" ไม่เป็นไรนะ ตัวฉันร้อนฉันสามารถทำให้เธออบอุ่นจนร้อนได้เลยแหละ! "
" ไม่ต้อง "
ทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่บนเตียง โทรศัพท์ข้างเตียงสั่นสะเทือน ตานอวี๋เวยกําลังจะคว้ามือไปหยิบแต่จิ่งซือก็รีบหยิบขึ้นมา " เอ๋ ทําไมถึงเป็นเบอร์แปลกๆ ล่ะ? ”
" น่าจะเป็นเบอร์พวกหลอกลวงใช่ไหม? " ตานอวี๋เวยแย่งโทรศัพท์จากจิ่งซืออย่างรวดเร็ว ดีใจที่ตัวเองเก็บเบอร์ของลู่เจ๋อเฉิงไว้ในใจ แทนที่จะบันทึกไว้ " ไม่เป็นไร ตัดสายทิ้งก็พอแล้ว "
" น่าเบื่อจริงๆ! " จิ่งซือบ่นพึมพํา แล้วไปเป่าผมในห้องนอน
ตานอวี๋เวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพื่อป้องกันไม่ให้จิ่งซือแตะต้องโทรศัพท์ตัวเองอีก เธอจึงบันทึกเบอร์ของลู่เจ๋อเฉิงไว้ในบัญชีดํา แม้แต่วีแชทก็ลบออกไปด้วย
เธอเคยบอกไว้ จะไม่ไปเจอหน้าลู่เจ๋อเฉิงอีก ไม่ทำอีก
เดิมทีจิ่งซือคิดจะพักที่โรงแรมอยู่เที่ยวเล่นกับตานอวี๋เวยต่ออีกสักสองสามวัน แต่พ่อของจิ่งซือ โทรเรียกให้เธอกลับไป เธอได้แต่พูดบอกตานอวี๋เวย ว่าจะกลับไปดูก่อน ไว้ค่อยเจอกันวันงานที่มหาวิทยาลัย
พอจิ่งซือจากไป ในใจของตานอวี๋เวยก็ผ่อนคลายลงมากกว่าครึ่ง
เธอกลัวมาตลอด กลัวว่าจิ่งซือจะมองเห็นอะไรบางอย่างบนใบหน้าตนเอง
เพื่อป้องกันไม่ให้ลู่เจ๋อเฉิงมาหาเธอที่ร้านอีก ตานอวี๋เวยจึงลาหยุดสองสามวัน โดยที่ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น เธอนอนดูซีรี่ย์อยู่คอนโดทุกวัน ดูนาจาเทพจอมอิทธิฤทธิ์ภาคฮ่องกง ดูจนทำตัวเองร้องไห้ไปอีกรอบ
เช้าวันงานสถาปนามหาวิทยาลัย ตานอวี๋เวยมองดูกระเป๋าเดินทางด้วยความลังเล จิ่งซือโทรมา " เวยเวย เธอมาถึงหรือยัง ฉันถึงมหาวิทยาลัยแล้ว "
ตานอวี๋เวยทําอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะ " เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย เพิ่งจะลุกขึ้นเอง รอหน่อย อีกแปบฉันก็ไปถึง "
" เร็วหน่อย เพื่อนเก่าหลายคนมากันหมดแล้ว "
" ได้ "
ถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่อยากไปก็ต้องไป
แน่นอนว่าจะใส่ชุดไม่สวยไปงานฉลองวันสถาปนามหาวิทยาลัยไม่ได้ ตานอวี๋เวยหยิบชุดเดรสทางการที่ไม่อยากใส่ออกมา แต่งตัวเสร็จแล้วออกไปก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่าแล้ว เธอขับรถไปมหาวิทยาลัยอย่างเร่งรีบ
" เวยเวย! "
เมื่อตานอวี๋เวยมาถึง สนามกีฬาเต็มไปด้วยผู้คน จิ่งซือที่เห็นเธอก็ถือชายกระโปรงวิ่งกระโจนเข้ามาหาเธอ และพูดอย่างแปลกใจว่า " เธอมาสายไปแล้วมั้ง? นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้ว! "
ตานอวี๋เวยยิ้มขอโทษ " ขอโทษทีพอดีเมื่อคืนดูซีรี่ย์ดึกไปหน่อย "
จิ่งซือแค่นเสียง แล้วพาตานอวี๋เวยไปนั่งที่สาขาของตัวเอง
แต่ละโต๊ะมีนักเรียนที่มาถึงก่อนแล้วนั่งอยู่โต๊ะละสองสามคน พอเห็นตานอวี๋เวยก็ยิ้มทักทาย ตานอวี๋เวยก็ตอบรับอย่างสุภาพ จากนั้นก็โดนจิ่งซือดึงไปฟังแผนการของเธอในวันนี้
เมื่อรู้ว่าจิ่งซือกําลังจะขึ้นเวทีสารภาพรัก ตานอวี๋เวยก็อึ้งไปครู่หนึ่ง " ไม่ใช่มั้ง เธอคงบ้าไปแล้ว? "
" มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอ? " จิ่งซือเหลือบมองตานอวี๋เวยแวบหนึ่ง " วางใจเถอะ ฉันบอกอธิการบดีไว้แล้ว และเขาก็สนับสนุนฉันด้วย รอจนลู่เจ๋อเฉิงพยักหน้าแล้วฉันจะหยิบแหวนออกมา ฮ่าๆ! "
ตานอวี๋เวยขยับริมฝีปาก กําลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงนักเรียนรอบข้างกําลังโห่ร้องว่าอัจฉริยะด้านกฎหมายมาถึงแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นลู่เจ๋อเฉิงในชุดสูทสีดํากำลังเดินผ่านฝูงชนมาทางนี้ ด้วยความโดดเด่นจึงทำให้ยากที่ผู้คนจะมองข้ามไปได้ บางทีอาจจะสังเกตเห็นสายตาของตานอวี๋เวย ลู่เจ๋อเฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเฉยเมย
หัวใจของตานอวี๋เวยสั่นระริก โดนเขามองจนรู้สึกตื่นตระหนก เลยรีบหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแสร้งทําเป็นดื่มน้ำ จิ่งซือที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างตื่นเต้นว่า " เวยเวย ดูสิ เมื่อกี้อาเฉิงมองฉันอยู่! "
" อืม อืม เยี่ยมไปเลย " ตานอวี๋เวยตอบอย่างตะกุกตะกัก
จิ่งซือทนไม่ไหวแล้วเดินตรงเข้าไปทักทายลู่เจ๋อเฉิง ลู่เจ๋อเฉิงส่งเสียงอืมออกมาอย่างไม่ร้อนรน ก่อนจะเดินผ่านเธอไปยังโต๊ะด้านหลัง แววตาของจิ่งซือมีความผิดหวังเล็กๆ
สายตาที่อยู่ด้านหลังทําให้ตานอวี๋เวยนั่งไม่ติดราวกับเข็มทิ่ม คิดในใจว่าโรงเรียนจัดการได้ไม่ดีจริงๆ ถึงกับให้เด็กนิติศาสตร์นั่งอยู่ด้านหลังสาขาพวกเธอ ทั้งๆที่สาขานิติศาสตร์นั้นมีชื่อเสียงสมควรได้นั่งที่โต๊ะด้านหน้าหรือเปล่า?
MANGA DISCUSSION