กบฏหัวใจ - ตอนที่ 9 เวยเวยคุณไม่มีแฟนจริงๆหรือ?
" เวยเวย ? " ขณะที่ตานอวี๋เวยกําลังเหม่อลอย เสียงผู้ชายที่แสนไพเราะและคุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ
เธอยังไม่ทันได้เงยหน้ามอง ก็ได้ยินเสียงจิ่งซือร้องอุทานออกมา " โอ้พระเจ้า เหอจิ่นเหยียนเหรอ? นายย้ายไปประเทศอังกฤษแล้วไม่ใช่เหรอ? ”
" คุณปู่ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ผมก็เลยกลับมาดูแลท่าน เลยได้มาร่วมงานฉลองวันสถาปนามหาวิทยาลัยด้วย "
ตานอวี๋เวยกําแก้วแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นทักทายผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า " ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ "
เหอจิ่นเหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวเดียว พาดเสื้อสูทไว้ในอ้อมแขนของเขา ทั้งตัวดูสบายๆ มีรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของเขา สายตาเปล่งประกายคู่นั้นจ้องมองตานอวี๋เวย " ใช่ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย "
" เฮ้อ เหอจิ่นเหยียนนายหยามกันมากเลย? " จิ่งซือขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วกลอกตาใส่เขา " นายยังไม่ได้ตอบคําถามฉันเลย พอเห็นดวงตาของเวยเวยก็เกาะติดตัวเธอแล้ว มันควรแล้วเหรอ "
ใบหน้าของตานอวี๋เวยแดงก่ำ และรู้สึกเขินเล็กน้อย
เหอจิ่นเหยียนกับลู่เจ๋อเฉิงเป็นตัวท๊อปของสาขานิติศาสตร์ ตอนนั้นสาวๆพูดถึงพวกเขาสองคนมากที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าเทพบุตรทั้งสองนั้นจะโดนสาวๆสาขาการเงินได้ไปครอง
จิ่งซือตอบรับลู่เจ๋อเฉิง ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างหวานหยาดเยิ้ม แต่ตานอวี๋เวยไม่ได้ตอบรับเหอจิ่นเหยียน
ตอนนั้นในหัวของเธอเต็มไปด้วยลู่เจ๋อเฉิง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคําสารภาพรักของเหอจิ่นเหยียนเลยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหอจิ่นเหยียนดูออกว่าอะไรคืออะไร จึงพูดกับเธอว่า " เธอชอบเขาก็ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้เขาเป็นแฟนของจิ่งซือแล้ว "
ตานอวี๋เวยเม้มริมฝีปากและยิ้ม " ไม่เป็นไรหรอก การจะชอบใครสักคนก็ไม่จําเป็นต้องพูดออกมาเสมอไป "
เหอจิ่นเหยียนไม่ได้พูดอะไรต่อ
ต่อมาเหอจิ่นเหยียนด้วยเหตุผลของทางบ้านจึงต้องไปประเทศอังกฤษ สาวๆหลายคนคิดว่าเหอจิ่นเหยียนโดนตานอวี๋เวยหักอก เป็นเหตุให้ต้องไปต่างประเทศ พากันแอบด่าเธอ แถมยังใช้คําพูดดูถูกเธอในเว็บบอร์ด BBS ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
" จะเป็นไปได้ยังไง! " เหอจิ่นเหยียนยิ้ม " แค่คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันดาวมหาลัยอย่างจิ่งซือจะเปลี่ยนไปสวยขนาดนี้ แค่ไม่ได้สติไปชั่วขณะ อย่าได้โกรธผมเพราะเรื่องนี้เลย! "
คําพูดนี้ทําให้จิ่งซือรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นหน่อย
รอจนเหอจิ่นเหยียนไปนั่งที่ด้านหลัง จิ่งซือก็รีบไปจับมือตานอวี๋เวยแล้วพูดเสียงต่ำว่า " เวยเวย ยังไงซะตอนนี้เธอก็ไม่มีแฟน เหอจิ่นเหยียนก็กลับมาแล้ว เธอจะพิจารณาลองสานสัมพันธ์ต่อกับเขาไหม? "
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตานอวี๋เวยต้องปฏิเสธอย่างแน่นนอน แต่ครั้งนี้มันต่างกัน เธอเหลือบมองไปข้างหลัง ไม่รู้ว่ากําลังมองอะไรอยู่ แล้วพูดว่า " ได้สิ จะลองดู "
" โย่ เริ่มฉลาดขึ้นมาแล้วเหรอ? " เริ่มมองออกถึงความคิดเล็กๆน้อยๆ ของตานอวี๋เวย จิ่งซือแอบหัวเราะ " ในที่สุดก็มองเห็นความยอดเยี่ยมของเหอจิ่นเหยียนแล้วล่ะมั้ง " ผู้ชายแบบนี้ถ้าเธอยังไม่คว้าไว้ครองอีกก็ไปตายซะ! "
ตานอวี๋เวยตอบใช่ แล้วก็ชวนกันหัวเราะ
นอกเหนือจากคนที่อยู่ต่างประเทศจะกลับมาไม่ได้จริงๆแล้ว เด็กสาขาการเงินของตานอวี๋เวยก็มากันหมดแล้ว นั่งกันเต็มทั้งสามโต๊ะ ทุกคนก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า คุยกันอย่างครึกครื้นเหมือนตอนอยู่มหาลัย
เพื่อนร่วมสาขาส่วนใหญ่ก็แต่งงานกันหมดแล้ว น่าแปลกมากที่คนอย่างจิ่งซือกับตานอวี๋เวยที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีแฟน กลายเป็นที่หยอกล้อของผู้คน เพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา
" ไม่ถูกมั้ง เวยเวย ล่าสุดที่ฉันพาลูกชายฉันไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฉันเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง " เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นมองตาสงสัยของตานอวี๋เวย พูดหยอกล้อ " ไม่ใช่ว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่ไม่อยากบอกกับพวกเรา? "
" ว้าว จริงเหรอ? " จิ่งซือวางแก้วลงแล้วหันไปมองตานอวี๋เวย " เวยเวยเธอจะทําแบบนี้ไม่ได้นะ มีแฟนไม่บอกคนอื่นก็ช่างเถอะ แม้แต่เพื่อนรักอย่างฉันก็ไม่บอกหรอกงั้นเหรอ? บอกมาน่ะ บอกมาว่าใครกันแน่? "
" ก็แค่เพื่อนเอง " ตานอวี๋เวยพูดอย่างใจเย็น ยังดีที่เพื่อนคนนี้ไม่เห็นหน้าลู่เจ๋อเฉิง " ตอนนั้นเขามาเที่ยวที่เมืองอวิ้น ฉันพาเขาไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไม่ใช่แฟน "