แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 386 ทุกอย่างมีข้าคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ
ระหว่างทางกลับ ครูเวินมีเรื่องหนักอกหนักใจอย่างมากนางจึงเอ่ยขึ้น “แม่นมมีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตออกไปทำมาหากินข้างนอก ที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงคือครอบครัวลูกชายคนเล็ก เอ้อมู่เป็นคนซื่อ ๆ แต่หวังชื่อคนนั้น เจ้าเองก็เห็นแล้วว่านางร้ายกาจนัก ทำให้ข้าไม่วางใจ เดิมทีข้าอยากรับแม่นมมาดูแลอยู่ข้างกาย แต่แม่นมกลับบอกว่านางเก็บออมเงินจำนวนหนึ่งไว้ซึ่งหวังชื่อไม่กล้าไม่เคารพการตัดสินใจของนาง แต่… ท่าทางของหวังชื่อในวันนี้ ข้าวางใจไม่ได้เลยจริง ๆ”
ทุกครอบครัวต่างมีจุดยากลำบากกันทั้งนั้น เจียงป่าวชิงไม่สามารถปลอบใจอะไรได้ ทำได้เพียงพูดขึ้นอย่างนุ่มนวล “ข้าดูจากท่าทางของฉินโผที่มีต่อหวังชื่อในตอนที่นางฟื้นก็คิดว่านางคงเป็นคนที่รู้อยู่แก่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายคนเล็กกับหลานชายคนเล็กของแม่นมของครูดูไม่เหมือนคนปลิ้นปล้อนอะไร ครูไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปหรอกเจ้าค่ะ”
ครูเวินพยักหน้า สีหน้าของนางดีขึ้นเล็กน้อยแต่นางยังคงรู้สึกผิดต่อเจียงป่าวชิงอย่างมาก “แม่นางเจียง ครั้งนี้ข้ารบกวนเจ้ามากเลย เรื่องค่ารักษา ข้าจะจ่ายอย่างแน่นอน”
ครูเวินเป็นคนที่รู้จักความสำคัญในเหตุการณ์ การที่เจียงป่าวชิงรักษาอาการป่วยเรื้อรังให้นางเมื่อครั้งที่แล้ว นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากและต้องการจ่ายค่าตรวจดูอาการ แต่เจียงป่าวชิงกลับปฏิเสธ
สุดท้าย ครูเวินไม่อยากให้เจียงป่าวชิงเสียเปรียบจึงมอบภาพวาดที่เก็บรักษาอยู่ในบ้านมาเป็นเวลานานให้กับเจียงป่าวชิง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ครูเวินรู้ว่าที่เด็กสาวผู้ซึ่งสงบเงียบและสุภาพอ่อนโยนอย่างแม่นางเจียงโผล่หน้าไปตรวจดูอาการที่บ้านของคนแปลกหน้าซึ่งไม่ใช่ญาติ ก็เพราะอีกฝ่ายเห็นแก่ที่นางสอนหนังสือให้เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ นางไม่สามารถเอาเปรียบเจียงป่าวชิงได้อย่างสบายใจ
ท่าทางของครูเวินที่ต้องการจ่ายค่ารักษาให้เจียงป่าวชิงนั้นแน่วแน่มาก
เจียงป่าวชิงเองก็รู้ว่าครอบครัวของครูเวินไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไร ครั้งนี้กลับต้องการรับผิดชอบเรื่องค่ายาของฉินโผ และดูเหมือนว่าตอนนี้นางคงไม่ได้มีกินมีใช้อะไรด้วย เจียงป่าวชิงจึงส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแน่วแน่ไม่แพ้กัน “ครูไม่ต้องหรอกนะเจ้าคะ ข้าแค่ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ได้เสียเงินหรือลงเงินอะไรเลย ครูอย่าได้เป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”
แต่ครูเวินยังคงมุ่งมั่นมาก “สิ่งที่แพงที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณคือฝีมือ แม้ข้าจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับทักษะเข็มเงินของแม่นางเจียง แต่ข้ารู้ว่ามันไม่ธรรมดาและข้าต้องจ่ายค่ารักษา…” ครูเวินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ถ้าหากว่าแม่นางเจียงรู้สึกเกรงใจที่จะเก็บค่ารักษาข้า ถ้าอย่างนั้นเอาเช่นนี้เป็นไง ปีหน้าข้าจะไม่รับค่าจ้างสำหรับสอนอาฉิงกับชุนหยู่ ถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องค่ายายังไงล่ะ”
