แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1181 ความลับที่ซ่อนอยู่
ตอนที่ 1181 ความลับที่ซ่อนอยู่
ชาวบ้านในหมู่บ้านหุบเขาไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตามต่างมองมาทางกลุ่มหลินม่ายอย่างไร้ความปรานี และระแวดระวัง
หลินม่ายยังสังเกตเห็นด้วยว่าในหมู่ชาวบ้านที่เธอเห็น ไม่มีใครเลยที่ผ่ายผอมหรือซีดเซียว ทั้งยังไม่มีชาวบ้านคนไหนใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานะความยากจนของพวกเขามากนัก
เมื่อหลินม่ายและคนอื่น ๆ มาถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านโดยการนำของหญิงชรา มันก็เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวของเขามองดูแขกที่ไม่ได้รับเชิญหลายคน ราวกับกำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม
หัวหน้าหมู่บ้านดุหญิงชราด้วยใบหน้าเข้มว่า “ยายน่ายาง ทำไมถึงพาคนนอกเข้ามาในหมู่บ้าน? คนพวกนี้เป็นใคร?”
คุณยายน่ายางตอบกลับ “คนเหล่านี้ต้องการเข้ามาพัฒนาการท่องเที่ยว ฉันบอกไปแล้วว่าหมู่บ้านของเราจะไม่เข้าร่วม แต่พวกเขายืนกรานที่จะพบคุณให้ได้ ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาพวกเขาเข้ามาในหมู่บ้าน”
สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านอ่อนลงและขอให้คุณยายน่ายางกลับไปกินข้าว
หลังจากที่คุณยายน่ายางกลับไป หัวหน้าหมู่บ้านเชิญชวนหลินม่ายและคนอื่น ๆ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเขาด้วยกัน
หลินม่ายเหลือบมองโต๊ะอาหาร มีหมูคลุกแป้งทอดหนึ่งชาม ปลาไนตุ๋นหนึ่งชาม และไข่กวนใส่กุยช่ายอีกชาม
ไข่กวนใส่กุยช่ายนั้นใช้ไข่อย่างน้อยห้าหรือหกฟอง
หลินม่ายเคยกินอาหารในบ้านของชาวบ้านคนอื่น ๆ มาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง รวมถึงลงมือปรุงไข่กวนกับกุยช่ายให้เธอ แต่พวกเขาใช้ไข่เพียงสามฟองเท่านั้น
หัวหน้าหมู่บ้านคนนี้รวยมาก กระทั่งไข่คนของบ้านเขายังเต็มใจที่จะใช้ไข่หลาย ๆ ฟองในคราวเดียว
หัวหน้าหมู่บ้านแอบสังเกตใบหน้าครุ่นคิดของหลินม่ายที่มองโต๊ะอาหาร
เขาหัวเราะและอธิบาย “พวกเราจับปลาเองได้ และไข่ที่ใส่กุยช่ายพวกนี้ไม่ได้มาจากไก่บ้าน แต่เป็นไข่ที่เก็บจากนกอัญชัน ฮ่า ๆ!”
ต๋าเฮ่อเป็นคนพูดตรงไปตรงมา “เพิ่งผ่านเดือนแรกของปีไป อากาศก็ยังไม่อุ่นขึ้น ปลาที่จับได้มาจากไหน? ไข่นกอัญชันนั่นด้วยมาจากไหน?”
เขาหยิบไข่ชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากเพื่อชิมอย่างระมัดระวัง “เห็นได้ชัดว่าเป็นไข่ไก่บ้าน ทำไมถึงบอกว่ามันเป็นไข่นกอัญชันล่ะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านแทบจะแข็งค้างทันที เขาหันไปหาหลินม่ายและพูดว่า “สหายเอ๋ย คุณต้องการพูดคุยกับผมเกี่ยวกับการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวใช่ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “คุณเห็นด้วยหรือคะ?”
