ในฐานะเพื่อนฉันจะมอบการหลุดพ้นแก่เธอเอง - ตอนที่ 5 ห้องรักษา
ขณะที่ฉันมองไปยังร่างของเธอที่กำลังคุกเข่า
เสียงขอโทษที่สิ้นหวังที่เธอพูดออกมา
ฉันก้มลงเข้าไปกอดฮันซอยอนแน่น
“……”
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป
ฉันแค่รู้สึกว่าในตอนนี้ฉันควรกอดเธอแน่นๆ
“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
เธอพูดย้ำออกมาพร้อมกับเกาะที่แผ่นหลังของฉัน
ฉันหันสายตาไปที่ซาอึนพร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณ
ตอนนี้ฉันต้องทำให้ฮันซอยอนสงบก่อน
จากนั้นฉันจะถามถึงทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอผู้สดใสและร่าเริงยิ่งกว่าใคร
ทำไมถึงได้ตกต่ำถึงขนาดนี้ในช่วงที่เขาห่างออกไป
ทั้งทั้งที่ระยะเวลาที่เขาห่างจากเธอไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ
ฉันจับใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเช็ดน้ำตาของเธอ
“อย่าขอโทษ…”
ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้สั่นเครือ
ไม่เหลือเค้าโครงเดิมของฮันซอยอนที่ฉันรู้จัก
มันเป็นความผิดของฉันเอง
หากฉันใส่ใจและยืนกรานที่จะอยู่ข้างๆ เธอ
มันคงไม่เป็นแบบนี้
หากฉันไม่ใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นหลัก
พวกเราคงสนิทสนมและอยู่ด้วยกันเหมือนเช่นเคย
ฉันที่พูดไม่เก่ง
ฉันที่ใช้ชีวิตไปวันๆ
ฉันที่ไม่รู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่แค่ไหน
ทุกอย่างของฉันมันมีสีสันเมื่อเธอยื่นมือเข้ามา
หากไม่ใช่เพราะเธอ
ฉันคงไม่รู้ว่าโลกนี้นั้นน่าอยู่แค่ไหน
ฉันคงไม่รู้ว่าคนคนหนึ่งจะมีคุณค่าต่อฉันได้ขนาดไหน
ฉันคงไม่รู้ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นมีความสุขมากแค่ไหน
ดังนั้นได้โปรด… อย่าให้เธอต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆ แบบนี้อีกเลย
แป๊ะ~ แป๊ะ~ แป๊ะ~
“ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะแสนซึ้ง”
เสียงจากด้านหลังของฉันดังขึ้นมา
ฉันรีบหันขวับกลับไปและเห็นคนคนหนึ่ง
เขาสวมชุดราวกับคุณหมอ ยืนตบมือด้วยรอยยิ้ม
“นายเป็นใคร?”
ฉันพูดออกไปพร้อมกับซ่อนฮันซอยอนไว้ด้านหลังของฉัน
ซาอึนที่รู้ตัวว่ามีคนอยู่ด้านหลังของเธอ
เธอก็ถอยร่นมาอยู่ตรงหน้าฉัน
ฉันไม่ได้ยินเสียงของหมอคนนั้นเลยสักนิด
เขามาอยู่ตรงนี้ตอนไหนกันแน่?