ท่าทางของครูเวินแน่วแน่มาก ราวกับถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงไม่ตอบตกลง นางก็จะไม่ยอมให้อย่างไรอย่างนั้น เจียงป่าวชิงรู้ว่าบุคคลมีความรู้อย่างครูเวินมักยืนกรานเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว นางจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไรอีกและตอบรับครูเวินไปในที่สุด
ท่าทางของครูเวินดูเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง นางรู้สึกโล่งใจขึ้น
…
เมื่อกลับถึงบ้าน เจียงหยุนชานเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามตะวันขึ้นกลางท้องฟ้าและอาหารก็เริ่มเย็นชืด เจียงฉิงจึงยกอาหารไปที่ห้องครัวและวางมันลงบนซึ้งนึ่งอาหารเพื่ออุ่นให้ร้อน
“เรื่องทางฝั่งครูเวินไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” หลังจากที่เจียงป่าวชิงจัดการกับมื้ออาหารเสร็จแล้ว เจียงหยุนชานก็เอ่ยถามอย่างเอาใจใส่
เจียงป่าวชิงเล่าเรื่องทางฝั่งของฉินโผคร่าว ๆ ให้เจียงหยุนชานฟัง เขานั้นรู้ว่าน้องสาวเลือกใช้ท่าทีที่เป็นความลับต่อทักษะฝังเข็มของนางมาโดยตลอด แต่ตอนนี้นางกลับใช้ทักษะฝังเข็มอย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น เขารู้สึกประหลาดใจมาก “ป่าวชิง การฝังเข็มของเจ้าไม่ใช่ว่า…”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่” เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “เมื่อก่อนที่ชนบทข่าวสารเข้าไม่ถึง ผู้คนที่นั่นต่างก็อาศัยอำนาจเพื่อใช้ประโยชน์จากมันและอาจไม่สามารถรักษามันไว้ได้หากมีสิ่งมีค่าที่แปลกประหลาดติดตัว ตอนนี้เราอยู่เมืองหลวง ที่นี่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถหยิบยกขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างเปิดเผยได้และมันยังเป็นการเพิ่มการป้องกันอีกชั้นหนึ่งด้วย ข้าคิดว่าถึงแม้ตอนนี้ข้ากับอาฉิงจะยังมีเงินอยู่บ้างและพี่เองก็มีเบี้ยเลี้ยง แต่เราจะนั่งกินนอนกินเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ พี่กับชุนหยู่ต้องแต่งภรรยาเข้ามาในภายภาคหน้า ส่วนข้ากับอาฉิง หากไม่ประกาศหาสามีก็ต้องออกเหย้าเรือน ยังไงซะค่าใช้จ่ายในภายภาคหน้าคงมีไม่พอสำหรับเรื่องพวกนี้ ข้ากำลังคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากทักษะเข็มเงินที่ข้ามีเพื่อเปิดร้านยา เรื่องของฉินโผในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ”
เจียงหยุนชานอยากลูบศีรษะเจียงป่าวชิง แต่ตอนนี้นางโตเป็นสาวแล้ว เขาจึงค่อนข้างขวยเขินเล็ก ๆ และทำได้เพียงกระแอมไอเบา ๆ “อะแฮ่ม ป่าวชิง ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นห่วงครอบครัวนี้มากเกินไป เจ้าทำในสิ่งที่ชอบเถอะ ทุกอย่างจะมีข้าคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าพลางยิ้ม “รู้แล้วจ้ะ”
……
เนื่องจากเรื่องทางฝั่งของฉินโผ ครูเวินจึงเลื่อนการสอนหนังสือของวันนี้เป็นช่วงบ่าย ตอนที่ครูเวินมาที่บ้าน นางมาพร้อมม้วนภาพวาดที่ถูกยื่นให้เจียงหยุนชานในเวลาต่อมา
ครูเวินพูดยิ้ม ๆ “เจ้าหนุ่มเจียง ข้าเห็นว่ายังมีที่ว่างบนฝาผนังห้องตำราของเจ้า ผนังเกลี้ยงเกลาสะอาดยังขาดภาพวาดทิวทัศน์งาม ๆ เช่นนี้ นี่เป็นผลงานเงอะงะของสามีข้าเอง เจ้าลองดูว่าถูกตาต้องใจหรือเปล่า”
เมื่อเจียงหยุนชานกางภาพวาดออกดูก็มีอันต้องตกตะลึงทันที นี่เป็นภาพภูเขาสูงท่ามกลางหมู่เมฆ ภูเขาปกคลุมไปด้วยหมอกซึ่งปกคลุมได้อย่างสดชื่น ดูจากภาพแล้วปลายพู่กันคงถูกรั้งไว้เล็กน้อยทำให้ดูขัดแย้งแต่ลงตัว ภาพสวยงามเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกชั้นสูงเลยก็ว่าได้
“ครูเวินขอรับ นี่ล้ำค่าเกินไป” เจียงหยุนชานพูดขึ้นอย่างเกรงใจ “ถ้าหากว่าแขวนไว้ในห้องตำราเล็ก ๆ มันจะเหมือนสิ่งของล้ำค่าที่ถูกปกปิดความล้ำค่าเอาไว้นะขอรับ”