ต๋าเฮ่อแนะนำ “หัวหน้าหมู่บ้าน คุณควรเห็นด้วยนะครับ หากมีการสร้างจุดชมวิวที่นี่ ทั้งหมู่บ้านของคุณก็จะหลุดพ้นจากปัญหาความยากจนได้”
หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หากสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดชมวิว ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะต้องย้าย”
ต๋าเฮ่อพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องย้ายไปไกลมากนัก และคุณหลินจะเป็นผู้รับผิดชอบค่ายใช้จ่ายในการขนย้ายทั้งหมด พวกคุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักหยวน”
หลินม่ายกล่าวเสริม “ฉันจะสร้างบ้านใหม่ให้พวกคุณฟรีด้วยค่ะ”
ไม่เพียงหัวหน้าหมู่บ้านอาวุโสเท่านั้น แต่สมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมดต่างก็ไม่แยแส
หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าหมู่บ้านก็พูดว่า “เราคุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว และไม่อยากย้ายออกไป”
ต๋าเฮ่อใช้เวลาครึ่งวันทำงานด้านอุดมการณ์โดยไม่เกิดประโยชน์
แขกและเจ้าบ้านทุกคนที่รับประทานอาหารมื้อนั้นต่างไม่มีความสุข
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลินม่ายก็อยากออกไปจากหมู่บ้าน
เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าทุกสิ่งในหมู่บ้านนี้ดูแปลกพิกล ดังนั้นเธอจึงอยากออกจากที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือ “ดึกมากแล้ว พวกคุณจะลงจากภูเขาได้อย่างไร? และจากนี้ไปก็ไม่มีหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย พวกคุณจะพักค้างคืนที่ไหนหากออกจากที่นี่? พวกคุณทั้งหมดพักค้างคืนที่นี่สักคืนก่อนออกเดินทางพรุ่งนี้สิ”
ต๋าเฮ่อและเจ้าหน้าที่สามคนพยายามอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวหลินม่าย
ต๋าเฮ่อยังกล่าวอีกว่าบริเวณภูเขามีหมาป่า หากออกไปตอนค่ำแล้วเจอหมาป่าตามถนนอาจเป็นอันตรายได้
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
ทั้งห้าจึงตัดสินใจที่จะพักค้างคืน
คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินมากกว่า 20 กิโลเมตรเพื่อลงไปถึงตีนเขา หลินม่ายจึงวางแผนจะอาบน้ำและหลับตั้งแต่หัวค่ำ
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะล้างเท้าหรืออะไรแบบนั้น เธอไม่ใช้ของใช้ในห้องน้ำของคนอื่นเด็ดขาด
จากนั้นแปรงฟัน ล้างหน้า และเข้านอน
ขณะเดินไปที่ห้องครัวพร้อมผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟัน เธอก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขาดังมาจากด้านใน
ภรรยาของเขาพูดอย่างไม่พอใจมาก “ในเมื่อผู้หญิงแซ่หลินอยากออกไปทำไมคุณไม่ปล่อยหล่อนไปล่ะ? คุณไม่เห็นต้องสนใจเลยว่าหล่อนจะถูกหมาป่าโจมตีหรือถูกงูกัดตอนที่ออกจากหมู่บ้านเลยนี่ ถ้าหล่อนตายก็จะได้ไม่มีใครอยากใช้ประโยชน์จากแกรนด์แคนยอนของเรา”
“คุณนี่ไม่รู้อะไรเลย!” หัวหน้าหมู่บ้านตะคอกใส่ด้วยความโกรธ “ผมได้ยินมาว่าผู้หญิงแซ่หลินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถ้าหล่อนประสบอุบัติเหตุในหุบเขา คุณคิดว่าคนระดับสูงจะไม่ส่งคนมาค้นหาหล่อนเหรอ? จากนั้นความลับของหมู่บ้านของเราจะถูกเปิดเผย และเราทุกคนจะสูญเสียกันหมด ยังไงซะก็แค่พักคืนเดียว คุณจะกลัวอะไรนักหนา?”
หลินม่ายได้ยินดังนั้นก็ล้มเลิกที่จะแปรงฟันและล้างหน้า ก่อนถอยกลับไปที่ห้องพักซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านเตรียมไว้ให้
ห้องที่หัวหน้าหมู่บ้านจัดไว้ให้หลินม่ายไม่ใช่ห้องส่วนตัว แต่อยู่กับหลานสาวสองคนของหัวหน้าหมู่บ้านที่เรียนอยู่ชั้นประถม
หลานสาวคนโตอายุเจ็ดขวบ และหลานสาวคนเล็กอายุหกขวบ
ก่อนเข้านอน หลินม่ายถอดกิ๊บติดผมรูปหงส์ออกจากศีรษะเพื่อให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนต่างจ้องมองกิ๊บติดผมที่ส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ
หลินม่ายไม่ชอบแววละโมบในสายตาของเด็กหญิงทั้งสองคน เธอจึงเก็บกิ๊บไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของตัวเอง
ไม่อย่างนั้นเธอกลัวจริง ๆ ว่าสาวน้อยสองคนจะแอบขโมยกิ๊บติดผมไป แล้วพรุ่งนี้เธอจะใช้อะไรเก็บผม?