ซาอึนเองก็คงคิดแบบเดียวกับฉัน
เมื่อมือของเธอล้วงเข้าไปข้างในกระเป๋ากระโปรงและหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมา
‘ไม้กางเขน’
มันเป็นอาวุธประจำตัวของเธอ
ถึงแม้ในตอนนี้มันจะเป็นไม้กางเขนขนาดเล็กแต่หากนางใช้พลังเฉพาะตัวของเธอ
มันจะขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุด
“แหม่~ หมอคนนี้ก็ต้องมาดูอาการของคนไข้ที่อยู่ในการรักษาสิครับ”
ชายคนนั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มและเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ
ฉันพยักหน้าให้กับซาอึน
ซาอึนเห็นฉันพยักหน้า
เธอปลดปล่อยพลังของตัวเธอ
ไม้กางเขนที่แต่เดิมเล็กเท่ากำมือ
ตอนนี้ขยายใหญ่เทียบเท่ากับตัวเธอ
ไม้กางเขนปลดปล่อยพลังงานของมันออกมา
สายฟ้าที่ลั่นไปรอบๆ ส่งเสียงดัง
ฉันเองก็ไม่รอช้า หยิบอาวุธประจำตัวของฉันออกมา
มันคือ ‘มีดสั้น’ ที่ฉันพกไว้ข้างเอวอยู่เสมอ
“ไม่ไว้ใจกันเลยสินะครับ แต่ช่างเถอะ…”
ชายคนนั้นถอนหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน
“มานี่สิ คุณฮันซอยอน”
เขาเรียกฮันซอยอนที่อยู่ด้านหลังของฉัน
ทันทีที่ถูกเรียกฮันซอยอนก็โผล่ออกมาจากหลังของฉัน
“…!!”
สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ
ฮันซอยอนที่วิ่งตรงดิ่งไปหาชายคนนั้น
“ได้โปรดให้ยากับฉันด้วยเถอะค่ะ!”
“ไม่ว่าอะไรฉันก็ทำทั้งนั้น!”
“ฉันไม่อยากรู้สึกอะไรอีกแล้ว”
“ฉันไม่อยากรู้สึกแย่ๆ แบบนี้อีก ขอร้อง!”
ฮันซอยอนเกาะแขนของชายคนนั้นพร้อมกับร้องไห้ออกมา
เธอร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
ฉันมองไปที่ฮันซอยอนที่กำลังกรีดร้องขอยารักษา
‘ยารักษา’
บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ก็ได้
คิดได้แบบนั้น ฉันก็กระชับมีดในมือแน่น
ฉันกัดฟันพร้อมที่จะพุ่งกระโจนเข้าไป
ทว่าฉันกลับพุ่งเข้าไปไม่ได้
ไม่อย่างงั้นฮันซอยอนจะโดนลูกหลงเอาได้
“ฮันซอยอน ถอยออกมา”
ฉันพยายามเรียกสติของเธอ
ทว่าสิ่งที่เธอทำให้ฉันตกใจขึ้นไปอีก
เธอถอดชุดของเธอต่อหน้า
“ไม่ว่าจะอะไรฉันก็ให้ได้ทั้งหมดเพราะงั้นขอยารักษาเถอะนะคะ!”
“จะเซ็กส์จะอะไรก็ได้ ขอร้อง…”
เธอพูดออกมาในสภาพกึ่งเปลือย
ในตอนนั้นเองสติในหัวของฉันก็หลุดไป
“แก! ทำ! อะ! ไร! กับ! เธอ!”
ฉันใช้มีดในมือโจมตีไปที่ชายคนนั้น
ทว่าก่อนที่มีดของฉันจะไปถึงหน้าของมัน
มือของฉันก็ถูกหยุดไว้กลางอากาศ
มันเป็นของเหลวสีดำที่หยุดมือของฉันไว้
“แหม่~ ที่มันเป็นแบบนี้เพราะว่าฮันซอยอนสมัครใจเองนะครับ”
“ทั้งที่ผมเตือนเธอไปแล้วแท้ๆ”
ชายคนนั้นไม่แม้แต่จะสนใจหันมามองฉันด้วยซ้ำ
เขาใช้มือลูบไล้ที่หน้าท้องเปลือยเปล่าของฮันซอยอน
“ว่าแต่คุณฮันซอยอนจะยอมทำทุกอย่างจริงๆ งั้นหรอ? รู้หรือเปล่าคำพูดที่คุณพูดมานั้นมีความหมายขนาดไหน”
“จะทำบ้าอะไรวะ!”
