กบฏหัวใจ - ตอนที่ 7 ความอิจฉา ความไม่เต็มใจ
เมื่อวานจิ่งซือถามเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ได้ข่าวว่าลู่เจ๋อเฉิงโสดมาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยหาแฟนมาก่อน " เวยเวย เธอรู้ไหม อีกไม่นานก็ถึงงานเฉลิมฉลองวันสถาปนามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเราต้องกลับไปร่วมงานด้วย "
" เธอพูดถูก หลายปีมานี้อาเฉิงเขาไม่ได้มีแฟน เขายังชอบฉันอยู่แน่ ๆ ฉันตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อสารภาพรักกับเขาในงานเฉลิมฉลองของมหาวิทยาลัยต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนทั้งมหาวิทยาลัยไม่ว่าเขาจะปากแข็งแค่ไหนเขาก็จะไม่ปฏิเสธฉัน ”
" ห๊ะ จริงเหรอ? " ตานอวี๋เวยกำมีดและส้อมที่อยู่ในมืออย่างแน่น ยิ้มแล้วพูดว่า " ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะช่วยเธออย่างไรดี เธอคิดออกมาแล้ว ดีมากเลย ฉันสนับสนุนเธอ "
จิ่งซือเม้มปากยิ้ม " มีที่ไหนกันล่ะ ถึงตอนนั้นคงต้องให้เวยเวยช่วยฉันนิดหน่อย ”
ต่อมาตานอวี๋เวยโดนจิ่งซือลากไปที่ร้านขายเครื่องประดับ เธอบอกว่าเธอต้องการซื้อแหวนคู่คู่หนึ่ง รอจนจิ่งซือบอกขนาดนิ้วของผู้ชายให้พนักงานทราบ รอยยิ้มอันแข็งทื่อบนใบหน้าของ
ตานอวี๋เวย ในใจของเธอรู้สึกทั้งเศร้าและอึดอัด
จิ่งซือเลือกแหวนทองคําขาวที่ดูสง่างามคู่หนึ่ง แล้วเอาให้ตานอวี๋เวยดู
" เวยเวย แหวนวงนี้สวยไหม? "
ตานอวี๋เวยพยักหน้า " อืม สวยมาก "
" อิอิ เมื่อก่อนฉันเคยส่งให้อาเฉิงด้วย แต่ตอนที่ฉันออกไปเที่ยวฉันเผลอทํามันหาย ครั้งนี้ฉันซื้ออีกวง ถือว่าชดเชยให้เขาก็แล้วกัน "
จิ่งซือพูดอะไรตานอวี๋เวยก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว เธอรู้สึกเพียงว่าข้างๆหูนั้นมีเสียงหึ่งๆ รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
เธออิจฉามาก และไม่เต็มใจ
แต่จะทํายังไงได้ ในเมื่อจิ่งซือกับลู่เจ๋อเฉิงต่างหากที่เป็นคู่กัน และเธอก็แค่ไม่รู้เห็นอะไรมาก ลู่เจ๋อเฉิงก็ไม่เคยเอ่ยถึงว่าเธอเป็นใครต่อหน้าเพื่อนสนิทคนไหนมาก่อน
ตานอวี๋เวยคิดว่า ความรักเสียไปแล้วก็ให้เสียไป แต่เธอไม่อาจเสียมิตรภาพดีๆไปได้ เธอกับจิ่งซือก็เหมือนกับพี่น้องแท้ๆ ถึงขั้นสามารถแบ่งปันทุกอย่างให้ได้ยกเว้นแฟน และเดิมทีเธอก็เป็นฝ่ายแย่งลู่เจ๋อเฉิงไป
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตานอวี๋เวยก็กุมมือจิ่งซือไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า " ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ฉันจะให้เธอกับลู่เจ๋อเฉิงกลับมาคบกันอีกครั้งให้ได้ เชื่อฉันเถอะ "
" ทําอะไรของเธอ จู่ๆก็มาทำอะไรเลี่ยนๆ! " จิ่งซือดึงมือออกมาแล้วบ่นอย่างยิ้มแย้ม " ฉันจะบอกเธอน่ะ ฉันไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนน่ะ ถึงเธอจะชอบฉัน ฉันก็ได้แค่สมน้ำหน้า รู้มั้ย? ”
ตานอวี๋เวยยิ้มแล้วยิ้มอีก " บางทีสักวันหนึ่งเธออาจจะชอบฉันก็ได้? "
คืนนั้นตานอวี๋เวยพักอยู่ที่โรงแรมกับจิ่งซือ ทั้งสองคนคุยกันอย่างรู้ใจ จิ่งซือเล่าเรื่องสนุกๆ ตอนอยู่เมลเบิร์นให้เธอฟัง แถมยังเปิดรอยแผลเป็นบนท้องให้เธอดู บอกว่ามันเกิดตอนคลอดลูกสาว
" หมอบอกว่ากระดูกเชิงกรานของฉันมีขนาดเล็กเกินไป ช่องทางคลอดแคบเกินไปไม่สามารถคลอดปกติได้ ฉันก็เลยเลือกวิธีผ่าคลอดตามที่หมอแนะนำ ในเวลานั้นฉันคิดว่ามีลูกสาวแล้ว ต่อไปก็จะมีลูกสาวที่น่ารักๆให้อาเฉิงคนหนึ่ง แล้วจะไม่มีลูกอีก ”
" จริงเหรอ? " ตานอวี๋เวยมองรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนท้องของจิ่งซือ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า " แล้วจานมู่ซือโอเคกับเธอมั้ย? เธอกลับมาเขาพูดอะไรหรือเปล่า? ”
" เขาชอบฉัน แต่ฉันบอกเขาอย่างชัดเจนว่าฉันไม่ได้ชอบเขา " จิ่งซือกล่าว นิสัยยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน " ถ้าเขาไม่ยอมหย่าฉันก็ใช้ลูกสาวบีบบังคับเขา สุดท้ายเขาก็ยอมเซ็นใบหย่าให้ฉันโดยดี "
ตานอวี๋เวยไม่ได้พูดอะไร
จู่ๆ เธอก็รู้สึกสงสารคนที่ชื่อจานมู่ซือ แต่งงานกับจิ่งซืออยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ภรรยากลับมีคนที่ชอบอยู่แล้ว พูดอะไรก็เพื่อลูกสาว ความจริงแล้วไม่อยากให้จิ่งซือหย่ากับเขาใช่ไหม ?
" เวยเวย เห็นเธอใส่ชุดนอนแขนยาว ทําไมต้องปิดบังให้แน่นขนาดนั้นด้วย? " ในที่สุดจิ่งซือก็สังเกตเห็นว่าชุดที่ตานอวี๋เวยสวมหนาเกินไป จึงยื่นมือออกไป " พวกเราใช่ว่าจะไม่เคยอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ หุ่นของเธอไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็นมาก่อน "
" ไม่หรอก ฉันขี้หนาวเธอไม่รู้หรอก " ตานอวี๋เวยยิ้มพลางปัดมือจิ่งซือออกอย่างเงียบเชียบ " อากาศหนาวขนาดนี้เธอทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้ ”