แต่ครูเวินกลับมองออก นางพูดหยอกล้อ “ตอนที่สามีข้ายังมีชีวิตอยู่ เขามักบอกอยู่เสมอว่าภาพวาดของเขานั้นยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบและไม่คู่ควรนำออกมาให้ชาวโลกเห็นจึงเหลือไว้ที่บ้านสองสามรูปเพื่อชมเล่นและเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถแขวนไว้ในห้องตำราของคนกันเองเพื่อใช้ประดับตกแต่งได้ เรื่องของแม่นมข้าในวันนี้ ข้ามาขอความช่วยเหลืออย่างกะทันหันถือว่าสร้างปัญหาให้กับแม่นางเจียงไม่น้อย นอกจากค่ารักษาที่ควรมีแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นของขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าหนุ่มเจียง เจ้ารับไว้เถอะ”
อีกฝ่ายพูดถึงขั้นนี้แล้ว เจียงหยุนชานจึงรับไว้ไม่ให้เสียความตั้งใจ “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าจะนำภาพวาดนี้ไปแขวนไว้ในห้องตำรา ครูเวินไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลภาพวาดนี้เป็นอย่างดีขอรับ”
ครูเวินพยักหน้า มองไปที่เจียงป่าวชิงอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “เอ่อ… ช่วงเวลาต่อจากนี้ ข้าคงต้องรบกวนแม่นางเจียงด้วยนะ”
…
การรักษายังคงดำเนินต่อไป ฝังเข็มยาควบคู่ไปกับดื่มยาต้มเพื่อรักษาอาการเลือดออกในสมองในระยะเริ่มแรกนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ภายในหนึ่งวัน ต้องพักฟื้นระยะยาว
ช่วงบ่ายคล้อย เจียงป่าวชิงจัดเก็บของเสร็จแล้วก็ออกจากบ้าน
อารามรีบออกจากบ้าน นางจึงไม่ได้ใส่ชุดแบบผู้ชายในช่วงเช้า และเพื่อเป็นการลดปัญหาที่ไม่จำเป็น ตอนนี้นางจึงเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายแต่ไม่ได้แต่งตัวละเอียดจนเกินไป เพียงแค่สวมเสื้อคลุมตัวนอกทับไว้ก็ได้แล้ว
เจียงป่าวชิงมีความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน นางจำซอยและถนนที่เลี้ยวไปมาในตอนเช้าได้อย่างชัดเจนจึงเดินไปตามเส้นทางได้อย่างไม่มีผิดและมาถึงบ้านตระกูลซุนในไม่ช้า
หน้าบ้านตระกูลซุน เด็กเล็กสองสามคนกำลังเตะลูกกลมสำหรับเตะเล่นกันอยู่ที่นั่น ทันทีที่เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปด้านใน เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่คอยแต่จะสูดน้ำมูกก็เอ่ยถามตามประสาเด็กน้อย “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านข้า ?!”
เจียงป่าวชิงรู้ว่าฉินโผอาศัยอยู่กับซุนเอ้อมู่ลูกชายคนเล็กของนางในตอนนี้ ซุนเอ้อมู่มีลูกชายสองคนและลูกสาวอีกสองคน ลูกสาวทั้งสองของเขาออกเรือนไปกันหมดแล้ว ส่วนซุนจงเลี่ยงที่เห็นเมื่อเช้าคือลูกชายคนเล็กของซุนเอ้อมู่
ลูกชายคนโตของซุนเอ้อมู่แต่งงานมีลูกได้สองคนแล้ว แต่เขาออกไปทำการค้ากับผู้คนในช่วงนี้ เจียงป่าวชิงจึงไม่เห็นเขาในตอนเช้า
ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังสูดน้ำมูกคนนี้คงเป็นลูกสาวของลูกชายคนโตของซุนเอ้อมู่
เจียงป่าวชิงล้วงมือเข้าไปหยิบลูกกวาดออกมาจากในกระเป๋ากางกาง เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ต่างก็ชอบกินขนมหวาน นี่เป็นสิ่งที่นางเตรียมไว้สำหรับเด็กทั้งสองโดยใส่มันไว้ในกระเป๋ากางเกงเมื่อครั้งที่แล้ว และมันยังเหลืออยู่นิดหน่อย
“หนูน้อย ย่าของเจ้าเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ?” เจียงป่าวชิงนำลูกกวาดมาวางไว้ในฝ่ามือตัวเองและยื่นไปข้างหน้า พวกเด็ก ๆ ดูท่าทางของเจียงป่าวชิงอย่างระแวดระวัง ทว่าจากนั้นไม่นานก็พากันวิ่งมาข้างหน้าอย่างเร็วและแย่งลูกกวาดไปจนหมดเกลี้ยง