ฉันพยายามโจมตีไปที่ชายคนนั้นแต่ทุกๆ การโจมตีของฉันก็ถูกของเหลวสีดำหยุดเอาไว้ตลอด
ฉันหันไปทางซาอึนที่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดี
ซาอึนที่เห็นสายตาของฉัน
เธอตั้งสติก่อนที่จะพยักหน้าเล็กน้อยให้ฉัน
จากนั้นเธอก็ยกไม้กางเขนของเธอขึ้นและกระแทกมันลงกับพื้น
ที่ปลายไม้กางเขนส่วนบนเปิดออก
สิ่งที่ดูเหมือนหอกถูกบรรจุไว้ข้างในไม้กางเขนสิบสองอัน
เธอหยิบมันและเขวี้ยงไปสุดแรง
หอกสีทองอร่ามที่ถูกเขวี้ยงนั้นเต็มไปด้วยพลังงานสีทอง
มันคือ พลังงานที่เกิดจากความศรัทธา
‘พลังงานศักดิ์สิทธิ์’
พลังงานศักดิ์สิทธิ์นั้นมีประสิทธิภาพที่รุนแรงกว่าพลังงานทั่วๆ ไป
แม้แต่พลังของฉันเองก็เทียบไม่ติดทว่าการได้มันมานั้นยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
หอกสีทองอร่ามพุ่งเข้าหาชายคนนั้น
เหมือนเช่นเคย
ของเหลวสีดำนั่นโผล่ขึ้นมาพยายามป้องกันหอกสีทองอร่าม
ทว่าพลังงานที่หอกนั่นปล่อยออกมานั้นรุนแรงมากเกินไปที่มันจะต้านทานไว้ได้
ของเหลวสีดำแหลกสลายเป็นชิ้นดีพุ่งเข้าหาร่างของชายคนนั้นอย่างจัง
ฉันรีบวิ่งไปดึงร่างของฮันซอยอนออกมาในช่วงวินาทีนั้นเอง
ทำให้เธอไม่โดนลูกหลงไปด้วย
ฉันมองฮันซอยอนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพจิตใจที่แตกสลาย
เธอทั้งร้องไห้ ทั้งสิ้นหวังและมองไปยังชายคนนั้นไม่หยุด
ในใจของฉันบีบรัดแน่นเมื่อเห็นว่าเธอมองไปที่ชายคนนั้นไม่วางตา
อารมณ์ที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาปะทุขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้ว
เป็นเพราะมัน
ฮันซอยอนถึงได้กลายเป็นแบบนี้
“หลับไปก่อนนะ ฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นปกติเอง”
ฉันกระซิบข้างหูของเธอก่อนที่จะใช้สันมือทุบเข้าที่หลังคอของฮันซอยอน
ฉันวางร่างของเธออย่างแผ่วเบาก่อนที่จะหันไปทางที่ชายคนนั้นปลิวออกไป
ชายคนนั้นลุกขึ้นมาในสภาพที่ร่างกายครึ่งร่างเต็มไปด้วยของเหลวสีดำ
“น่าเสียดาย.. น่าเสียดาย..”
เขาพูดออกมาในท่าทางสบายๆ
ฉันไม่คิดเลยว่าเขาที่โดนการโจมตีรุนแรงขนาดนั้นไปแล้ว
ยังทำตัวสบายๆ ได้อีก
สีหน้าของฉันตึงเครียด
ซาอึนที่เห็นเช่นนั้นเองก็ตึงเครียดเช่นกัน
เธอเดินมาข้างๆ ฉัน
“พวกเราต้องสู้กับหมอนั่นจริงๆ หรอ?”