ถนนบนภูเขาไม่ดีเท่าถนนสายหลักในเมือง หากไม่เก็บผมจะทำให้เดินทางลำบากมาก
หลินม่ายนอนบนเตียงโดยไม่สนใจเด็กหญิงทั้งสองอีก
เธอเพิ่งหลับตาไม่ถึงสิบนาที ก่อนจะรู้สึกว่ามีคนแตะตัวเธอ
หลินม่ายรู้ว่านี่จะต้องเป็นหนึ่งในเด็กหญิง หรืออาจจะเป็นทั้งสองคนก็ได้
เธอไม่อยากคุยกับเด็กทั้งสอง จึงพลิกตัวและนอนต่อ
แต่เด็กหญิงทั้งสองไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย พวกหล่อนเขย่าหลินม่ายและตะโกนเรียกหลินม่ายอย่างต่อเนื่อง
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลืมตาขึ้น และถามอย่างเย็นชา “พวกเธอมีอะไร?”
หลานสาวคนโตหยิบขนมชิ้นใหญ่ออกมา “หนูอยากแลกกับกิ๊บติดผมของคุณ”
หลินม่ายแสดงความรังเกียจ “นี่คือกิ๊บติดผมของดีไซเนอร์ ฉันซื้อมันมาด้วยเงินหลายพันหยวน เธอต้องการแลกมันด้วยขนมไม่กี่หยวน เงินของเธอมีค่ามากกว่าคนอื่นหรือไง!”
หลินม่ายไม่ได้โกหก กิ๊บติดผมของเธอเป็นของแบรนด์สวารอฟสกี้ และเป็นรุ่นลิมิเต็ด ซึ่งมีราคาแพงมาก
หลินม่ายหลับตานอนต่อ ขณะได้ยินเด็กหญิงสองคนกระซิบกระซาบกัน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหญิงทั้งสองก็เริ่มเขย่าตัวเธออีกครั้ง
หลินม่ายลืมตาขึ้นอีกครั้งและเห็นกองธนบัตรร้อยหยวนสีแดงกองหนึ่งยื่นมาตรงหน้า
เธอพลันตกตะลึง
เมื่อปีที่แล้ว ฟางจั๋วหรานมอบธนบัตรร้อยหยวนให้กับหญิงสาวชื่อหมี่อันเพื่อให้หล่อนไปหาหมอ จึงมีคนไม่มากในพื้นที่ห่างไกลที่จะรู้จัก
แต่เด็กหญิงอายุน้อยกว่าสิบขวบทั้งสองกลับมีธนบัตรร้อยหยวน ซึ่งทำให้หลินม่ายล่วงรู้ความลับของหมู่บ้านนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอถามอย่างจริงจังว่า “ทำไมพวกเธอถึงมีเงินมากมายขนาดนี้ล่ะ? พวกเธอขโมยมาจากที่บ้านเหรอ?”
หลานสาวคนโตพยักหน้าแล้วถามว่า “ด้วยเงินทั้งหมดที่เรามี มันเพียงพอจะซื้อกิ๊บติดผมของคุณได้ไหม?”
หลินม่ายตรวจดูธนบัตรร้อยหยวนฟ่อนนั้น ซึ่งคงมีอย่างน้อยหลายพันหยวน และเพียงพอที่จะซื้อกิ๊บติดผมรูปหงส์แบรนด์สวารอฟสกี้รุ่นลิมิเต็ดได้หลายชิ้นเลย
หลินม่ายนอนลงและพูดว่า “ฉันไม่ขายให้พวกเธอหรอก”
เด็กหญิงทั้งสองงุนงง “ทำไมล่ะ?”
“เพราะฉันกลัวว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวของเธอจะจับได้ว่าเงินหายไป แล้วมาตีพวกเธอน่ะสิ”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสองหัวเราะ “บ้านเรามีเงินเต็มกล่อง เราเอาออกมาไม่กี่สิบใบ ผู้ใหญ่ไม่สังเกตเห็นหรอก”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หมู่บ้านนี้แปลกๆ แฮะ ขนาดเงินเป็นฟ่อนเด็กยังบอกว่าไม่กี่สิบใบ ดูรวยผิดปกติ
ไหหม่า(海馬)