กบฏหัวใจ - ตอนที่ 11 งั้นเราไม่ลองคบกันดูล่ะ?
หลังจากที่ตานอวี๋เวยพูดคุยกับทุกคนแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปด้านหลังเวทีเพื่อเตรียมการ กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นต่างส่งเสียงโห่ร้อง ถ้าไม่ใช่เพราะทนายลู่อยู่ที่นี่ พวกเขาจะได้เห็นการแสดงของดาวมหาลัยจิ่งชือได้อย่างไร
ตานอวี๋เวยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ความรู้สึกขบเคี้ยวเขี้ยวฟันนั้นอัดแน่นอยู่ในปากของเธอ
วันเกิดของลู่เจ๋อเฉิงเป็นวันเดียวกับวันคริสต์มาส ดังนั้นสมัยที่เรียนอยู่ ทุกๆวันคริสต์มาสจิ่งชือจะจัดงานเลี้ยงภายใต้หน้ากากให้เพื่อนนักเรียนทุกคนได้กระชับมิตรกันมากยิ่งขึ้นและได้เฉลิมฉลองงานวันเกิดของลู่เจ๋อเฉิงอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้นในแววตาของลู่เจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและสนุกสนานไปพร้อมกับจิ่งชือ พวกเขาทั้งสองมอบจุมพิตให้แก่กันท่ามกลางการเกลี้ยกล่อมจากเพื่อนร่วมชั้น กระทั่งใครคนใดคนหนึ่งหมดลมพวกเขาจึงแยกจากกัน ตานอวี๋เวยมองพวกเขาทั้งสองท่ามกลางฝูงชนด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดใจ
แม้ว่าเธอจะอยู่กับผู้ชายคนนี้เป็นเวลาสามปี แต่เธอก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนดั่งเช่นในตอนนั้น หลายครั้งในแววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความห่างเหิน แม้จะมีความใกล้ชิดและเสน่หา แต่เขาก็ยังคงรับรู้ถึงความผิดชอบชั่วดี
ในขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงภวังค์ ตานอวี๋เวยก็ได้ยินเสียงโห่ร้องและเสียงผิวปากของเพื่อนร่วมชั้น
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นจิ่งชือยืนอยู่บนเวทีภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ เธอสวมใส่กระโปรงคล้ายเปลวเพลิง ริมฝีปากของเธอคาบดอกกุหลาบแดงเอาไว้ เธอเต้นแท็ปภายใต้เสียงปรบมือของทุกคน ท่วงท่ากระฉับกระเฉงและน่าหลงใหล ไม่รู้ว่าหัวใจของชายหนุ่มถูกเธอคว้าไว้มากมายเท่าไหร่
ตานอวี๋เวยคิดว่าจิ่งชือที่งดงามและกล้าหาญเช่นนี้ถึงจะเหมาะสมกับลู่เจ๋อเฉิงและจะได้รับความชมชอบจากเขาใช่ไหม?
"เวยเวย?" เหมือนจะเห็นว่าสีหน้าของตานอวี๋เวยซีดลงเล็กน้อย เหอจิ่นเหยียนจึงถามเบาๆว่า "ไม่เป็นไรใช่ไหม ให้ผมพาไปห้องพยาบาลไหม?"
ตานอวี๋เวยส่ายหน้า ทันใดนั้นเธอถามเหอจิ่นเหยียนว่า "เหอจิ่นเหยียน เธอยังชอบฉันหรือเปล่า?"
เหอจิ่นเหยียนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มและพยักหน้า
"ชอบ ชอบมาตลอด แต่กลัวว่าหากว่าคุณหาแฟนแล้ว คุณก็ลืมผมไปแล้ว"
"งั้นเหรอ? งั้นเราลองคบกันไหม?" ตานอวี๋เวยกล่าว เธอใช้มือข้างหนึ่งคล้องคอเขาและดึงเขาลงมา ริมฝีปากสีแดงที่สั่นเทาของเธอทาบลงบนริมฝีปากของเขา เธอหลับตาลง ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังสั่นไหว
ฝั่งตรงข้าม ลู่เจ๋อเฉิงจับแก้วในมือของเขาไว้แน่น หากว่าเขาใช้แรงที่มากกว่านี้อีกหน่อยแก้วในมือเขาคงแตกละเอียด สายตาที่ลึกล้ำนั้นจ้องมองไปทางตานอวี๋เวยและไม่รู้ว่ากำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่
ขณะเดียวกัน การเต้นแท็ปของจิ่งชือบนเวทีก็ได้จบลง การเต้นแท็ปสุดร้อนแรงนั้นก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชม
จิ่งชือจับไมโครโฟนไว้แน่น เธอทอดสายตามาทางด้านนี้ เธอถอนหายใจสองสามครั้งจากนั้นเธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า "จริงๆแล้ว วันนี้ฉันเห็นแก่ตัวนิดหน่อย ฉันอยากจะสารภาพรักกับคนที่ฉันชอบ"
เธอชี้มือไปทางลู่เจ๋อเฉิงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง "ลู่เจ๋อเฉิง ฉันชอบคุณ ฉันรักคุณ! พวกเราเริ่มต้นกันใหม่จะได้ไหม ฉันอยากเป็นแฟนของคุณ อยากใช้ชีวิตไปกับคุณ!"
"ว้าว คำสารภาพที่แสนจะร้อนแรง! คบเลย คบเลย!"
ทุกคนส่งเสียงโห่ร้องและเชียร์พร้อมกับมองมาทางด้านนี้ พวกเขาปรบมือและส่งเสียงเชียร์ รอคำตอบจากนักแสดงหลัก
จิ่งชือเองก็รออยู่เช่นกัน เธอรอคำตอบอย่างว้าวุ่นใจ
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทุกคน ลู่เจ๋อเฉิงค่อยๆลุกขึ้นและเผชิญหน้ากับจิ่งชือ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย เสียงไม่ดังนักแต่กลับกลบเสียงปรบมือของฝูงชน "เอาสิ"
จิ่งชือตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นเธอร้องลั่นด้วยความดีใจ เธอปล่อยไมโครโฟนและวิ่งลงจากเวทีจากนั้นเธอถลาเข้าสู่อ้อมกอดของลู่เจ๋อเฉิงดั่งสายลม เธอเขย่งปลายเท้าและมอบจุมพิตให้แก่เขา เสียงโห่ร้องรอบข้างดังขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ตานอวี๋เวยถอนสายตาและไม่ได้มองภาพฉากเหล่านั้น เธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ยังหลงเหลือพูดกับเหอจิ่นเหยียนว่า "ฉัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย คุณช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหม ได้หรือเปล่า?"
"ได้สิ" เหอจิ่นโอบเธอไว้และพาเธอออกจากงาน
เมื่อเห็นว่าออกมาจากสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่านแล้ว ตานอวี๋เวยก็ขอให้เขาปล่อยเธอลง
ในเวลานี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง อากาศก็เย็นลงเล็กน้อย ผู้คนต่างก็กำลังสนุกสนานไปบริเวณสนามหญ้า บนถนนของมหาวิทยาลัยที่หนาวเย็นนี้ มีเพียงแค่ตานอวี๋เวยและเหอจิ่นเหยียนเท่านั้น
หลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เหอจิ่นเหยียนก็เริ่มพูดและทำลายความเงียบ "เวยเวย ที่คุณพูดเมื่อครู่ คุณจริงจังใช่ไหม?"