ผ่านไปครู่ใหญ่ลู่เจ๋อเฉิงก็ปล่อยมือ มองแก้มทั้งสองข้างของตานอวี๋เวยสีแดงระเรื่อชวนน่าหลงใหล เขาใช้มือลูบตรงริมฝีปากของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย " อย่าขึ้นไปเลยน่ะ ไปกับผมโอเคไหม? "
ตานอวี๋เวยปฏิเสธได้ไหม?
สายตาของผู้ชายคนนี้ ริมฝีปากที่เธอหลงใหล ทั้งน้ำเสียงของเขาช่างเย้ายวนทําให้เธอคลั่งไคล้จนไม่อาจปฏิเสธได้ ใบหน้าสีแดงก่ำพร้อมส่งเสียงอืมออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว
ทั้งสองไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์กว่าแล้ว ใจที่แสนร้อนรนของทั้งคู่ เพิ่งจะถึงคอนโดได้ไม่นานก็รีบประกบปากจูบกันทันที
ลู่เจ๋อเฉิงทำด้วยความอ่อนโยน เล้าโลมได้ดีจนตานอวี๋เวยพยักหน้า เขาจึงค่อยๆดันมันเข้าไป พอเหลือบเห็นเธอขมวดคิ้ว ก็ยิ่งทำอย่างช้าๆ แล้วถามว่า " เจ็บหรือเปล่า "
" ฉันโอเค " ตานอวี๋เวยสั่นระริกไปทั้งตัว ใบหน้าแดงก่ำยิ่งเหมือนโดนบีบคั้น จนพูดออกมาเสียงเบาๆว่า " ก็แค่ แค่มันใหญ่เกินไปหน่อย… " เรื่องนี้น่าอายเกินไป สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
กิจกรรมบนเตียงของทั้งสองมีเยอะมาก แต่ตานอวี๋เวยก็ยังปรับตัวไม่ได้กับขนาดของเขา
ลู่เจ๋อเฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา ทําให้ตานอวี๋เวยคิดว่าเขากําลังหัวเราะเยาะตัวเอง ยิ่งทำให้รู้สึกอายมากขึ้น เธอใช้มือตีเขา " คุณอย่าหัวเราะเลย มีอะไรน่าขําหรือ? ”
" เวยเวย คุณน่ารักจังเลย " เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมาจากลําคอของเขาและก้มหัวลงจูบบนริมฝีปากสีแดงของเธออย่างดูดดื่ม
ครั้งนี้ไม่ได้ทํากันหลายรอบ แต่ทุกรอบก็กินเวลานานพอสมควร ตานอวี๋เวยได้แต่สงสัยว่าผู้ชายคนนี้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างเลยหรือ ต่อมาตอนที่ถูกเขาอุ้มไปอาบน้ำก็ทนไม่ไหวจริงๆ จนเผลอหลับเงียบๆไปในอ่างอาบน้ำ
เมื่อตานอวี๋เวยตื่นขึ้นมา ลู่เจ๋อเฉิงไม่ได้อยู่ข้างกายเธอแล้ว มีแค่เสียงโทรศัพท์ตรงหัวเตียงที่กำลังสั่นสะเทือน
มือของตานอวี๋เวยสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครโทรมา สุดท้ายก็กดปุ่มรับสาย
" จิ่งซือ มีอะไรหรือเปล่า? "
" เธอยังจะถาม ฉันโทรหาเธอตั้งหลายสาย ทําไมเธอไม่รับสายล่ะ? " จิ่งซือบ่นพึมพำอยู่สองประโยค จากนั้นก็ถามตานอวี๋เวยว่า " ถ้าเธอว่างก็ออกมาช้อปปิ้งกับฉันสิ ฉันอยู่โรงแรมเบื่อจะแย่ "
ตอนนี้โปรโมชั่นใหญ่ที่จัดในร้านหมดแล้ว เลยไม่ต้องไปที่ร้านทุกวัน แน่นอนว่าต้องไม่ยุ่ง ตานอวี๋เวยไม่ทันคิดก็ตอบตกลงกับจิ่งซือ พอคุยโทรศัพท์เสร็จก็ลงจากเตียง รู้สึกเมื่อยระหว่างขามากๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเมื่อคืน ตานอวี๋เวยก็หน้าแดงขึ้นมา
แม้ว่าลู่เจ๋อเฉิงบอกว่าจะดูแลเธอ แต่การกระทำก็ไม่ได้หยาบกระด้าง แต่มันก็นานเกินไป ทําให้รู้สึกผิดเล็กน้อย คราวหน้าเธอต้องควบคุมเวลาดีๆ ไม่ให้ชายคนนี้มายุ่งอีก
รอจนตานอวี๋เวยเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากห้องนอน ก็พบว่าลู่เจ๋อเฉิงยังอยู่ในห้อง " ทําไมคุณยังไม่ไปล่ะ "
" คดีในมือผมเพิ่งเริ่มพิจารณคดีในวันศุกร์ ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่ง ตอนเช้าผมจะไปหรือไม่ไปก็ได้ " ลู่เจ๋อเฉิงพูดแล้วเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง " คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? แน่ใจนะว่าจะไม่นอนต่ออีกหน่อย ? ”
ตานอวี๋เวยถลึงตาใส่เขาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ตอแยทั้งคืน ร่างกายของเธอคงจะไม่ปวดเมื่อยอ่อนเพลียขนาดนี้
ตานอวี๋เวยไม่ได้บอกว่าเธอต้องไปชอปปิ้งเป็นเพื่อนจิ่งซือ แค่บอกว่ากลัวในร้านจะมีคนไม่พอ กินมื้อเช้าเสร็จก็ออกไป
ตอนที่เธอออกไป ลู่เจ๋อเฉิงก็หยิบรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อใหม่นั้นออกมา แล้วย่อตัวลงสวมรองเท้าให้เธอ ท่าทางละเอียดอ่อนของเขาทําให้ตานอวี๋เวยรู้สึกอบอุ่นจนรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อไปโรงแรมเพื่อรับจิ่งซือ ตานอวี๋เวยจงใจอ้อมไปที่ร้านเพื่อเปลี่ยนรองเท้า
พนักงานในร้านถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น " ผู้จัดการค่ะ รองเท้าคู่นี้สวยดี ทําไมถึงเปลี่ยนล่ะ? "
" รองเท้าคู่นี้โดนน้ำไม่ได้ พยากรณ์อากาศวันนี้บอกว่าฝนจะตก " ตานอวี๋เวยตอบด้วยรอยยิ้ม
จิ่งซือเคยเห็นรองเท้าคู่นี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าใส่
จิ่งซือเป็นนักช้อปตัวยง ที่รู้กันว่าแค่เห็นเสื้อผ้าและรองเท้าก็จะซื้อมา พอตานอวี๋เวยแนะนําให้ซื้อน้อยๆหน่อย เธอก็พูดว่า " งั้นเธอจะให้ฉันเก็บเงินให้นอนเฉยๆในธนาคารอยู่แบบนั้นหรือ "
ตานอวี๋เวย " …… "
หลังจากเดินช้อปปิ้งไปได้ครึ่งเมือง ในที่สุดจิ่งซือก็เริ่มเหนื่อย จึงหาที่กินข้าวกัน
MANGA DISCUSSION