความสามารถมากแค่ไหนกัน
ตุ๊กตายังคงเดินหน้าจู่โจมไปยังเรย์และทำให้ทั้งคู่อยู่ห้างกันแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น ทันใดนั้นเองจู่ๆแท่งไม้ก็กลิ้งอยู่บนพื้น
และนั่นก็ทำให้ตุ๊กตาหยุดนิ่ง
เรย์เหวี่ยงดาบของเขาอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ มีเพียงอัศวินทั้งสามจาก Roland
ที่ได้เห็นความสามารถของเรย์เท่านั้น………..
เมื่อครั้งที่ข่าวว่าพ่อป่วยเข้าถึงหูเรย์นั้น ทำให้การเตรียมตัวสำหรับการเข้าคัดเลือกครั้งนี้จริงจังขึ้นไปอีก
เรย์ตัดสินใจที่จะเข้าไปในป่าเพื่อไล่ล่าสัตว์ป่าเพื่ม เขาได้รับ Crystal เพิ่มขึ้นไปอีก 36 อันเมื่อเปรียบเทียบ
กับเมื่อก่อนที่มีอยู่แค่ 7 อันเท่านั้น เรย์รู้สึกเหมือนว่าเขาควบคุมร่างกายใหม่ทั้งหมดของเขาได้อย่างดี
**********
เมื่อการต่อสู้จบลง เหล่าอัศวินบอกผมและแกรี่ให้ไปบอกลาครอบครัวและเตรียมเก็บของที่จำเป็นต้องใช้ให้พร้อม
ผมรู้ดีว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นเพราะพ่อเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าผ่านการคัดเลือกผมเองที่จะต้องเดินจากทุกคนไป
ผมเดินทางกลับบ้านเพื่อจะเตรียมของต่างๆ บอกตามตรงคือผมไม่ได้สนใจสิ่งของที่พวกมนุษย์มีหรือใช้มากเท่าไหร่
สิ่งของทุกอย่างไม่มีความหมายสำหรับผม ก่อนที่ผมจะบอกลาบ้านนี้ผมเขาไปที่ห้องของพ่อเพื่อพบเขาก่อนที่จะไป
พ่อนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับพูดประโยคเดิมเกี่ยวกับเงาวนไปวนมา
“พ่อครับ ผมผ่านการคัดเลือก ผมรู้ว่าพ่ออาจจะไม่ได้ยินผมแต่ผมจะหาวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นให้ได้”
หลังจากสิ้นสุดประโยคนั้นมันทำให้พ่อหยุดพูดไปสักพัก ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเกิดขึ้นจริงๆ
หรือเป็นผมนั้นที่คิดไปเองแต่ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อ! มันทำให้รู้ว่าพ่อผมยังอยู่ตรงนนี้ยังต่อสู้อยู่กับโรคบ้านี่อยู่
ผมเดินออกมายืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับบอกลากับแม่เป็นครั้งสุดท้าย แม่ยังไม่หยุดร้องไห้ตั้งแต่ที่ได้รับ
ข่าวดีจากผมแต่เธอนั้นก็ยังไม่หยุดที่จะกังวล
“เรย์ แม่อยากให้ลูกพกสิ่งนี้ติดตัวไปด้วยก่อนที่ลูกจะไป “ เธอยื่นจี้กลมสีน้ำเงินมาและวางไว้รอบคอของผม
“มันเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวของเรา หวังว่ามันจะทำให้ลูกโชคดีเหมือนอย่างที่แม่ได้รับ “เธอกล่าว
หลังจากที่ผมได้บอกลาทุกคนเรียบร้อย ผมรีบเดินทางไปขึ้นรถม้าที่ชานเมืองผมรู้สึกมีความสุขที่ผมได้
ไปจากที่หมู่บ้านนี้ซักที ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ผมไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับที่นี่เท่าไหร่นัก ถึงจะมีก็
มีอยู่น้อยมาก ก็มีแค่ครอบครัวผมและเอมมี่ที่ตอนนี้ก็เป็นความทรงจำที่ไม่ดีแล้ว
เมื่อผมเดินทางมาถึงชานเมืองทั้งสามอัศวินนั่งรอผมอยู่บนรถม้า มองเข้าไปยังรถม้าผมเห็น
แกรี่นั่งรออยู่ข้างในเรียบร้อยแล้วผมรีบวิ่งไปที่รถม้าและกระโดดไปที่นั่งถัดจากแกรี่
เมื่อรถม้าเริ่มเดินทางออกไปจาหมู่บ้าน ผมกวาดสายตาไปรอบๆพร้อมกับมองวิวที่คุ้นเคยเป็นครั้งสุดท้าย
เวลาก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วที่ผมเดินออกมาจากหมู่บ้านกับแกนี่ และเราก็ยังไม่ได้คุยกันสักคำ
ความเงียบกำลังฆ่าผม เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ผมตัดสินใจที่จะทำลายความเงียบเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นกับเอมมี่ ทำไมผมไม่เห็นเธออีกเลย? “ ผมถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุด
“เธอเข้าไปอยู่ใน Roland Academy นี่เธอไม่ได้บอกหรอ?”
“โรงเรียนเวทมนตร์ !!!!!!!!! “ ผมร้องตะโกนด้วยความตกใจ
ตลอดเวลาที่เราคุยกันเธอไม่เคยบอกผมเลยว่าเธอมีพลังเวทมนตร์วิเศษ
ในระหว่างที่เราคุยกันรถม้าก็ได้หยุดลงกะทันหัน…………..
MANGA DISCUSSION