เธอถามฉันออกมา
“ใช่…”
มันเป็นหนทางเดียวที่ฉันจะบรรเทาความรู้สึกในใจของฉันได้ในตอนนี้
“เข้าใจแล้ว”
ซาอึนพยักหน้าก่อนที่เธอจะหยิบหอกอีกหนึ่งอันมาจากไม้กางเขน
สีหน้าของเธอตึงเครียดยิ่งกว่าเก่าเมื่อเธอเห็นว่าชายคนนั้นร่างกายไม่มีบาดแผลเลยสักนิดเดียว
นั่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่า
พวกเธอทั้งสองคนไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้
“ฉันจะเรียกพวกครูฝึกมา”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันก้าวเดินนำหน้าซาอึนก่อนที่จะพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง
มีดของฉันเรืองแสงสีฟ้าคราม
มันคือพลังพิเศษของฉัน
พลังที่จะทำให้อาวุธทุกอย่างที่อยู่ในขอบเขตของความสามารถถูกเสริมประสิทธิภาพจนถึงขีดสุด
มีดของฉันจะแหลมคมและตัดได้ทุกสิ่ง นี่คือพลังพิเศษของฉัน
ถึงแม้จะมีผลข้างเคียงที่ฉันจะใช้มันไม่ได้เลยไปอีกหนึ่งเดือน
แต่ตอนนี้ฉันต้องใช้ทุกอย่างที่ฉันมีเพื่อโค่นชายคนนั้นให้ได้และทำให้มันคลายทุกอย่างออกมา
ทำไมมันถึงได้เล็งเป้ามาที่ฮันซอยอนและมีเป้าหมายอะไรกันแน่
ฉันจะต้องทำให้มันได้ชดใช้
ไม่สิ… มันต้องตายเท่านั้น!
ทว่ายังไม่ทันที่ฉันจะถึงตัวมัน
มันก็ถอยร่นออกไป
“ช่างน่าเสียดายแต่ดูเหมือนผมจะหมดเวลาแล้ว”
มันพูดออกมาแค่นั้นก่อนที่ร่างของมันจะกลายเป็นของเหลวสีดำ
ราวกับถูกหลอมละลาย
ฉันกำมีดในมือของฉันแน่น
‘มันหนีไปแล้ว’
ฉันได้แต่กัดฟันและเก็บอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นในใจ
ฉันลืมตาตื่น
ฉันก็เห็นเพดานฝ้าสีขาวที่ไม่คุ้นเคย
ฉันรีบลุกขึ้นมา
หัวของฉันปวดราวกับว่ามันจะระเบิดออก
ฉันรีบมองไปรอบๆ ทั้งที่หัวของฉันยังคงปวดอยู่แบบนั้น
ฉันจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย
ฉันจำได้แค่ว่าตัวเองพยายามฉีดยารักษาที่เหลืออยู่อย่างสิ้นหวัง
ทว่าอาการทั้งหมดกลับไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
เดี๋ยวนะ… พอฉันคิดได้แบบนั้น
ทำไมตอนนี้ฉันถึงไม่รู้สึกถึงอาการขาดยาอย่างที่ฉันเป็น
ฉันตกใจและมองไปรอบๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก
เผยร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีขาวเดินเข้ามา
“ตื่นแล้วหรอ?”
เธอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและเดินมาหาฉัน
“ที่นี่ที่ไหน?”
ฉันถามออกมาพร้อมกับพยายามถอยสร้างระยะห่าง
ฉันถึงพึ่งสังเกตุได้ว่าฉันอยู่บนเตียงสีขาวของคนป่วย
“ห้องรักษาของกิลด์แสงตะวัน”
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเดินเข้ามาจับแขนของฉัน
เธอวัดชีพจรด้วยนิ้วมือของเธอ
“ชีพจรปกติ, แรงดันปกติ, อุณหภูมิสูงกว่าปกติ”
เธอตรวจเช็คร่างกายของฉันอย่างละเอียด
ก่อนที่สายตาของเธอจะมาหยุดที่แขนของฉัน
แขนของฉันเปลือยเปล่าไม่มีผ้าพันแผล
แสดงรอยแผลเป็นนับสิบที่ฉันมี
ฉันรู้สึกอายเลยขยับแขนซ่อนไว้ด้านหลัง
ว่าแต่… เธอพูดว่าที่นี่คือกิลด์แสงตะวันงั้นหรอ?
ฉันตกใจพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า
มันเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ฉันสลบไป
ทำไมฉันถึงมาอยู่ในห้องรักษาของกิลด์แสงตะวัน
ความทรงจำของฉันมันขาดหายไปหมด
ฉันไม่รู้อะไรเลยสักนิด
ในตอนนั้นเองประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
คิมจีฮุนที่กำลังเดินเข้ามา
ในตอนนั้นเอง
น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาโดยที่ฉันไม่รู้แม้แต่สาเหตุ